บทที่ 774 สู้ไม่เคยถอยหนี ไม่เคยหวาดหวั่นใคร

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 774 สู้ไม่เคยถอยหนี ไม่เคยหวาดหวั่นใคร

ทำไมกระจอกแบบนี้วะ?

หลินเป่ยเฉินได้แต่คิดแล้วก็สงสัย

จังหวะที่พวกเขาบินผ่านกันเมื่อสักครู่ หลินเป่ยเฉินแสดงออกไปด้วยกระบวนท่ากระบี่ที่เจ็ดจากวิชากระบี่ 17 คาบสมุทร ซึ่งเด็กหนุ่มรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ากระบี่ในมือของตนเองนั้นฟันถูกร่างของเหลียงหยวนเตาหลายตำแหน่ง

แม้เมื่อเห็นโลหิตไหลทะลักออกมาจากบาดแผลฉกรรจ์บนร่างกายชายอ้วน หลินเป่ยเฉินก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดี

ทันใดนั้น…

ฟู่! ฟู่! ฟู่!

โลหิตฉีดพุ่งออกมาจากร่างเหลียงหยวนเตามากกว่าเดิม

ชั้นไขมันของชายอ้วนถูกคมกระบี่ของหลินเป่ยเฉินกรีดผ่าเป็นบาดแผลใหญ่ นอกจากจะทำให้ไขมันจำนวนมากไหลทะลักออกมาจากใต้ผิวหนังแล้ว การโจมตีของเด็กหนุ่มยังตัดเส้นเลือดสำคัญของเหลียงหยวนเตาอีกด้วย

โลหิตสาดกระจาย

เพียงพริบตาเดียว บาดแผลบนลำตัวเหลียงหยวนเตาก็ขยายขนาดกว้างใหญ่มากขึ้น

หลินเป่ยเฉินเผลอยิ้มออกมาด้วยความลืมตัว

ไอ้หมูตอนเจ็บหนักถึงขนาดนี้

แสดงว่าเมื่อกี้เขาฟันโดนจริงๆ สินะ?

ต่อให้มีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลาย แต่อาการบาดเจ็บที่หนักหนาสาหัสถึงเพียงนี้ เหลียงหยวนเตาก็คงไม่รอดพ้นความตายอีกแล้ว

และด้วยความที่สูญเสียเลือดเป็นจำนวนมาก ชายอ้วนจึงไม่สามารถลอยตัวอยู่ในอากาศได้อีกต่อไป ร่างกายของเขาร่วงลงไปกระแทกพื้นดินเสียงดังสนั่น พื้นดินซึ่งจับตัวเป็นน้ำแข็งเกิดรอยแตกร้าวคล้ายกับใยแมงมุมขนาดใหญ่

โผละ!

แล้วร่างกายที่อวบอ้วนผิดมนุษย์มนาของเหลียงหยวนเตาก็แตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี

บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบงัน

บรรดาผู้รับชมซึ่งแอบดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ ได้แต่เบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ

นี่มันอะไรกันเนี่ย?

เหลียงหยวนเตาตายแล้ว… อย่างนั้นหรือ?

ชายอ้วนผู้น่ากลัวคนนี้ควรจะมีฝีมือไม่ต่ำต้อยกว่าหลินเป่ยเฉินไม่ใช่หรือ?

แล้วเหตุไฉนหลินเป่ยเฉินจึงสามารถสังหารเขาได้ในไม่กี่กระบวนท่าเท่านั้น?

เหลียงหยวนเตาตกลงมาจากกลางอากาศกระแทกพื้นอย่างรุนแรง ร่างกายแตกสลายกระจายไม่เหลือชิ้นดี… ยังจะมีการตายชนิดใดน่าอนาถมากไปกว่านี้อีก?

ทุกคนล้วนไม่อยากเชื่อว่าท่านเจ้าเมืองผู้ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างง่ายดายเช่นนี้

เพราะฉะนั้น นี่จึงเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงอย่างยิ่ง

แม้แต่หลินเป่ยเฉินก็อดสงสัยไม่ได้เช่นกัน

เหลียงหยวนเตามีฝีมือแค่นี้เองหรือ?

