อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2001 ดวลกันต่อเถอะ!
“ง่ายนิดเดียว ที่คุณต้องทำก็คือท้าพนันกับเธอ โดยผู้แพ้จะต้องมอบเหรียญสำนักดาบทั้งหมดที่ตัวเองมีให้กับผู้ชนะ แล้วหลังจากนั้นผมจะให้คำชี้แนะกับคุณระหว่างการดวล เพื่อที่คุณจะได้เอาชนะได้สบาย!” จางเซวียนส่งโทรจิตตอบ
“ระหว่างการดวล?” ไป๋เหรินชิงอ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อ
แต่ละสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในการต่อสู้นั้นเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ทุกการตัดสินใจจะต้องเกิดขึ้นอย่างทันท่วงที จะไม่ช้าไปหน่อยหรือหากจะให้คำชี้แนะกับเธอในระหว่างการดวล?
ขนาดผู้เชี่ยวชาญระดับท่านปู่ของเธอก็ยังไม่กล้าทำอะไรแบบนี้? อาจารย์ลุงแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาจะทำได้?
ถ้าเป็นแค่การดวลทั่วไป เธอก็คงไม่มีอะไรโต้แย้ง เพราะถึงอย่างไรเธอก็ถูกสังหารมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง แต่ทุกอย่างจะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงหากมีเดิมพันเข้ามาเกี่ยวข้อง
เธอไม่อยากหมดเนื้อหมดตัว!
“ใช่แล้ว!” จางเซวียนพยักหน้า “ไปเถอะ คุณไม่แพ้หรอก!”
“อย่างนั้นก็ได้!” ไป๋เหรินชิงไม่แน่ใจว่าเธอตัดสินใจถูกหรือเปล่าที่เชื่อคำพูดของจางเซวียน แต่ลงท้ายก็เลือกไว้ใจเขา
เธอก้าวขึ้นสู่สังเวียนประลองด้วยหัวใจหนักอึ้ง
“ในเมื่อคุณกลับมาแล้ว ก็ดวลกันต่อเถอะ!” โม่เชียงอวิ๋นพูดขณะเงื้อดาบขึ้น เกิดเสียงเสียดสีดังสนั่น
“รอเดี๋ยว!” แม้ไม่ได้หันไปมอง แต่ไป๋เหรินชิงก็รู้สึกได้ถึงสายตาเชือดเฉือนที่จางเซวียนส่งหาเธอ ดูเหมือนเขาคงถลกหนังเธอทั้งเป็นแน่หากเธอไม่ยอมท้าพนัน ไป๋เหรินชิงกัดริมฝีปากครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ในเมื่อเรากำลังจะดวลกัน ฉันก็คิดว่าคงดีหากจะมีเดิมพันเข้ามาเกี่ยวข้องสักหน่อย”
“เดิมพัน?” โม่เชียงอวิ๋นขมวดคิ้ว
“ใช่ ถ้าฉันชนะ คุณต้องมอบเหรียญสำนักดาบทั้งหมดที่คุณมีให้ฉัน แต่ถ้าฉันแพ้ ฉันก็จะมอบเหรียญสำนักดาบทุกเหรียญที่ฉันมีให้คุณเหมือนกัน!”
ขณะที่ไป๋เหรินชิงพูดออกมา ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำ
เธอไม่กล้าขัดคำสั่งของอาจารย์ลุง แต่นั่นแหละ…มันน่าอับอายเหลือเกินที่ต้องพูดเรื่องแบบนั้นออกมาดังๆ!
“คุณจะให้ฉันเดิมพันด้วยเงินทั้งหมดของฉันหรือ? โม่เชียงอวิ๋นตาโต “คิดจะปล้นฉันหรือไง?”
“ชะ-ใช่” ไป๋เหรินชิงพยายามทำหน้าด้านหน้าทนเข้าไว้ “มันเป็นอย่างนั้นแหละ!”
ชายชราคนเมื่อครู่เข้าสู่หอนิรันดร์พร้อมกับผู้อาวุโสไป๋เย่และไป๋เฟิง เมื่อเห็นภาพนั้น เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้อาวุโสไป๋เย่ด้วยอาการตกตะลึงสุดขีด
“หลานสาวของคุณ…เธอยากจนข้นแค้นเกินไปจนเป็นบ้าไปแล้วหรือ?”
“ฮ้าาาา…” ผู้อาวุโสไป๋เย่ก็ผงะ
กล้าท้าพนันต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนี้ นี่คือหลานสาวผู้ว่านอนสอนง่ายที่เขารู้จักจริงๆหรือ?
