GGS:บทที่ 1118 สังเกต
หลังจากที่ตั๋วคอนเสริตของซูจิ้งได้ขายหมดไป ก็ได้มีการพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้บนโลกอินเตอร์เน็ต
“ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องจริงนะที่ว่าแฟนคลับของพี่จิ้งสามารถซื้อตั๋วได้อย่างง่ายดายแต่คนที่ไม่ใช่กลับซื้อตั๋วได้อย่างยากเย็นน่ะ
โดยเฉพาะกับคนที่เคยว่าร้ายพี่จิ้ง เห็นเขาว่าระบบไม่ให้เข้าหน้าซื้อตั๋วซะด้วยซ้ำ”
“แม่เจ้า….ระบบตรวจสอบอะไรกันเนี่ยที่สามารถแยกแยะผู้คนได้เยี่ยมยอดขนาดนี้”
“ไม่จริงน่า ฉันเองก็เป็นแฟนคลับพันธุ์แท้ของพี่จิ้งนะ ทำไมฉันถึงไม่ได้ตั๋วล่ะ ฉันยอมรับไม่ได้หรอก ฉันว่าต้องมีลับลมคมในแน่ๆ”
“ห้ะ กะอีแค่ตั๋วเพียงสิบหยวนเนี่ยนะจะมีลับลมคมใน”
“ไอ้คนที่ก่อนหน้านี้บอกว่าเป็นแฟนคลับขั้นสุดของพี่จิ้งแล้วบอกว่ามีลับลมคมในนั่นฉันว่านายรีบลบโพสที่ออกมาโวยวายจะดีกว่านะ
หากนายคิดว่าไม่ล่ะก็ฉันจะโพสภาพข้อความของนายที่วอแวพี่จิ้งมามากมายหลายครั้งจนขี้เกียจจะนับน่ะ”
ไม่นานนัก ภาพถ่ายที่ว่าก็ได้ถูกโพสขึ้นมาจนทำให้คนที่อ้างตัวว่าเป็นแฟนคลับขั้นสุดยอดของซูจิ้งยกเลิกบัญชีผู้ใช้ในทันที
ความจริงแล้วในการซื้อตั๋วครั้งนี้นั้นมีคนที่ไม่ใช่แฟนคลับของซูจิ้งแต่คิดจะลองแย่งดูเอามันส์ก็เยอะ ส่วนใหญ่แล้วนั้นก็หวังว่าเพื่อฟลุ๊คได้จะได้เอาไปขายต่อให้แพงๆ
นี่คือสิ่งที่เรียกกันว่าตั๋วผี หากว่าคนเหล่านี้ได้ไปจริงล่ะก็ต่อให้ตั้งราคาขายเอาไว้ร้อยหยวนหรือพันหยวนก็น่าจะขายได้อย่างง่ายดาย นั่นก็เพราะว่าหากตั๋วหมดไปแล้ว ยังไงซะก็ไม่มีตัวเลือกกับคนที่ต้องการดูจริงๆอยู่ดี เรียกได้เลยว่าเป็นธุรกิจที่กำไรงามอย่างหนึ่งเลยทีเดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตั๋วที่มอบโอกาสในการได้เห็นคนที่มีชื่อเสียงตัวเป็นๆแบบนี้ยิ่งเป็นที่ต้องการเข้าไปใหญ่
อย่างไรก็ตาม เมื่อคนเหล่านี้ไม่มีใครได้ตั๋วไปเลยสักคน ทำให้คนเหล่านี้โกรธมากๆ จึงได้ออกมาอ้างตัวว่าเป็นแฟนคลับของซูจิ้งเพื่อจะหาโอกาสให้ได้ตั๋วสักใบและทำให้ไม่มีการใช้ระบบนี้อีกในอนาคต
แต่คนเหล่านี้กลับทำให้แฟนคลับของซูจิ้งโกรธแบบสุดๆ จนในที่สุดกลับการเป็นการตอกฝาโลงตัวเองจนแทบจะไม่มีที่ยืน หลายๆคนก็ได้ยกเลิกชื่อผู้ใช้ไปเลยก็มี นี่ทำให้คอนเสริตของซูจิ้งนี้ ไม่มีการขายตั๋วผีเลยสักใบ
ในขณะที่ผู้คนกำลังสงสัยกับวิธีการคัดเลือกคนที่เหมาะสมที่สุดในการเข้าชมคอนเสริตของซูจิ้งนั้น เว็บไซต์ที่ทำหน้าที่ในการขายบัตรได้ออกมาแถลงอย่างเป็นทางการว่า ในครั้งนี้พวกเขาได้ใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ของกลุ่มทุนห้วงเวลาในการคัดเลือก