หลินเป่ยเฉินคิดไม่ถึงเลยว่าบุรุษผู้ที่โทรศัพท์มือถือของเขาไม่สามารถสแกนหาค่าพลังได้ กลับไม่สามารถตอบโต้เขาได้เลยแม้แต่กระบวนท่าเดียว

หมายความว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเขาประเมินค่าเหลียงหยวนเตาสูงส่งเกินไปเองอย่างนั้นหรือ?

หลินเป่ยเฉินระบายลมหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะลดระดับความสูงของตนเองลงตรงไปยังกองเศษเนื้อของเหลียงหยวนเตาและใช้กระบี่ฟาดฟันต่อเนื่องด้วยความโกรธแค้นเดือดดาล

“ย๊ากกกกก…!”

เด็กหนุ่มร้องคำรามขณะใช้กระบี่ฟันแทงกองเนื้อซึ่งเป็นสิ่งที่เหลืออยู่จากซากศพของเหลียงหยวนเตา และกระบวนท่าที่เขาใช้ออกมานั้น ก็ประกอบไปด้วยกระบวนท่ากระบี่ที่หนึ่ง กระบวนท่ากระบี่ที่สอง กระบวนท่ากระบี่ที่สาม และกระบวนท่ากระบี่ที่สี่จากวิชากระบี่ 17 คาบสมุทร!

สุดท้าย สิ่งที่เหลืออยู่จากซากศพของเหลียงหยวนเตาก็กลายเป็นเศษเนื้อขนาดเล็กกระจัดกระจาย ไม่เหลือเค้าโครงของความเป็นกระดูกเนื้อหนังมนุษย์อีกแล้ว

ไม่เหลือร่องรอยของความเป็นซากศพมนุษย์อีกต่อไป

ก็แค่เศษกองเนื้อกองหนึ่งเท่านั้น

ภายใต้การจ้องมองด้วยสายตาหวาดหวั่นจำนวนนับไม่ถ้วน หลินเป่ยเฉินยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก และค่อยๆ ทิ้งตัวกลับลงมายืนอยู่บนพื้นน้ำแข็งที่เป็นรอยแตกร้าวคล้ายใยแมงมุมด้วยความโล่งใจ

ทำถึงขนาดนี้ไม่ตายให้มันรู้ไปสิ

เพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรอีกแล้ว

“หึหึ…”

หลินเป่ยเฉินหุบปีกกระบี่ของตนเองลง

ในที่สุด ทุกอย่างก็จบสิ้นแล้ว

จบง่ายมากกว่าที่คิดตั้งเยอะ

ผู้อพยพชาวเมืองหยุนเมิ่งพากันวิ่งออกมาจากที่หลบซ่อนพร้อมกับร้องตะโกนด้วยความดีใจ

การตายของเหลียงหยวนเตาหมายความว่าทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว

สุดท้าย พวกเขาก็สามารถหัวเราะออกมาได้เต็มเสียงเสียที

บัดนี้ บรรดาขุนนางใหญ่ มหาเศรษฐี และยอดฝีมือระดับเจ้าสำนักซึ่งตื่นกลัวจนตัวสั่น เมื่อตระหนักรู้ว่าเกาเฉิงฮั่นกับเหลียงหยวนเตาสองผู้ยิ่งใหญ่ประจำนครเจาฮุยได้ถึงแก่กรรมไปเรียบร้อย หลินเป่ยเฉินก็จะขึ้นมาเป็นผู้ยิ่งใหญ่คนต่อไป และพวกเขาก็เริ่มคิดหาหนทางแล้วว่าตนเองควรจะประจบเอาใจเด็กหนุ่มอย่างไรดี

พวกเขาเคยได้ยินมาว่าหลินเป่ยเฉินเป็นพวกบ้าตัณหาและลุ่มหลงในเงินทอง

ถ้าอย่างนั้นจะเอาอะไรไปเสนอเด็กหนุ่มดีนะ?

