ตอนที่ 2154 มหาสงครามแดนพฤกษา (1)

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

บริเวณใจกลางของกองทัพมาร มีสำเภาปีศาจยักษ์สีดำสนิทสำหนึ่ง ซึ่งมันมีขนาดใหญ่กว่ารถเหาะหลายเท่านัก โดยรอบของสำเภามีปราณมารสีดำคลุมอยู่บางๆ จะเห็นว่าบนเรือนั้นมีมารสวมหน้ากากเหมือนกันอยู่

เห็นได้ชัดว่ามารที่อยู่บนเรือบินลำนั้นแข็งแกร่งมาก

“อีกนานแค่ไหนกว่าจะถึงเมืองมู่เหมียน ครั้งนี้มีระดับมหาเมธีสามคนแล้ว ข้ายังใช้เงินจำนวนมากเพื่อแอบกลับเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ แผนการครั้งนี้ต้องสำเร็จเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด” บนสำเภาใหญ่ มีเสียงแหบแห้งกล่าวออกมาว่า

“เรียนใต้เท้าทุนเทียน! ด้วยความเร็วระดับนี้คาดว่าเราจะต้องใช้เวลาครึ่งเดือนเพื่อไปถึงเมืองมู่เหมียนขอรับ” เป็นเสียงชายหนุ่มอีกคนพูดขึ้นมาด้วยความเคารพ

“หึ ไม่ได้การแล้ว แบบนี้มันช้าเกินไป พวกหยวนซารั้งตาแก่สามคนนั้นไว้นานๆ ไม่ได้แน่ เพิ่มความเร็ว เราต้องไปถึงเมืองมู่เหมียนภายในสิบวัน ขอแค่ทำลายใจกลางของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นั้นให้ได้ พวกแดนพฤกษาก็ไม่สามารถรักษาอาณาเขตได้แล้ว ต้นไม้ต้นนั้นสำคัญมากกว่าที่พวกเจ้าจะจินตนาการได้”  เสียงแหบพร่าของชายชรากล่าวตักเตือน

“แต่ใต้เท้าทุนเทียน ความเร็วในตอนนี้เป็นความเร็วสูงสุดของ “รถเหาะจันทร์เสี้ยว” แล้วนะขอรับ หากจะให้เร็วกว่านี้ เกรงว่าจะไม่สามารถหลบซ่อนสายตาจากพวกแดนพฤกษาได้นะขอรับ “ ชายคนนั้นตอบด้วยน้ำเสียงลังเล

“ไม่เป็นไร ไอ้พวกกองทัพต่างเผ่ามันหนีจนถอยร่นไปแล้ว พวกเราแค่ต้องระวังมากขึ้นหน่อยเท่านั้น น่าจะไม่มีปัญหาอะไร แล้วอีกอย่าง มีข้าอยู่ตรงนี้ทั้งคน ต่อให้พวกเผ่าไม้นั่นหาเจอจริงๆ ข้าจะยอมปล่อยให้พวกมันมีชีวิตไปส่งข่าวซะก่อน” ชายแก่พูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“ในเมื่อใต้เท้าทุนเทียนพูดเช่นนี้แล้ว ดังนั้นต้องไม่เป็นไรแน่นอน ข้าน้อยจะรีบสั่งการลงไปขอรับ” ชายหนุ่มเผ่ามารตอบด้วยความดีใจ

จากนั้น สำเภามารสีดำและรถเหาะทั้งหมดสั่นกึกๆ อยู่ครู่นึง ระดับความเร็วก็เพิ่มขึ้นมาทันที แต่ในขณะเดียวกันก็มีเสียง แก๊กๆ ออกมาเช่นนั้น มันไม่สามารถรักษาความเงียบได้เหมือนเดิมแล้ว

…เจ็ดวันต่อมา หานลี่ที่นั่งอยู่บนต้นไม้ยักษ์ อยู่ๆ เขาก็ลืมตาขึ้นมาทันที

ในขณะเดียวกัน ชายหนึ่งหญิงหนึ่งที่นั่งทำสมาธิอยู่ข้างๆ เขาก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกัน

ทั้งสามคนไม่พูดอะไรกันสักคำ แต่กลับเงยหน้ามองบนท้องฟ้าพร้อมกัน

แต่ไม่กี่วินาทีต่อมา ก็มีเสียงแหวกอากาศดังขึ้นมาจากบนท้องฟ้า

กระบี่เล่มยาวลอยเข้ามา ตามด้วยลำแสงสีเขียวสว่างวาบ จากนั้นมันพุ่งเข้าชนต้นไม้ยักษ์ที่อยู่กลางหุบเขา

