บทที่ 1757 ใครแข็งแกร่งกว่ากัน / บทที่ 1758 เกรงว่าคงไม่เคยตาย

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1757 ใครแข็งแกร่งกว่ากัน

เมื่อได้ยินผู้อาวุโสสาม ผู้อาวุโสใหญ่ก็หัวเราะเย็น เอ่ยอย่างไม่ทุกข์ร้อนว่า “พันธมิตรอู๋เว่ยมีพวกผู้อาวุโสรองบัญชาการก็เพียงพอแล้ว ส่วนฉันในฐานะผู้อาวุโสใหญ่ก็ย่อมต้องติดตามข้างกายผู้นำ

อีกอย่างนะผู้อาวุโสสาม ถึงเรื่องนี้จะคลี่คลายแล้ว แต่ฉันมองว่าใช้เวลาเยอะขนาดนั้นกับคนธรรมดาสองคน แถมยังต้องใช้การทรมานแบบนั้น ไม่เห็นเท่าไรจริงๆ”

พอเห็นผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามสองคนไม่ถูกกันเหมือนน้ำกับไฟกำลังเปิดโหมดทะเลาะกันต่อหน้าตัวเอง เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้าจนใจ สองคนนี้ก็อายุมากขนาดนี้แล้ว…ทำไมยังเหมือนกับเด็กๆ อีก ไม่เข้าใจจริงๆ

“ผู้อาวุโสใหญ่ ฉันไม่เข้าใจคำพูดของผู้อาวุโสใหญ่ อะไรเรียกว่าเวลานานแล้ว ตอนแรกผู้นำให้พวกเราสะกดรอยตามหวงหมิงคุนกับเหลียงเหม่ยเซวียน ฉันเห็นผู้อาวุโสใหญ่เสียเวลาไปตั้งมากมาย เหมือนข้อมูลกับเบาะแสที่เป็นประโยชน์ก็หาไม่เจอเลยนี่

แต่ฉัน ช้เวลาแค่สามวันก็ทำให้สองคนนั้นพูดความจริงออกมาได้ เพราะงั้น…ใครแข็งแกร่งกว่ากัน ผู้อาวุโสใหญ่ คงไม่ต้องให้ฉันพูดหรอกมั้ง ทุกคนรู้อยู่แก่ใจดี”

“ฉันคิดว่าไม่ต้อง เรื่องอย่างนี้ถ้าให้ฉันทำบางทีอาจจะลดเวลาได้อีกครึ่ง” ผู้อาวุโสใหญ่ยิ้มเอ่ย

ผู้อาวุโสสามมองชีซิงกับเป่ยโต่วที่อยู่ด้านข้างและขมวดคิ้วเอ่ย “พวกแกว่าฉันกับผู้อาวุโสใหญ่ใครแข็งแกร่งกว่ากัน”

ชีซิงที่อยู่ด้านข้างมีสีหน้าไร้อารมณ์ มองผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามคนละที แต่ไม่เอ่ยสักคำเดียว

“ผู้อาวุโสใหญ่แข็งแกร่งกว่า!”

เป่ยโต่วรีบเอ่ยปาก

ได้ยินเป่ยโต่วพูดเช่นนี้ สีหน้าผู้อาวุโสสามเปลี่ยนไปในทันที “เป่ยโต่ว ก่อนหน้านี้แกบอกว่าฉันแข็งแกร่งกว่าผู้อาวุโสใหญ่ไม่ใช่เหรอ”

“ก็ใช่…แต่ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสใหญ่ไม่ได้อยู่ข้างๆ สักหน่อย ตอนนี้ผู้อาวุโสใหญ่ยืนอยู่ตรงนี้นี่” เป่ยโต่วตอบเหมือนของมันแน่อยู่แล้ว

ผู้อาวุโสสามพูดไม่ออก

ชีซิงนิ่งเงียบ

เยี่ยหวันหวั่นก็นิ่งเงียบ

ใครบอกสมองของเป่ยโต่วไม่ดีกัน คงไม่มีใครฉลาดไปกว่าเป่ยโต่วแล้ว…

“แต่ ครั้งนี้ผู้อาวุโสสามมีคุณงามความดีใหญ่หลวงจริงๆ ” ชีซิงที่เงียบมาโดยตลอดพลันเอ่ยขึ้น

“ถูกต้อง” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้าน้อยๆ “ถ้าไม่มีผู้อาวุโสสาม ข้อมูลที่ฉันอยากได้ก็คงไม่ได้มาไวขนาดนี้”