ระบบปัญญาประดิษฐ์ได้ทำการคัดเลือกโดยดูจากชื่อจริงของผู้ซื้อบัตร และชื่อจริงที่ใช้ในการลงทะเบียนในแอปและเว็บไซต์ต่างๆแล้วดูว่าชื่อผู้ซื้อนั้นทำอะไรเกี่ยวกับซูจิ้งไว้บ้าง โดยหลักแล้วก็คือการวิเคราะห์ข้อความ ประวัติการโหวต จำนวนที่เข้ามาดูเว็บไซต์ที่เกี่ยวซูจิ้ง และวันที่ที่เริ่มมีการพูดคุยเกี่ยวกับซูจิ้ง ยิ่งแฟนคลับคนไหนมีคะแนนเหล่านี้มากเท่าไหร่ แฟนคนนั้นก็มีสิทธิที่จะเข้าถึงและซื้อบัตรก่อน
แฟนคลับซูจิ้งเมื่อเห็นแน่นอนว่าต้องชอบระบบนี้ในทันที
“กลายเป็นว่าพี่จิ้งใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์หรือนี่ ฉันลืมไปเลยแหะว่าเขาสร้างสุดยอดปัญญาประดิษฐ์ขึ้นมา”
“ฮ่าฮ่าฮ่า พี่จิ้งนี่สุดยอดไปเลยจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่ไม่มีใครเอาไปทำตั๋วผีได้”
“ก่อนหน้านี้ที่ฉันบอกว่าราคาตั๋วนั้นสิบหยวนถูกเกินไปนี่ฉันคิดไปเองจริงๆ ขนาดฉันวุ่นจนแทบไม่ค่อยได้สนับสนุนเขา ระบบนี้แน่นอนว่ามุ่งเน้นไปที่เหล่าแฟนคลับพันธุ์แท้อยู่แล้ว ฉันยอมรับเลยจริงๆ อ้อฉันเองก็ได้นะเออ”
สำหรับคนที่ไม่ใช่แฟนคลับของซูจิ้งแน่นอนว่าย่อมโวยวายออกมา
“ฉันโคตรเกลียดระบบนี้เลยว่ะ รู้อย่างนี้ฉันไม่เข้าไปซื้อตั้งแต่แรกแล้ว”
“แล้วทำไมไม่บอกกันก่อนวะ อยากจะแกล้งกันรึไง”
“ซูจิ้ง แกมันจะรังแกกันเกินไปแล้ว”
“หืม พวกนายบอกว่าทำไมเขาไม่ขายเฉพาะแฟนคลับเหรอ ไม่ใช่ว่าเขาบอกแต่แรกแล้วว่าต้องการที่จะตอบแทนแฟนคลับมาแต่แรกอยู่แล้วไม่ใช่รึไง”
“อย่าบอกนะว่าอิจฉาแฟนคลับของซูจิ้งจนอยากจะเป็นแฟนคลับของเขาขึ้นมาจริงๆ”
“โอ๋โอ๋อย่าเสียใจไปเลยนะ ฉันได้ยินมาว่าช่องชาร์คทีวีเองก็จะสตรีมสดด้วยเหมือนกัน ต่อให้พวกนายไม่ได้ไปนายก็ยังดูได้น่า”
“สตรีมสด จะไปหมือนกันได้ไงล่ะโว้ยยย”
“มันก็ดีกว่าไม่ได้ดูเลยรึไง ถ้าอยากจะเข้าจริงๆก็ทำตัวดีๆจะได้เลื่อนสถานะน้า…”
หลังจากขายตั๋วไปไม่กี่วัน วันที่มีการจัดคอนเสริตก็มาถึง ในคืนวันเสาร์ ณ ประตูของยิมเนเซียมจงหยุนได้มีคนเข้าแถวยาวเพื่อที่จะตรวจตั๋วเพื่อจะเข้าไปนั่งบนที่นั่งของตน ผู้คนที่มาเข้าแถวนั้นดูมีชีวิตชีวาอย่างมาก
ฉือชิง ลู่ฉิงหยา หยางเว่ย จูเจียนฮัว หลิวหยิน เป็งหมิง และคนอื่นๆได้มาถึง หวังซือหยา หวังจ้าว และเฉิงหนานก็ได้มาถึงแล้ว โดยพวกเขานั้นนั่งแถวหน้าสุด
“พี่สาม พี่ไม่เคยสนใจงานแบบคอนเสริตมาก่อนเลยไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมครั้งนี้พี่มาได้ล่ะ” หวังซือหยาถามออกมาด้วยความรู้สึกปลื้มปลิ่ม