หานลี่ตกใจอย่างมาก เขาใช้มือข้างหนึ่งซัดออกไปหนึ่งกระบวนท่าด้วยไม่พูดพร่ำทำเพลง

กระบี่เล่มนั้นตกลงที่ข้างต้นไม้ยักษ์

หานลี่ใช้นิ้วทั้งห้าจับกระบี่ชิงกวงไว้ จากนั้นในมือเขาก็มีกระบี่ขนาดหนึ่งชุน ด้านในมีม้วนคัมภีร์หยกสีขาวอยู่

เมื่อจับกระบี่ด้วยสองมือ กระบี่เล่มนั้นก็ค่อยเลือนหายไป เหลือเพียงม้วนคัมภีร์หยกสีขาวเท่านั้น

หานลี่คีบม้วนคัมภีร์หยกด้วยนิ้วทั้งสอง จากนั้นก็แตะไว้ที่หน้าผากของตนเองเบาๆ

เฉ่าจี๋และเฟยเสี่ยวซี่ที่อยู่ด้านข้างก็มองมาที่เขาเช่นกัน

หลังจากผ่านไปสักพัก หานลี่ก็คีบม้วนคัมภีร์หยกขาวออก และโยนไปให้ชายหนุ่มชาวแดนพฤกษา จากนั้นก็พูดเสียงเรียบว่า

“หนึ่งชั่วยาวต่อจากนี้ ทัพใหญ่เผ่ามารจะเปิดฉากโจมตีอย่างเต็มรูปแบบ ต้องใช้เวลาอีกครึ่งวันถึงจะกระตุ้นพลังของเขตอาคมตัดขาดแดนพฤกษาได้เต็มที่ โดยที่มันจะสามารถดักมารได้สองในสามของทัพใหญ่”

“เผ่ามารติดกับดักของพวกเราแล้วจริงๆ ด้วย จากนี้พวกเผ่ามารก็จะตายกันในเขตอาคมนี้ทั้งหมด แม้ว่ากองทัพพันธมิตรจะไม่สามารถยึดอาณาเขตคืนได้ แต่ก็สามารถทำให้พวกมารบาดเจ็บสาหัสได้ ในช่วงเวลานี้มันจะไม่สามารถพลิกกลับมาโจมตีได้แน่นอน” หลังจากที่เฉ่าจี๋อ่านม้วนคัมภีร์หยกเสร็จ ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความดีใจ จากนั้นก็ยื่นม้วนคัมภีร์ให้กับเฟยเสี่ยวซี่

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราแค่ทำตามคำสั่ง กระตุ้นพลังของเขตอาคมตามเวลาที่วางไว้ ตราบใดที่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามสิบหกทำงานพร้อมกัน เผ่ามารพวกนั้นจะมีแต่ตายเท่านั้น” หลังจากเฟยเสี่ยวซีดูเนื้อหาในม้วนหยกแล้ว นางก็ยิ้มออกมา

“แต่ว่าล่าสุด แต่ว่าหลังเขตอาคมเริ่มทำงานแล้ว พวกเราก็เข้าแล้วออกไม่ได้เช่นกัน ให้คนอื่นเปลี่ยนระดับเตือนภัยเป็นระดับสิบสอง” หานลี่สั่งการเสียงเรียบ แต่แววตาเปล่งประกาย

“ขอรับ ผู้น้อยแซ่เฉ่าจะสั่งการลงไปทันที และจะจัดการด้วยตนเอง” เฉ่าจี๋ตอบรับอย่างไม่ลังเล

ผู้คุ้มกันของที่นี่ส่วนใหญ่เป็นคนของแดนพฤกษา ถ้าให้เขาสั่งการเองจะเหมาะสมมากกว่า

“เช่นนั้นน้องสาวคนนี้จะไปตรวจสอบสถานการณ์โดยรอบ ดูว่าตรงนั้นมีอะไรผิดปกติหรือไม่” เฟยเสี่ยวซี่พูดแทรกขึ้นมาเอง

“ได้ ลำบากสหายทั้งสองแล้ว ผู้น้อยแซ่หานจะนั่งเฝ้าอยู่ตรงนี้ หากสหายทั้งสองพบอะไรผิดปกติ รบกวนแจ้งให้ข้าทราบด้วย” หานลี่พยักหน้า กล่าวเห็นด้วยกับคำพูดของพวกเขา

