ตอนที่ 1898 หักขาสุนัขเจ้า

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

สำนักอากาศแจ่ม ตึกลมไหล

ที่แห่งนี้มันคือสถานที่จัดการดูแลเหล่าศิษย์ทั้งหลายของสำนักอากาศแจ่ม หลังจากศิษย์อย่างเจียงยู่ถังกลับมาจากเมืองจักรพรรดิต่างๆ เขาก็ต้องมายังที่แห่งนี้เพื่อรายงานเรื่องราว

แน่นอนว่าที่ผิวนอกแล้วเจียงยู่ถังยังคงรับคำสั่งโดยตรงจากทางจวนเจ้าเมือง

ด้านในหอนั้นมีชายชราร่างผอมคนหนึ่งมองดูเย่หยวนด้วยสายตาที่ตื่นตกใจไม่น้อย

ชายแก่ถามขึ้น “เจ้าเป็นผู้อาวุโสใหญ่ของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์จริง?”

นภาสวรรค์ที่อายุน้อยขนาดนี้มันย่อมหาได้ยากยิ่งแม้จะเป็นในสำนักอากาศแจ่มเองก็ตาม

กับเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เช่นนั้นที่แม้เจ้าเมืองก็ยังเป็นแค่นภาสวรรค์สองดาว แต่ผู้อาวุโสใหญ่ที่มาจากเมืองเช่นนั้นกลับเป็นถึงนภาสวรรค์ห้าดาว แน่นอนว่ามันต้องทำให้เกิดความตกตะลึง

อาณาจักรบ่มเพาะระดับนี้มันสามารถขึ้นไปเป็นเจ้าเมืองของเมืองจักรพรรดิขั้นกลางได้ง่ายๆ

เย่หยวนหยิบเหรียญประจำตัวออกมาพร้อมด้วยรอยยิ้ม “ข้านั้นออกเดินทางด้านนอกและเพิ่มจะกลับมาถึงเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แค่ไม่กี่วันก่อน”

ชายแก่รับมันไปดูและแน่นอนว่ามันคือเหรียญตาผู้อาวุโสใหญ่แห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัย

ได้ยินเช่นนั้นแล้วเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าตอนที่เย่หยวนออกเดินทางด้านนอกเขาน่าจะได้พบเจอกับสมบัติล้ำค่าสักอย่างจึงสามารถบรรลุขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว

มันอาจจะเป็นผลวิญญาณเต๋านภาสวรรค์ก็เป็นได้

นภาสวรรค์เช่นนี้มันเป็นนักยุทธที่ไม่มีอนาคตมากมาย

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ชายแก่จึงยิ่งมองดูถูกเย่หยวนหนักกว่าเก่า

นภาสวรรค์ห้าดาวนั้นมันเป็นตัวตนที่มีอยู่ทั่วเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่น คนที่ก้าวไปถึงจุดนั้นได้มันมิใช่ส่วนน้อยเลย

ชายแก่คืนเหรียญให้แก่เย่หยวนและพูดขึ้นอย่างเย็นชา “เจ้ามาหาผู้ดูแลผู้นี้ด้วยธุระใด?”

ชายแก่คนนี้มีนามว่าหลู่เฉิน ผู้ดูแลตึกลมไหลและยังเป็นหัวหน้าผู้ดูแลเจียงยู่ถังโดยตรงด้วย

เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะอีกฝ่าย “ผู้ดูแลหลู่ ผู้ตรวจการคนก่อนของสิบเมืองสันเขาใต้เจียงยู่ถังและเย่ผู้นี้เป็นสหายกัน เย่ผู้นี้แค่ได้ยินว่าเขาถูกจับรอประหารจากทางจวนเจ้าเมืองเพราะเขาไปทำความผิดใดสักอย่างไว้จึงได้เร่งรุดมาเพื่อสอบถาม”

หลู่เฉินหน้าเปลี่ยนสีไปในทันทีที่ได้ยินแต่เขาก็กลับมายิ้มได้อย่างรวดเร็ว “ที่แท้เป็นเรื่องของเจียงยู่ถัง แท้จริงแล้ว… ข้าเองก็ไม่ได้รู้เรื่องราวมากมาย แต่ได้ยินว่าสิ่งที่มันก่อนั้นไม่ใช่เรื่องน้อยๆ เลย”

มีหรือที่สีหน้านั้นของหลู่เฉินจะหลบรอดสายตาเย่หยวนไปได้?