กลุ่มขุนนางใหญ่นึกถึงเหล่านางคณิกาสาวสวยขึ้นมาทันใด พวกนางบางส่วนทำงานรับใช้พวกเขาอยู่แล้ว และขุนนางใหญ่อีกหลายคนก็คิดที่จะส่งมอบลูกสาวรวมไปถึงหลานสาวของตนเองให้แก่หลินเป่ยเฉินด้วยเช่นกัน เพราะว่าบุตรหลานของพวกเขาต่างได้ชื่อว่าเป็นหญิงงามแห่งนครเจาฮุย… ถ้าสามารถใช้หญิงสาวเหล่านี้เข้าหาหลินเป่ยเฉินได้สำเร็จ หนทางความอยู่รอดของพวกเขาในอนาคตก็คงชัดเจนแจ่มใสแล้วไม่ใช่หรือ?

ทางด้านกลุ่มมหาเศรษฐีก็คิดคำนวณว่าควรจะเอาใจหลินเป่ยเฉินด้วยการให้เงินสักคนละสิบล้านเหรียญทองคำ ร่วมด้วยอัญมณีของมีค่าและทรัพยากรสำหรับใช้ฝึกวิชาอีกจำนวนมาก แต่พวกเขาก็ไม่แน่ใจเลยว่าสิ่งของเหล่านี้เพียงพอที่จะทำให้หลินเป่ยเฉินประทับใจได้หรือไม่?

ส่วนฝ่ายยอดฝีมือระดับเจ้าสำนักต่างก็ครุ่นคิดว่าตนเองและพวกพ้องควรจะขอสาบานตามรับใช้เป็นบริวารของเด็กหนุ่มสมองเสื่อมผู้นี้ดีหรือไม่?

เพราะการที่หลินเป่ยเฉินสามารถสังหารเหลียงหยวนเตากับเกาเฉิงฮั่นได้สำเร็จ นั่นย่อมหมายความว่าเด็กหนุ่มคงต้องมีพลังอยู่ในขั้นเซียนเป็นอย่างต่ำ

ดังนั้น หากทางวังหลวงได้รับทราบข่าวการปรากฏตัวของผู้มีพลังขั้นเซียนคนใหม่ มันก็มีความเป็นไปได้อยู่สองอย่าง อย่างแรกคือแต่งตั้งให้หลินเป่ยเฉินเป็นเจ้าหน้าที่บ้านเมืองคอยดูแลนครเจาฮุยต่อไป ส่วนอีกอย่างก็คือทางเบื้องบนคงจะส่งผู้มีพลังระดับเซียนอีกคนมาสังหารหลินเป่ยเฉินและบริวารเพราะเห็นว่าเป็นภัยคุกคามต่อจักรวรรดิ

แต่นับดูทั่วแดนดินในขณะนี้ พวกเขามีผู้มีพลังขั้นเซียนเพียงหกคนเท่านั้น เมื่อเกาเฉิงฮั่นถูกฆ่าตายไปแล้วคนหนึ่ง ผู้มีพลังขั้นเซียนจึงหลงเหลืออยู่แค่เพียงห้าคน

เพราะฉะนั้น จึงไม่มีเหตุผลเลยที่ทางวังหลวงจะต้องสังหารหลินเป่ยเฉิน

มิหนำซ้ำ หากทางเบื้องบนได้รับทราบข่าวนี้ พวกเขาก็จะยิ่งเฉลิมฉลองประกาศข่าวดีแต่งตั้งหลินเป่ยเฉินอย่างยิ่งใหญ่ด้วยซ้ำไป

ไม่ว่ามองจากแง่มุมไหน การเลือกติดตามหลินเป่ยเฉินในขณะนี้ ก็มีแต่ได้กับได้เท่านั้น

กลุ่มจอมยุทธ์ระดับเจ้าสำนักรู้ดีว่ากองกำลังประจำเมืองต้องการทหารกองหนุนอีกจำนวนมาก และถ้าพวกเขาสร้างความดีความชอบได้โดดเด่นสะดุดตาหลินเป่ยเฉิน ดีไม่ดีเด็กหนุ่มคนนี้ก็อาจจะอนุญาตให้ผู้คนในสำนักยุทธ์บรรจุเข้าเป็นนายทหารอย่างเป็นทางการเลยก็ได้

ดังนั้น เจ้าสำนักจำนวนไม่น้อยจึงตัดสินใจยอมก้มหัวเป็นบริวารให้แก่หลินเป่ยเฉิน

ไม่มีเวลาไหนจะเหมาะสมมากไปกว่าเวลานี้อีกแล้ว

แต่ยังไม่ทันที่เหล่าคนใหญ่คนโตจะได้ทำตามสิ่งที่คิด

ทันใดนั้น…

ครืน!