ชายฉกรรจ์ชาวแดนพฤกษาและสาวน้อยเผ่าเยี่ยชาลุกขึ้นยืน ต่างคนก็เหาะออกไปคนละทาง

หานลี่นั่งหลับตาลงที่ใต้ต้นไม้อีกครั้ง เขานั่งสมาธิสงบเหมือนดั่งตอนแรก ราวกับว่าเขาไม่ได้เอาเรื่องสงครามของเผ่ามารมาไว้ในใจเลย

…ครึ่งวันต่อมา พื้นที่ที่ห่างออกไปล้านลี้มีเสียงคำรามดังขึ้น เวลานั้นเองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามสิบหกต้นที่อยู่ในใจกลางของเมืองนี้ก็ถือกำเนิดขึ้นอย่างสมบูรณ์

แต่ละต้นมีขนาดเท่ากับโอ่งน้ำ แต่พริบตาเดียวก็ขยายใหญ่ออกมาเป็นร้อยเท่า ทำให้เห็นแต่พื้นที่สีเขียวทั่วทั้งป่า

กองทัพมารที่โดนหลอกล่อให้เข้ามาในเขตอาคม ไม่ว่าจะเป็นเรือบิน รถเหาะ หรือวิชาเวทย์ที่เกี่ยวกับการบินไม่สามารถใช้งานได้เขตอาคมแห่งนี้ เรือบินของกองทัพมารก็ทยอยหล่นลงพื้นมาทีละลำ

มีเพียงมารที่อยู่ในระดับหลอมสูญขึ้นไป ที่สามารถลอยอยู่บนฟ้าได้อย่างทุลักทุเล แต่การใช้ปราณที่นี่จะเปลืองพลังมากกว่า เมื่อเทียบกับการใช้ปราณปกติ ดังนั้นจึงไม่สามารถบินขึ้นสูงได้

แต่เผ่ามารส่วนใหญ่จะเป็นพวกหนังหนา เมื่อตกลงจากที่สูงจึงไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ก็ทำให้พวกมันสับสนอย่างมาก

ทางตรงกันข้าม กองทัพพันธมิตรเตรียมพร้อมรับกับเหตุการณ์นี้มาก่อนอยู่แล้ว ก่อนที่ค่ายกลนี้จะเริ่มทำงานพวกเขาได้ทยอยลงจอดกันหมดแล้ว

ในป่ามีแสงสีเขียวส่องวูบวาบจำนวนนับไม่ถ้วน เดิมทีกองทัพพันธมิตรที่ยืนอยู่เต็มไปหมด ตอนนี้ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว

จอมมารระดับผสานอินทรีย์ของเผ่ามารใช้จิตวิญญาณค้นหาโดยรอบ แต่กลับไม่พบอะไร ทำให้พวกมันโมโหอย่างมาก

พวกมารจำนวนไม่น้อยก็ใช้จิตวิญญาณค้นหาศัตรูเช่นกัน แต่กลับไม่เจอแม้แต่คนเดียว

ในตอนนั้นเองพลังของค่ายกลแดนพฤกษาก็เริ่มแผ่ขยายขึ้นมา

ในตอนแรกเป็นระลอกคลื่นอันตรายที่ไม่สามารถบรรยายได้ และเกิดการะกระเพื่อมขึ้นมาจากจุดศูนย์กลางต้นไม้สามสิบหกต้น จากนั้นก็กระจายไปทั่วทั้งผืนป่า ปราณไม้บริสุทธิ์จำนวนมากก็ลอยเข้าไปในต้นไม้ยักษ์

“เปรี้ยง” เกิดเสียงดังสนั่น

ต้นไม้ยักษ์โผล่มาจากพื้นอย่างกะทันหัน จากนั้นพวกมันก็ส่องประกายสีเขียว ขนาดของต้นไม้ยักษ์สูงประมาณร้อยจั้ง กิ่งก้านของมันกำลังโบกสะบัด คล้ายกำลังจะโจมตีเผ่ามาร

ไม่เพียงเท่านั้น ต้นไม้ที่ดูดกลืนปราณไม้เสร็จแล้ว มันก็หันมาดูดร่างของทหารเผ่ามาร จนพวกมันกลายเป็นซากไม้แห้งๆ เท่านั้น