“ก็แหม่ คอนเสริตครั้งนี้มันต่างกับคนอื่นตรงที่เป็นคอนเสริตของอาจิ้งเลยนี่นา ต่อให้ฉันไม่ชอบคอนเสริตก็จิ้งแต่ก็งานเพลงของซูจิ้งยังก็คุ้มค่าที่จะฟัง ที่ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันติดตามงานเพลงของอาจิ้งทุกเพลงเลย” หวังจ้าวหัวเราะออกมาก่อนจะพูดว่า “เหนือสิ่งอื่นใดแล้ว นอกจากการตอบแทนแฟนคลับของอาจิ้งแล้ว อาจิ้งบอกว่าเขานั้นจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ แล้วจะให้ฉันพลาดเรื่องดีที่สุดของงานนี้ได้ยังไงล่ะ” หวังจ้าวพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
“เทคโนโลยีอะไรล่ะนั่น” หวังซือหยานิ่งคิดไปในทันทีที่ได้ยิน
“บอกก็ไม่ประหลาดใจน่ะสิ เดี๋ยวก็ได้เห็นเองแหล่ะ” หวังจ้าวพุดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ชิงชิง เทคโนโลใหม่อะไรเหรอที่คุณเทพจิ้งของเธอจะมาเปิดตัวในงานนี้น่ะ” ลู่ฉิงหยาที่ได้ยินก็อดที่จะถามฉือชิงไม่ได้เหมือนกัน หยางเว่ย จูเจียนฮัว หลิวหยิน และเป็งหมิงเองก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองซูฉิงอย่างคาดคั้นคำตอบ
“ฉันก็คงจะต้องยกคำพูดของลูกพี่จ้าวมาก็แล้วกันนะว่าบอกก่อนก็ไม่ประหลาดใจน่ะสิ พวกเธอนี่รออีกนิดไม่ได้รึไงกัน ฉันว่าเก็บความสงสัยไว้ประหลาดใจดีกว่านะ” ฉือชิงพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
ซูหยา ถังเสี่ยวหยู และเพื่อนนักเรียนคนอื่นของเธอเองก็นั่งแถวหน้าเหมือนกันแต่ว่าอยู่อีกโซนหนึ่ง ทุกคนมีท่าทางตื่นเต้นพร้อมใบหน้าที่แดงเพราะตื่นเต้นมากๆ
ปันเสวี่ย เต็งหมินถัง และคนอื่นๆเองก็อยู่แถวหน้าเช่นเดียวกัน เต็งหมินถังเองที่ได้เจอเพื่อร่วมชั้นอย่างปันเสวี่ยและเพื่อนคนอื่นๆเองก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
“โอ้ ก่อนที่พวกเราจะมาถึงนี่เหมือนน้องสาวและแฟนของซูจิ้งจะมาก่อนแล้วแหะ”
“นายนึกดูก็แล้วกันว่าที่นั่งของพวกเรานั้นดีขนาดไหนกันที่ได้ใกล้ชิดคนเหล่านี้”
“แน่นอนอยู่แล้ว ฉันเองก็ได้ยินมาว่ามีคนหลอกขายตั๋วที่นั่งวีไอพีนี้ในตลาดหลายพันหยวนเลยนะ แต่โดนรวบไปแล้ว”
“ต้องขอบคุณพี่น้องร่วมทุกร่วมสุขของเราคนนี้จริงๆ หากไม่ได้หมอนี่ อย่าว่าแต่ตั๋ววีไอพีเลย แม้แต่ตั๋วธรรมดาเราก็คงไม่ได้มาเหมือนกัน”
ที่นั่งที่ไม่ไกลนัก ฉินซูหลาน โจวหลัน หลิวฉิง และคนอื่นๆเองก็ได้นั่งที่เรียบร้อยแล้ว หลิวฉิงเองก็ได้ถือกล่องที่ดูสวยงามอยู่ในมือของเขาพร้อมกับช่อดอกกุหลายช่อหนึ่ง
“มาดูคอนเสริตของพี่จิ้งทั้งทีแล้วนายจะเอาดอกกุหลาบมาทำบ้าอะไรกันเนี่ย อย่าบอกนะว่านายจะมอบให้พี่จิ้งน่ะ” ฉินซูหลานพูดออกมาพร้อมกับจ้องมองไปยังหลิวฉิงด้วยสายตาปแลกๆ