ต่อให้มีภูเขาไฟอยู่ตรงนั้น ไป๋เฟิงก็คงกระโจนลงไปทันทีโดยไม่ลังเล
นายท่านคือหนึ่งในสามผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักดาบเมฆเหินด้วยอิทธิพลของเขาต่อให้บรรดาชนชั้นนำก็ไม่กล้ากระด้างกระเดื่องใส่*…แล้วนายท่านจำกัดเงินในกระเป๋าของคุณหรือไง?หรือเขาให้คุณอดอยากปากแห้ง?*
ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะกล้าท้าพนันกับคนอื่น…
แถมยังยื่นข้อเสนอราวกับจะปล้น
“ก่อนหน้านี้เธอเอาชนะโม่เชียงอวิ๋นไม่ได้ และเพิ่งจากไปเพียง 2 นาทีเท่านั้นเอง ผมเชื่อว่าเธอกลับมาคราวนี้ก็ไม่มีอะไรแตกต่างหรอก!”
“ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าแพ้แน่ๆ ไป๋เหรินชิงก็ยังกล้าท้าพนัน เธอคงไม่ได้บ้าไปแล้วหรอกนะ ใช่ไหม?”
“คงไม่หรอก เธออาจจงใจหาเรื่องดูถูกศิษย์พี่โม่ เพื่อทำให้อีกฝ่ายอารมณ์เสีย…”
“อาจเป็นอย่างนั้นก็ได้ เพราะถึงอย่างไร สภาวะจิตของนักรบคนหนึ่งก็มีบทบาทสำคัญมากในการต่อสู้ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่มีทางที่นักรบระดับศิษย์พี่โม่จะอารมณ์เสียง่ายๆเพราะเรื่องแค่นั้นหรอก พนันไปก็ไม่มีประโยชน์!”
ฝูงชนที่เหลือต่างมองหน้ากันขณะพยายามวิเคราะห์เจตนาของไป๋เหรินชิง
ในบรรดาศิษย์สายตรง 5 อันดับแรก มีใครบ้างที่ไม่ได้ผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชนกว่าจะเข้าถึงระดับนี้ได้? หากพวกเขาอารมณ์เสียเพียงเพราะการยั่วยุเล็กๆน้อยๆแบบนี้ ก็คงพ่ายแพ้ไปนานแล้ว คงไม่อาจรักษาตำแหน่งไว้ได้อย่างยาวนานและกลายเป็นบุคคลที่ได้รับความยกย่องอย่างสูงภายในสำนัก
เป็นอย่างที่ทุกคนคิด ไม่เพียงแต่โม่เชียงอวิ๋นจะไม่อารมณ์เสีย เธอยังมองหน้าไป๋เหรินชิงอย่างนึกสนุกด้วย
“ก็ดี เดิมพันนี้ดูน่าสนใจ มาดูกันดีกว่าว่าใครจะได้เงินไป ดีไหม?”
“เอ่อ แน่นอน…” ไป๋เหรินชิงหน้าแดงก่ำ อยากจะตายไปให้พ้นๆด้วยความอับอาย
ถึงเธอจะหุนหันพลันแล่นและชอบใช้กำลังในบางครั้ง แต่ความตรงไปตรงมาของเธอก็ทำให้รู้สึก ว่าช่างยากเหลือเกินที่จะทำเรื่องน่าอับอายแบบนี้
นี่ควรจะเป็นการดวลศิลปะเพลงดาบอันศักดิ์สิทธิ์ที่แข่งขันกันจนถึงที่สุด แต่ทันทีที่อาจารย์ลุงจางเข้ามา ก็ดูเหมือนบางอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
ไม่ต่างกับการต่อสู้ใต้ดินของคนระดับล่าง!
โชคดีที่เธอต่อสู้อยู่ในหอนิรันดร์และท่านปู่ไม่รู้เรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นคงถูกตีตายแน่
แต่อะไรที่เกิดก็เกิดไปแล้ว สายเกินกว่าจะคืนคำ เธอทำได้แค่เดินหน้าต่อไป
“ดวลกันต่อเถอะ!” โม่เชียงอวิ๋นคำรามคณะพุ่งเข้าใส่ไป๋เหรินชิงอีกครั้ง
มันคือกระบวนท่าเดียวกันกับคราวก่อนและมีพละกำลังมหาศาล
ไป๋เหรินชิงกัดฟันกรอด เธอกำลังจะสำแดงการฟาดฟันในแนวราบเพื่อปัดป้องการโจมตีนั้นเหมือนอย่างที่เคยทำคราวที่แล้ว ก็พอดีกับที่ได้ยินเสียงหนึ่ง
“โยนดาบของคุณออกไป!”