แต่เขานั้นมาเพื่อสอบถามหาข่าวย่อมต้องมีวิธีและธรรมเนียมการปฏิบัติ เขาจึงยิ้มออกมา “ผู้ดูแลหลู่ ช่วยสั่งสอนด้วย”

หลู่เฉินไม่คิดกล่าวใดๆ และทำแค่ยกมือขึ้นลูบเครายาว

เย่หยวนนั่นเข้าใจได้ทันทีจึงหยิบขวดโอสถหนึ่งออกมาและมอบมันให้หลู่เฉินพร้อมรอยยิ้ม “ผู้ดูแลหลู่นั้นคอยดูแลพี่เจียงเสมอมาและพี่เจียงก็ได้ดูแลเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ของข้าด้วยเช่นกัน นี่คือคำขอบคุณเล็กๆ น้อยจากเย่ผู้นี้ ผู้ดูแลหลู่โปรดรับไว้”

ผู้ดูแลอย่างหลู่เฉินนั้นย่อมทำการรับสินบนและส่วนแบ่งจากคนเบื้องล่างอยู่เสมอๆ

พวกเขาทั้งหลายนั้นดูแลผู้ตรวจการเมืองจักรพรรดิต่างๆ

เหล่าผู้ตรวจการนั้นจะได้เงินติดกระเป๋ามาจากเมืองจักรพรรดิ ส่วนพวกเขาผู้ดูแลนั้นก็จะรับส่วนแบ่งที่เหล่าผู้ตรวจการได้มานั้นอีกระดับ

แน่นอนว่าคนอย่างเจียงยู่ถังนั้นย่อมไม่ค่อยแสดงความเคารพใดๆ ออกมาแก่เขา

ต่อให้เขาจะอยากเก็บส่วนแบ่งมากมายเพียงแค่ไหน แต่สุดท้ายมันก็ไม่อาจรีดออกมาได้มากนัก

เพราะฉะนั้นเจียงยู่ถังจึงมีตำแหน่งที่ค่อนข้างต่ำต้อยในตึกลมไหลนี้

เขานั้นเป็นเพียงแค่นภาสวรรค์สี่ดาว ไม่ว่าจะเป็นด้านพลังฝีมือหรือสถานะ ตัวเขานั้นก็ไม่ได้เป็นคนที่ยิ่งใหญ่ใดๆ เลย

“นี่มัน…โอสถหยกวารีขั้นเทวะ! ของดี!”

เมื่อหลู่เฉินเห็นโอสถในขวดน้อยตรงหน้าสองตาของเขาก็เบิกกว้าง

โอสถหยกวารีนั้นคือโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าขั้นกลาง มันสามารถเพิ่มพูนพลังให้เหล่านักยุทธนภาสวรรค์ได้อย่างมากมาย

โอสถนี้คือโอสถที่เย่หยวนฝึกหลอมในมิติอนันตาก่อไผ่เมื่อนานมาแล้ว ในเวลานั้นฝีมือการหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าของเขายังไม่สูงนักทำให้ได้คุณภาพออกมาแค่ขั้นเทวะ

แต่เจ้าโอสถที่ผิดพลาดนี้มันกลับเป็นสมบัติล้ำค่าในสายตาหลู่เฉิน

หลู่เฉินรับโอสถหยกวารีนั้นและรีบเก็บมันลงไปในทันทีอย่างที่กลัวว่าเย่หยวนจะคิดเปลี่ยนใจ