ปุดปุดปุด!

กองเนื้อที่ถูกสับเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจากซากศพของเหลียงหยวนเตาอยู่ดีๆ ก็มีแสงสว่างเปล่งประกาย และแอ่งโลหิตที่เนืองนองอยู่บนพื้นดิน กลับมีฟองอากาศผุดพราวขึ้นมาราวกับเป็นน้ำที่เดือดปุด

เกิดอะไรขึ้น?

ทุกคนรู้สึกขนลุกเกรียว

รวมไปถึงหลินเป่ยเฉินผู้ยืนอยู่ข้างแอ่งโลหิต ขณะนี้ เขาหรี่ตาลง รู้สึกหนาวเย็นไปถึงขั้วหัวใจ

กระบี่ในมือตวัดวาดออกไปอีกหลายกระบวนท่า

คมกระบี่ทิ่มแทงเข้าไปในแอ่งโลหิต

แสงสว่างหายไปแล้ว

แต่กองเลือดกองเนื้อของชายอ้วนกลับขยับรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนมากขึ้นเรื่อยๆ

เกิดเป็นพลังลมปราณสายหนึ่งพวยพุ่งออกมาจากกองเลือดกองเนื้อเหล่านี้ และพลังลมปราณที่หลินเป่ยเฉินสัมผัสได้ มันก็แตกต่างไปจากพลังลมปราณทั่วไป

“นี่มันกลิ่นไอปีศาจ”

ดวงตาของหลินเป่ยเฉินเป็นประกายวาวโรจน์

คำอุทาน ‘ว่าแล้วเชียว’ ปรากฏขึ้นในหัวใจของเด็กหนุ่ม

ไอ้หมูตอนเหลียงหยวนเตาไม่ยอมตายง่ายๆ จริงด้วย

อย่าบอกนะว่าเหลียงหยวนเตาสามารถฟื้นกลับขึ้นมาได้อีก?

หรือพูดอีกอย่างก็คือ ชายอ้วนสามารถรวมร่างขึ้นมาใหม่ กลายเป็นร่างที่ต่างไปจากเดิม?

ตอนเล่นเกมออนไลน์ในโลกที่แล้ว หลินเป่ยเฉินยังจำได้ดีว่ามีเกมจำนวนมาก พวกบอสระดับล่างมักมีความสามารถพิเศษคือยิ่งตายมากเท่าไหร่ ตอนฟื้นคืนรวมร่างขึ้นมาใหม่ ตัวบอสเหล่านั้นก็จะยิ่งมีพลังโจมตีและพลังป้องกันเพิ่มมากขึ้นจากเดิมหลายเท่า

หมายความว่าหลินเป่ยเฉินกำลังจะได้เห็นร่างที่แท้จริงของเหลียงหยวนเตาแล้วสินะ?

เด็กหนุ่มกลอกตามองและรีบเปิดแอป NetEase Cloud Music

“ยิ่งใหญ่กว่าขุนเขา เจ้าจอมปฐพี สู้ไม่เคยถอยหนี ไม่เคยหวาดหวั่นใคร …”

เสียงเพลงบรรเลงขึ้นและมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ได้ยิน

เมื่อได้ยินเสียงเพลง ไม่ว่าจะเป็นพลังลมปราณ พละกำลังในร่างกาย หรือสภาพจิตใจของหลินเป่ยเฉินก็เพิ่มความแข็งแกร่งห้าวหาญขึ้นมาทันที

เก่งจริงก็ให้เหลียงหยวนเตารวมร่างกลับขึ้นมาเถอะ

หลินเป่ยเฉินกางปีกกระบี่บนแผ่นหลังและบินขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง เพื่อรักษาระยะห่างจากแอ่งโลหิตบนพื้นดิน

เพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น ศีรษะที่มีรูปทรงแปลกประหลาดก็โผล่พรวดขึ้นมาจากแอ่งโลหิต