“จะบ้าเรอะ พูดจาไร้สาระจริงๆ ทำไมฉันต้องให้พี่จิ้งด้วยล่ะนั่น” โจวหลานสวนกลับมาทันทีด้วยรอยยิ้ม
“ฉันได้ยินมาว่ามู่หรงเซียนเอ๋อจะมาที่นี่ด้วยนี่นา หรือว่านายจะให้เธอกัน” โจวหลันถามออกมาด้วยรอยยิ้มในทันที
“ไม่ใช่หรอก ฉันจะนำมามอบให้หยินหนิงหนิงน่ะ เธอเป็นเทพธิดาในใจของฉันไปแล้ว ฉันเองก็ได้คุยกับพี่จิ้งเกี่ยวกับของที่เธอชอบมาแล้ว และเขาก็แนะนำฉันมาเรียบร้อย” หลิวฉิงพูดออกมาในขณะที่ยิ้มหน้าบานยิ่งกว่าดอกไม้เสียอีก
“อย่างเอ็งเนี่ยนะคิดจะไล่จับนางฟ้าอย่างหยินหนิงหนิง ที่นายทำได้อย่างมากก็ได้แค่มองละว้า… นี่นายไม่รู้รึไงว่าเธอเป็นนางฟ้าของใครอีกตั้งหลายคน” ฉินซูหลานอดไม่ได้ที่จะยวนกลับแกมหยอกในทันที
“เฮ้เฮ้ นี่นายจะอวยฉันสักนิดให้มั่นใจกันหน่อยไม่ได้รึไงเนี่ย” หลิวฉิงตอบกลับด้วยรอยยิ้มในทันที เขาเองในตอนนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปเอาความกล้ามาจากไหนเหมือนกัน
ตอนที่ไล่จีบเฉียนหยินหนิงนั้นเขาเองก็ค่อนข้างที่จะประหม่าแบบนี้แต่เขานั้นไม่มีโอกาสจะจีบเธอเลยแม้แต่น้อยจึงได้ถอดใจไป
แต่ตอนนี้เขากลับมาชอบผู้หญิงอีกครั้งและคนๆนั้นก็คือหยินหนิงหนิง ถึงแม้ว่าในตอนแรกนั้นเขาจะชอบเธอเพราะเธอกำลังได้รับความนิยมอยู่ก็ตาม
หลิวฉิงนั้นไม่รู้เลยว่าหยินหนิงหนิงนั้นไม่เพียงจะสวยงามเพราะใส่หนังแปลงโฉมเท่านั้น เธอนั้นยังได้กลืนเม็ดเสียงแห่งปีศาจท้องทะเลไปด้วยทำให้เสียงของเธอนั้นน่าลุ่มหลงยิ่งกว่าใคร
เรียกได้ว่าเธอนั้นถูกแต่งแต้มขึ้นมาเพื่อเป็นสุดยอดดาราอย่างแท้จริง หากว่าเขานั้นรู้ความจริงว่าเธอเป็นยังไงแล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขายังชอบเธออยู่อีกรึเปล่า
หลังจากที่ผู้ชมเข้ามากันจนเต็มที่นั่งแล้ว ช่องสตรีมของซูจิ้งก็ได้เริ่มทำการสตรีมสดบนช่องชาร์คทีวีในทันที ถึงแม้ว่าในตอนนี้ยังมีแค่เวทีที่ฉากหลังสีดำมืดก็ตาม แต่ยอดคนดูนั้นกับพุ่งสูงขึ้นไปกว่าสองล้านเรียบร้อยแล้ว
เวลาสองทุ่ม พิธีการของงานได้ออกมากล่าวเปิดคอนเสริตอย่างเป็นทางการพร้อมทั้งเสียงดนตรีและแสงที่ปรับการส่องมุ่งไปตรงกลางเวที
ในตอนนี้มีชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดจีนโบราณนั่งอยู่ เขาคนนี้ก็คือซูจิ้งนั้นเอง ตรงหน้าเขานั้นก็ได้มีกู่จิ้งที่ดูสวยงามอย่างมากตั้งอยู่ข้างหน้าเขา
ในตอนนี้เองทำให้บรรยากาศภายในงานเพิ่มสูงขึ้นอย่างที่สุด มันเต็มไปด้วยเสียงตะโกนเชียร์ เรียกชื่อ กรี๊ดวี๊ดว้ายออกมาอย่างอื้ออึงไปหมด และในตอนนั้นเอง หลังคาของยิมเนเซียมก็ได้เริ่มเปิดออกอย่างช้าๆ