“อืม ไม่เลว อย่างน้อยเจ้าก็รู้เรื่องราวบนโลก แต่เรื่องของเจียงยู่ถังนี่ข้าว่าเจ้าอย่าคิดมาข้องเกี่ยวดีกว่า ไม่เช่นนั้นเจ้าจะได้ตายไปด้วย” หลู่เฉินเก็บโอสถหยกวารีไปและบอกขึ้น

เขานั้นทำท่าทางเหมือนหมดเรื่องจะคุยกับเย่หยวนแล้วและพยายามจะไล่คนกลับไป

เย่หยวนขมวดคิ้วขึ้นทันที แต่เขาก็ยังควบคุมตัวเองไว้ได้ “พี่เจียงนั้นดูแลข้าผู้นี้มานาน เย่ผู้นี้แค่มาถามไถ่เรื่องราวไม่คิดเรื่องราวใดๆ มากมาย”

หลู่เฉินเองก็ขมวดคิ้วกลับมา “ข้านั้นหวังดี เจ้ารีบๆ ไปเสียเถอะ!”

เย่หยวนรู้สึกได้ถึงความโกรธที่ปะทุขึ้นมาในจิตใจ “ผู้ดูแลหลู่ ท่านรับของไปแล้วแต่กลับไม่ยอมทำตามที่ขอ?”

เขานั้นไม่นึกเช่นกันว่าหลู่เฉินจะเป็นคนหน้าไม่อายเรียกรับสินบนแต่กลับไม่คิดทำตามที่ถูกขอไว้เช่นนี้ เป็นแบบนี้เขาเอาโอสถหยกวารีไปให้หมากินยังดีเสียกว่า

แม้ว่าโอสถนี้มันจะเป็นแค่ขยะสำหรับเย่หยวน แต่สุดท้ายมันก็ยังเป็นโอสถขั้นเทวะที่ล้ำค่าอยู่ดี

เมื่อได้เห็นท่าทางนั้นของเย่หยวนหลู่เฉินก็ยิ้มขึ้น “ทำไม ที่นี่คือตึกลมไหลเจ้าคิดจะหาเรื่องทำร้ายผู้คนหรือ? เจ้าคิดว่าตัวเองจะสามารถติดสินบนข้าคนนี้ได้หรือ! เป็นแค่ผู้อาวุโสใหญ่แห่งเมืองจักรพรรดิหนึ่งอย่าได้มาอวดดีกับผู้ดูแลคนนี้นัก! ไสหัวไป!”

กับคนที่มาจากเมืองด้านล่างนั้นหลู่เฉินย่อมคิดวางท่าเป็นเจ้าไม่สนใจอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

และท่าทางนั้นของเย่หยวนมันก็ทำให้เขาโกรธเคืองไม่น้อย

เมื่อคนเบื้องล่างทั้งหลายเห็นตัวเขา พวกมันทั้งหลายนั้นล้วนแต่แสดงท่าทางเกรงใจเคารพออกมา

แต่ตอนนี้เย่หยวนกลับกล้าทำตัวเช่นนี้ใส่เขา ช่างไม่รู้จักเสียจริงๆ ว่าอะไรไม่ถูกไม่ควร

ดวงตาของเย่หยวนเบิกขึ้นด้วยความเย็นเยือก “ดูท่าเจ้าจะหลงตัวเองมากนักนะ!”

หลู่เฉินนั้นโกรธแค้นขึ้นในทันทีที่ได้ยิน “เด็กน้อย เจ้าคิดว่าแค่โชคดีได้หลอมผลวิญญาณเต๋านภาสวรรค์แล้วตัวเองจะสามารถอวดดีต่อหน้าผู้ดูแลคนนี้ได้? ผู้ดูแลคนนี้ได้ให้โอกาสเจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับยังไม่ไสหัวไป เช่นนั้นข้าจะหักขาสุนัขของเจ้าแล้วโยนเจ้าทิ้งไปเอง!”