เมื่อถูกเยี่ยหวันหวั่นชมแบบนี้ ผู้อาวุโสเผยรอยยิ้มภูมิใจอีกครั้ง อีกทั้งยังมองผู้อาวุโสใหญ่ด้วยแววตาเปี่ยมความเย้ยหยัน

ไม่รอให้ผู้อาวุโสสามเอ่ยปาก มือถือของเยี่ยหวันหวั่นก็พลันดังขึ้นมาก่อน

เยี่ยหวันหวั่นมองชื่อที่แสดงบนหน้าจอ มีสีหน้าสงสัยเล็กน้อย เป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นมาก

เยี่ยหวันหวั่นรับสายอย่างรวดเร็ว

“เยี่ยหวันหวั่นใช่ไหม”

ปลายสายมีเสียงเย็นชาดังขึ้นมา

“ฉันเอง” เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่ได้พูดไร้สาระ

“คุณหนูเยี่ย ช่วงหลายวันมานี้ เรื่องที่คุณทำทำให้ผมไม่พอใจมาก”

“คุณเป็นใคร” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยถาม

“ไม่ทราบคุณหนูเยี่ยเคยได้ยินชื่อสมาคมหงซิ่งไหม”

สมาคมหงซิ่ง…

เยี่ยหวันหวั่นก็มีท่าทีครุ่นคิด รู้ว่าสมาคมหงซิ่งนั่นจะกลับมาหาเรื่อง แต่นึกไม่ถึงว่าสมาคมหงซิ่งจะรวดเร็วขนาดนี้

ตอนนี้เหลียงเหม่ยเซวียนกับหวงหมิงคุนยังถูกจับตัวอยู่ ผู้อาวุโสสามยังไม่ได้ปล่อยออกมา ดังนั้นเรื่องนี้ฝั่งตระกูลเยี่ยกับสมาคมหงซิ่งไม่มีทางรู้เด็ดขาด

แต่เวลานี้คนของสมาคมหงซิ่งมาหา ก็คงจะเป็นเพราะเรื่องของเหยาเจียเหวินที่สตูดิโอก่อนหน้านี้

เยี่ยหวันหวั่นอดหัวเราะไม่ได้ เหยาเจียเหวินนั่นทั้งที่ในมือเธอมีจุดอ่อนอีกฝ่ายอยู่ แต่ยังกล้าเผยข้อมูลให้สมาคมหงซิ่งอย่างไม่คิดเกรงกลัว

นี่อธิบายได้แค่สองประเด็น

—————————————————————————

บทที่ 1758 เกรงว่าคงไม่เคยตาย

ประเด็นแรก เหยาเจียเหวินไม่สนว่าวิดีโอกับภาพพวกนั้นของตัวเองจะถูกเธอเผยแพร่ออกไป

ประเด็นที่สอง เหยาเจียเหวินแน่ใจว่าสมาคมหงซิ่งมีหลักประกันแน่นอนว่าจะจัดการเรื่องนี้ได้ และสามารถกำจัดเธอได้อย่างง่ายดาย จึงมั่นใจในตัวเอง

เยี่ยหวันหวั่นมองว่าคนพวกนี้มีแผนบางอย่างอยู่จริงๆ ในเมื่อพวกเขาอยากเล่น งั้นเธอก็ไม่มีปัญหา เล่นเป็นเพื่อนก็ได้

“ไม่ทราบว่าคุณมีตำแหน่งหน้าที่อะไรในสมาคมหงซิ่ง” เยี่ยหวันหวั่นยิ้มเอ่ย

“หึๆ คุณหนูเยี่ย นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ ผมบอกคุณหนูเยี่ยเลยแล้วกัน เรื่องที่คุณทำไม่มีช่องให้ผ่อนปรนแล้ว เพราะงั้น ฝั่งผมขอเสนอแนะคุณหนูเยี่ย ให้คืนรูปถ่ายกับวิดีโอที่คุณถ่ายที่สตูดิโอก่อนหน้านี้คืนให้เหยาเจียเหวินก่อน

จากนั้นก็จัดงานแถลงข่าว ยอมรับว่าตัวเองขนเงินทุนของจูเสินสือไต้หลบหนีออกนอกประเทศ และต้องคุกเข่ายอมรับผิดกับเหยาเจียเหวินต่อหน้าคนทั้งโลก ถ้าคุณหนูเยี่ยทำตามที่บอก ครอบครัวของคุณหนูก็จะปลอดภัยไร้เรื่องราว…