ผู้พูดไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอาจารย์ลุงจาง
“ฮะ?” ไป๋เหรินชิงเลิกคิ้วอย่างงุนงง
ดาบของโม่เชียงอวิ๋นกำลังพุ่งเข้ามาพร้อมกับเสียงกึกก้องและพละกำลังที่หนักหน่วงจนน่าสะพรึง มันพร้อมจะแทงทะลุศีรษะของเธอในทุกวินาที ถ้าเธอตัดสินใจโยนดาบออกไปแทนที่จะปัดป้องการโจมตีนั้น แล้วดาบตรงเข้าสู่เป้าหมาย…เธอคงตายแน่!
อีกอย่าง ทันทีที่ดาบหลุดจากมือ เธอก็จะหมดความสามารถในการป้องกันตัวอย่างสิ้นเชิง
“เร็วๆเข้า!” อาจารย์ลุงจางเร่งไป๋เหรินชิงที่กำลังเก้ๆกังๆด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ช่างมันเถอะ!”
เมื่อหวนนึกถึงปาฏิหาริย์มากมายที่อีกฝ่ายสร้างขึ้นในหอนิรันดร์ของศิษย์สายตรงฝ่ายใน ทั้งยังสังหารท่านปู่เฟิงได้ในกระบวนท่าเดียว ไป๋เหรินชิงกัดฟันกรอดขณะโยนดาบออกไปโดยไม่ใส่ใจการโจมตีที่กำลังพุ่งเข้ามา
ฟิ้ววววว!
ดาบพุ่งออกไปจากมือของเธอ
“อะไรกัน?”
โม่เชียงอวิ๋นผิดคาดอย่างหนักที่เห็นไป๋เหรินชิงไม่พยายามปกป้องตัวเอง ขณะที่เธอกำลังคิดว่าจะเล่นงานไป๋เหรินชิงให้บี้แบนเป็นแพนเค้ก ก็พลันรู้สึกเจ็บแปลบที่ศีรษะ ยังไม่ทันจะรู้ตัว ดาบเล่มหนึ่งก็แทงทะลุเข้าที่หน้าผากของเธอ
ฉึกกกก!
ดาบของเธออยู่ห่างจากร่างของไป๋เหรินชิงเพียงนิ้วเดียว ขณะที่ร่างของเธอที่มีดาบปักอยู่แหลกสลายและหายวับไป
เธอพ่ายแพ้อย่างง่ายดายเพียงเพราะสิ่งนี้!
“เฉียดฉิวเหลือเกิน” หัวใจของไป๋เหรินชิงเต้นรัวจนไม่อาจบอกได้ว่าเป็นเพราะความหวาดกลัวหรือความตื่นเต้น
เธอเคยคิดว่าคงแพ้แน่นอนแล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าการคำนวณของอาจารย์ลุงจะแม่นยำขนาดนั้น
มันคือสองกระบวนท่าเดิมที่เมื่อครู่นี้เธอไม่อาจเอาชนะอีกฝ่ายได้ แต่ด้วยการชี้แนะของอาจารย์ลุงจาง ทุกอย่างก็ดูจะราบรื่นเสียจนเธอแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น
ต่อให้มีศิลปะเพลงดาบที่ยอดเยี่ยมแค่ไหน แต่หากจับทิศทางของการต่อสู้ไม่ได้ ก็ไม่มีทางหยุดยั้งการต่อสู้ได้เลย!
อาจารย์ลุงจางได้สอนบทเรียนอันล้ำค่าในศิลปะเพลงดาบให้เธอ นั่นคือแม้กระบวนท่าที่สุดแสนจะธรรมดาสามัญก็อาจนำมาซึ่งชัยชนะได้ หากใช้มันอย่างถูกต้อง
“ไป๋เหรินชิงชนะ?”
“ผมตาฝาดหรือเปล่า ศิษย์พี่โม่แพ้ง่ายๆแบบนั้นหรือ?”
“เวลาช่างพอดิบพอดีอะไรอย่างนั้น ถ้าเธอพลาดไปเพียงนิดเดียวล่ะก็ ผลที่ออกมาจะตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง…”
“ดูเหมือนระยะเวลาอันฉิวเฉียดคือหัวใจของชัยชนะของไป๋เหรินชิง เธอไร้เทียมทานขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ศิลปะเพลงดาบของโม่เชียงอวิ๋นเน้นกระบวนท่าที่ทรงพลังเพื่อให้สามารถสำแดงพละกำลังเหนือชั้นออกมาได้ ซึ่งนั่นหมายความว่าการป้องกันตัวคือจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ ขณะที่การโจมตี คือจุดแข็ง ทำให้เป็นโอกาสที่เหมาะที่สุดที่เราจะเปิดการโจมตี หลังจากนี้ ท้าทายผู้รั้งอันดับ 4 และอย่าลืมยื่นเดิมพันด้วย!” เสียงของอาจารย์ลุงจางดังขึ้นในหัวสมองของไป๋เหรินชิง
“ได้!” ไป๋เหรินชิงส่งโทรจิตตอบก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มคนหนึ่งท่ามกลางฝูงชนซึ่งกำลังเฝ้าดูความปั่นป่วนวุ่นวายในเวลานั้นอยู่ “ศิษย์พี่หู ตาคุณแล้ว!”