เผ่ามารที่ไม่ทันได้ป้องกันตัว ก็ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนนับไม่ถ้วน

แต่เผ่ามารระดับสูงจำนวนไม่น้อยยังไหวตัวทัน พวกมันรีบสั่งการให้ทหารกระจายกำลังออกไป จากนั้นรุมเข้าโจมตี ต้นไม้ยักษ์หยุดชะงักไปชั่วครู่เพราะโดนขัดจังหวะ

แต่เขตอาคมต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์สามสิบหกต้นเป็นเขตอาคมชั้นสูงของแดนพฤกษา

ทหารเผ่ามารที่อยู่ใกล้กับต้นไม้ยักษ์ตายเกือบแล้ว หลังจาก ก็เกิดลมพายุขึ้น ลมลูกนั้นรวมตัวกันกลายเป็นมังกรยักษ์ตัวใหญ่ตัวนึง มันโจมตีทหารเผ่ามารด้วยกงเล็บและฟันอันแหลมคม

มังกรลมคืนถิ่น

ใบไม้สีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนโผล่ออกมากลางอากาศ หลังจากมีเสียงร้องดังขึ้น ใบไม้เหล่านั้นก็แหลมคมขึ้นเหมือนใบมีด หล่นโปรยปรายลงมาเหมือนละอองฝน การโจมตีอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ทำให้ทหารเผ่ามารบาดเจ็บล้มตายไปมากกว่าครึ่ง ส่วนมารที่รอดตายมาได้นับว่าแข็งแกร่งอย่างมาก หากไม่ได้ม่านพลังของมารระดับสูงเป็นเกราะกำบัง ก็ไม่สามารถรอดพ้นจากการโจมตีครั้งนี้ไปได้

แต่ว่าเขตอาคมของแดนพฤกษานั้นลึกลับและสุดยอดมาก การโจมตีเพียงหนึ่งครั้งก็สามารถทำความเสียหายให้เผ่ามารได้เกือบครึ่ง และพลังนั้นมาจากพลังจากฟ้าดินและหินจิตวิญญาณจำนวนมาก พลังที่สนับสนุนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามสิบหกต้นจึงเป็นพลังบริสุทธิ์ หลังจากการโจมตีสิบกว่าครั้งของเขตอาคม ทำให้ตอนนี้มันไม่สามารถโจมตีต่อไปได้ ทำได้เพียงรอเวลาให้พลังฟื้นคืนขึ้นมาเอง

โดยปกติของการดูดกลืนปราณแล้ว การโจมตีครั้งต่อไปคือในอีกครึ่งวัน

ปีศาจที่อยู่นอกเขตอาคมรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ พวกมันเห็นเพียงแสงสีเขียววูบวาบไปมา แต่ไม่มีเสียง ราวกับพวกเขาถูกตัดขาดจากกลุ่มข้างหน้า

แน่นอนว่าพวกปีศาจจะต้องหวาดกลัวและโกรธแค้นมาก ภายใต้คำสั่งของมารระดับสูงพวกมันจึงโจมตีไปที่ม่านพลังนั้น

พวกเขาเชื่อว่าหากโจมตีพร้อมกัน ไม่ว่าม่านพลังนี้จะลึกลับแค่ไหน ก็ไม่มีทางต้านทานอยู่ได้นานแน่นอน

แต่ในตอนนั้นเอง ด้านบนของม่านพลังนั้นก็มีแสงสว่างวาบขึ้นมา

แสงไฟจำนวนมากก็ส่องแสงออกมาจากเขตอาคมนั้น

“แย่แล้ว รีบโจมตีมันเร็วเข้า นั่นมันเขตอาคมส่งตัว” มารระดับสูงจำนวนหนึ่งตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ครู่เดียวก็สามารถมองออกแล้วนั่นคือเขตอาคมอะไร พวกมันจึงรีบตะโกนขึ้นมา

แต่ว่ามันก็ช้าไปเสียแล้ว

หลังจากแสงสีขาวเหล่านั้นค่อยๆ จางหายไป กองทัพพันธมิตรจำนวนมากก็ปรากฏกายขึ้น จำนวนนับไม่ถ้วนจนเกือบเต็มท้องฟ้า

นาทีนั้นเอง เสียงของการฆ่าฟันก็เริ่มขึ้น

ทหารกองทัพพันธมิตรโจมตีใส่เผ่ามารที่เหลืออยู่อย่างไม่ลังเล