ปัง!

หลู่เฉินปล่อยพลังโลกของตนออกมาพร้อมบดขยี้ไปยังเย่หยวน

หลู่เฉินนั้นเป็นถึงนภาสวรรค์หกดาว ส่วนเย่หยวนเป็นแค่นภาสวรรค์ห้าดาวขั้นกลาง แน่นอนว่าเขาย่อมไม่คิดว่าเย่หยวนจะตอบสนองสู้กลับมาได้

ร่างของเขาขยับพริบตาเดียวพลังโลกนั้นมันก็บดขยี้มาถึงตัวเย่หยวน

แต่เย่หยวนกลับยืนอยู่ตรงนั้นอย่างนิ่งเฉยไม่คิดแม้แต่จะเดินปราณเทวะ ราวกับว่าเขากลัวจนไม่อาจทำอะไรตอบโต้ได้แล้ว

หลู่เฉินที่เห็นเช่นนั้นจึงพูดขึ้น “ไม่รู้จักประมาณตัวเองกลับกล้ามาทำตัวอวดดีต่อหน้าผู้ดูแลคนนี้!”

คนทั้งสองนั้นอยู่ห่างกันแค่ไม่มาก หลู่เฉินจึงมาถึงตัวเย่หยวนได้ในพริบตา

ในวินาทีต่อไป เขาก็คิดจะหักขาเย่หยวนอย่างที่ว่า

แต่ในวินาทีนั้นเย่หยวนกลับขยับ

เขาได้แค่ยืนตรงนั้นพร้อมเหวี่ยงเตะขาออกมา

ตุบ!

เสียงของกระดูกที่หักลั่นไปทั่วทั้งร่างทำให้หลู่เฉินต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ก้มคุกเข่าลงต่อหน้าเย่หยวนในทันที

“อ่า! ขาข้า!” หลู่เฉินร้อง

เย่หยวนมองดูที่เขา “ไม่รู้จักประมาณตนกลับกล้ามาทำตัวอวดดีต่อหน้าข้า? ข้ามอบโอสถหยกวารีให้เพราะเห็นแก่หน้าพี่เจียงหรอกนะ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นคนเก่งกาจมากบารมีหรือ?”

หลู่เฉินนั้นเจ็บปวดจนถึงขั้นกระดูก เหงื่อเย็นเหยียบไหลลงมาท่วมกาย

แรงเตะของเย่หยวนนี้มันหักทำลายกระดูกของเขาจนเป็นผงไม่อาจลุกขึ้นยืนได้

เขานั้นคิดหักขาเย่หยวน แต่สุดท้ายแล้วกลับเป็นตัวเองที่ขาหักลง

ดินแดนของพลังโลกของเขานั้นไม่อาจส่งผลใดๆ แก่เย่หยวนได้เลย

เป็นตอนนี้เองที่หลู่เฉินได้รู้ว่าชายหนุ่มผู้อาวุโสใหญ่แห่งเมืองจักรพรรดิตรงหน้าเขานี้ไม่ใช่คนทั่วๆ ไปที่จะข่มขู่ได้เลย!

“ข้า…ข้าผิดไปแล้ว! ข้า…ข้าขอร้อง ปล่อยข้าไปเถอะ” หลู่เฉินบอกพร้อมเหงื่อที่ไหลท่วมกาย

เย่หยวนพยักหน้าออกมา “ก็ไม่ใช่ว่าข้าคิดจะฆ่าสังหารเจ้า แต่เจ้าน่าจะรู้ดีว่าข้าต้องการอะไร”

หลู่เฉินเบิกตากว้างก่อนจะพยักหน้าออกมา “ข้า…ข้าจะพูด ข้าจะบอกทุกเรื่องที่ข้ารู้!”

…………………………