ศิษย์สายตรงผู้รั้งอันดับ 4, หูเฉิน!
หูเฉินรู้ดีว่าไป๋เหรินชิงจะต้องท้าทายพวกเขาที่เหลือแน่หากเธอเอาชนะโม่เชียงอวิ๋นได้ จึงตัดสินใจใช้ชื่อจริง
เขาก้าวขึ้นสู่สังเวียนประลองอย่างไม่ลังเล
ผู้ท้าทายคนหนึ่งมาเคาะประตูเรียกถึงบ้านแล้ว เขาไม่อาจปฏิเสธการดวลครั้งนี้ ไม่อย่างนั้นก็ย่อมเสื่อมเสียศักดิ์ศรีและชื่อเสียง
“เหมือนคราวก่อนนะ ฉันขอเสนอเดิมพันระหว่างเราทั้งคู่ด้วยเหรียญสำนักดาบทั้งหมดที่เรามี ศิษย์พี่หู…ไม่ทราบว่าคุณเต็มใจยอมรับเดิมพันครั้งนี้หรือไม่?” ไป๋เหรินชิงตั้งคำถาม
มันอาจดูเหมือนการปล้นกันกลางวันแสกๆ แต่เรื่องแบบนี้ก็ต้องอาศัยความคุ้นชินกันสักหน่อย คราวนี้ไป๋เหรินชิงยื่นข้อเสนอท้าพนันด้วยทีท่าสุขุมเยือกเย็นกว่าเดิม
“แล้วแต่คุณเถอะ!” หูเฉินพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มเลย” ไป๋เหรินชิงพูด
ทั้งคู่รีบเข้าประจำตำแหน่งและถือดาบไว้มั่น
ไป๋เหรินชิงกำลังจะเปิดการโจมตี ก็พอดีกับที่เสียงของอาจารย์ลุงจางแว่วเข้าหูอีกครั้ง “ถอยไป 7 ก้าว จากนั้นโยนดาบของคุณไปทางซ้าย”
“ถอย? โยนดาบของฉันไปทางซ้าย?” ไป๋เหรินชิงถึงกับงง
หูเฉินยังไม่ได้เคลื่อนไหวเลยด้วยซ้ำดูเหมือนเขากำลังเตรียมการที่จะเปิดการโจมตีครั้งใหญ่จะดีหรือถ้าเราถอยและโยนดาบออกไปตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร*?*
จะไม่เป็นการโง่เง่าหรือไงหากจะสำแดงไม้ตายที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวอย่างบุ่มบ่ามแบบนั้น*?*
ไป๋เหรินชิงไม่เข้าใจว่าอาจารย์ลุงของเธอคิดอะไร แต่ไม่กล้าขัดคำสั่ง เธอรีบถอยไป 7 ก้าวโดยไม่ลังเล
ฟึ่บ!
ทันทีที่ถอย ร่างที่อยู่ตรงหน้าก็หายวับไปกับตา
“นั่นคือย่างก้าวของเซียนดาบปีศาจ!” ผู้อาวุโสไป๋เย่อุทานออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ย่างก้าวของเซียนดาบปีศาจ? คุณกำลังพูดถึงศิลปะเพลงดาบปีศาจที่อัจฉริยะผู้นั้นคิดค้นขึ้นตั้งแต่เมื่อ 800 ปีก่อนหรือ?” ชายชราคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆอุทานอย่างพรั่นพรึง “ในครั้งนั้น มันทำลายทั้งทวีปจนราบคาบเลยนะ และนับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่มีใครประสบความสำเร็จในการฝึกฝนมันอีกเลย…คุณกำลังจะบอกว่าหูเฉินคนนั้นทำสำเร็จหรือ?”
“ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นแหละ ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีทางเคลื่อนไหวด้วยความเร็วระดับนั้นได้ ขนาดผมก็ยังมองไม่ออกว่าเขาขยับไปทางไหนและจะปรากฏตัวอีกครั้งที่จุดไหน” ผู้อาวุโสไป๋เย่ตั้งข้อสังเกต