“แต่ถ้าคุณหนูเยี่ยดึงดันจะทำตามใจ ไม่รู้ที่สูงที่ต่ำ…งั้นครอบครัวของคุณหนูเยี่ยก็อาจจะต้องเผชิญเหตุไม่คาดฝันเพราะคุณหนูเยี่ย…คุณหนูเยี่ย คุณว่ามีเหตุผลไหม”

“หึ…คุณกล้าหาญไม่น้อยจริงๆ ” มุมปากเยี่ยหวันหวั่นยกขึ้นน้อยๆ “คุณเป็นคนแรกเลยที่กล้าพูดกับฉันแบบนี้ สมาคมหงซิ่งเหรอ…คำพูดนี้ของพวกคุณจะต้องจ่ายราคาน่าเวทนาเชียวละ”

“คุณหนูเยี่ย หรือว่าคุณไม่กลัวตายจริงๆ แม้แต่ชีวิตของคนในครอบครัวก็ไม่สน…”

ไม่รอคนของสมาคมหงซิ่งพูดจบ เยี่ยหวันหวั่นก็ตัดสายทันที

“พี่เฟิง สมาคมหงซิ่งบ้าบออะไรนี่ถึงกับกล้าอวดเก่งแบบนี้ เกรงว่าคงไม่เคยตายมาก่อนสินะ” เป่ยโต่วเอ่ยปากพูด

ตอนรับสายเยี่ยหวันหวั่นเปิดลำโพงมือถือไว้ พวกเป่ยโต่วกับชีซิงจึงได้ยินอย่างแจ่มชัด

“ผู้นำ มอบหมายเรื่องนี้ให้ผม ไม่นานสมาคมหงซิ่งก็จะหายสาบสูญไม่เหลือแม้แต่คนเดียว” ผู้อาวุโสสามมีสีหน้าเปี่ยมความโหดเหี้ยม

“หึๆ ผู้อาวุโสสามนี่น่าขำจริงๆ ” ทันใดนั้นผู้อาวุโสใหญ่ก็เอ่ยปากกับผู้อาวุโสสาม

ได้ยินคำพูดนี้ ผู้อาวุโสสามก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาตกลงบนตัวของผู้อาวุโสใหญ่ที่สวมชุดแดงฉูดฉาด “คำพูดนี้หมายความว่าไง”

“ผู้อาวุโสสามคิดว่าหมายความว่ายังไง คงไม่ใช่ผู้อาวุโสสามคิดว่าที่นี่เป็นรัฐอิสระจริงหรอกนะ ที่นี่คือประเทศจีน สถานที่ที่อยู่ในกฎหมาย ทำเรื่องอะไรต้องว่ากันด้วยกฎหมาย” ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ย

“ฉันยังต้องให้ผู้อาวุโสใหญ่สอนรึไง” ผู้อาวุโสสามมีสีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

เยี่ยหวันหวั่นครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็มอบหมายเรื่องของสมาคมหงซิ่งให้ผู้อาวุโสแก้ไข

ถึงแม้ผู้อาวุโสสามไม่พอใจผู้อาวุโสใหญ่ แต่ในเมื่อเยี่ยหวันหวั่นออกคำสั่งแล้ว ผู้อาวุโสสามก็ไม่สะดวกพูดอะไรมาก

จากนั้นเยี่ยหวันหวั่นออกจากคฤหาสน์ทองคำ พาชีซิงกับเป่ยโต่วขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านตระกูลซือ

ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ภายใต้การชี้ทางของเยี่ยหวันหวั่น ชีซิงก็จอดรถบริเวณรอบนอกของบ้านตระกูลซือ

ตระกูลซือตอนนี้ถูกฉินรั่วซีควบคุมไว้หมดแล้ว ส่วนคุณยายก็ถูกกักบริเวณอยู่ในบ้านและถูกถอดอำนาจทั้งหมด

เดิมทีเยี่ยหวันหวั่นยังอยากติดต่อสืออีกับเจ้าติดอ่างเฟิงเสวียนอี้ แต่โทรศัพท์ของเฟิงเสวียนอวี้เป็นเครื่องเปล่าแล้ว ส่วนของสืออีก็อยู่ในสภาพปิดเครื่องตลอด ไม่สามารถติดต่อได้เลย

เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้เข้าใกล้ตระกูลซือสุ่มสี่สุ่มห้า ตอนอยู่ประเทศจีน ฉินรั่วซีก็คิดจะฆ่าเธอหลายครั้ง ถ้าเธอถูกเจอตัวเข้า ปัญหาใหม่ก็จะงอกขึ้นมาอย่างแน่นอน

“อ๊ะ…ผู้ชายคนนั้นดูคุ้นตายังไงชอบกล…”