บทที่ 572 ญาติบุญธรรม

ภูมิอากาศแบบมรสุมเขตกึ่งร้อนของเมืองเซี่ยงไฮ้ได้มาถึงในช่วงเดือนมิถุนายน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงกลางเดือนมิถุนายน นั่นทำให้โจวชิงไป๋รู้ซึ้งถึงภูมิอากาศทางภาคใต้ได้ดีทีเดียว

อากาศร้อนอบอ้าวมากจริง ๆ ทั้งความกดอากาศที่ต่ำและฝนที่ตกหนักมาก

เขากังวลแม้กระทั่งกลัวว่าผ้าอ้อมของลูกสาวเขาจะขึ้นราหรือไม่เลย!

“นี่ก็ตก 7-8 วันแล้ว ทำไมยังไม่หยุดตกอีก” โจวชิงไป๋มุ่นคิ้วพูดขึ้นขณะยืนมองจากภายในบ้าน

“นี่เพิ่งจะเมื่อไหร่เองคะ ฉันได้ยินมาจากคุณป้าเจียงว่าช่วงครึ่งหลังของเดือนในบางครั้งก็จะเป็นแบบนี้ล่ะค่ะ” หลินชิงเหอกินขนมเปี๊ยะกระดองปู[1]ขนมประจำถิ่นของเซี่ยงไฮ้ แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจ

พวกเขาเอาเสื้อผ้ามามากพอสมควร มีให้เปลี่ยนอยู่แล้ว จึงไม่มีอะไรต้องกังวล

โจวชิงไป๋รู้สึกจนใจ อากาศภาคใต้ทำให้คนต้องปรับตัวไปเองอย่างจำยอม ยังดีที่เขาเอาเสื้อผ้ากับกางเกงในมาเยอะ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีให้เปลี่ยนแล้ว

“กินหน่อยสิคะ อร่อยมากเลย” หลินชิงเหอพูด

โจวชิงไป๋นั่งลงหยิบมากินหนึ่งชิ้นและพูดขึ้น “คุณชอบกินไหม?”

“ชอบค่ะ” หลินชิงเหอพยักหน้า

“ผมเห็นบ้านข้าง ๆ นั่นมีหมั่นโถวทอดขาย วิธีทำของที่นี่ไม่เหมือนกับหมั่นโถวของพวกเรานัก ดูแล้วเหมือนจะไม่เลวเลย” โจวชิงไป๋พูด

“งั้นครั้งหน้าตอนกลับมาซื้อมาให้ฉันลองชิมดูหน่อยนะคะ พวกนี้เป็นขนมขึ้นชื่อทั้งนั้นเลย” หลินชิงเหอพยักหน้าพูด

โจวชิงไป๋ตอบตกลง หลังจากนั้นก็ลูบ ๆ ท้องของเธอ แล้วพูดว่า “ลูกดิ้นไหมครับ?”

“ไม่มีค่ะ” หลินชิงเหอตอบนิ่ง ๆ

โจวชิงไป๋รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาอยากจะสื่อสารกับลูกสาวของเขาสักหน่อย เขาพูดคุยกับภรรยาตนเองอีกนิดหน่อยแล้วจึงลุกขึ้นไปทำกับข้าวในครัว

“ภรรยาครับ กินบะหมี่ซุปไก่ไหม?” โจวชิงไป๋พูด

“ก็ได้ค่ะ ลวกผักให้ฉันด้วยสักจานนะคะ” หลินชิงเหอพูด

“ครับ” โจวชิงไปพยักหน้า เขาก็ไปต้มน้ำซุปไก่และลวกเส้นแล้ว

สำหรับผักลวกที่ภรรยาเขาชอบกินนั้น เขาก็เอาผักไปล้างน้ำให้สะอาด เปิดน้ำร้อนลวกสักพักแล้วเอาขึ้นมา จากนั้นก็เหยาะซีอิ๊วไว้ด้านบน

เขารู้สึกไม่ค่อยชินกับการกินแบบนี้เท่าไร แต่ภรรยาเขากลับชอบกิน

สองสามีภรรยากินบะหมี่ซุปไก่ในตอนเที่ยง หลังจากนั้นก็พากันไปนอนกลางวัน วันนี้ฝนตกตั้งแต่เช้าจนถึงตอนเย็นจึงจะหยุดตก

โจวชิงไป๋ถอนหายใจออกมาอย่างผ่อนคลาย เขารู้สึกราวกับว่าฟ้ารั่วอย่างไรอย่างนั้น อาจมีฝนตกไม่หนักแต่ก็ตกมาไม่หยุดเสียที

“เดือนหน้าเจ้ารองกับเจ้าสามก็จะปิดเทอมแล้วนะคะ” หลินชิงเหอพูด

“ให้เจ้าสามมาที่นี่เถอะ แล้วให้เจ้ารองอยู่ที่นู่น” โจวชิงไป๋พูด

หลินชิงเหอพยักหน้า กินข้าวเย็นเสร็จก็รู้สึกอารมณ์ดี รอเจอกระทั่งเจียงเกิงเดินมา เธอก็เริ่มสอนเขา

“น้าหลินครับ ปิดเทอมฤดูร้อนนี้ผมอยากจะมาที่นี่ทุกวันเลย” เจียงเกิงพูด

“ได้สิจ้ะ ปิดเทอมนี้ลูกชายน้าก็จะมาหาเหมือนกัน ถึงตอนนั้นเธอก็ถามวิชาอื่น ๆ กับเขาได้นะ” หลินชิงเหอพยักหน้า

“พี่เขาเล่นบาสเกตบอลเป็นไหมครับ?” เจียงเกิงพูด

“ไม่ว่าจะบาสเกตบอลหรือฟุตบอลเขาก็เล่นเป็นหมดจ้ะ” หลินชิงเหอมุ่นคิ้ว

“งั้นก็ดูน่าจะเก่งอยู่นะครับ” เจียงเกิงพูด

“แน่นอน ลูกชายฉันนี่” หลินชิงเหอพูด

“คุณน้านี่ไม่ถ่อมตัวเลยสักนิดเดียวจริง ๆ” เจียงเกิงส่ายหน้า เขาคิดว่าตัวเองก็ไม่ได้เป็นคนชอบถ่อมตัวเหมือนกัน แต่เห็นได้ชัดว่าคนตรงหน้าน่ะยิ่งกว่าเขาเสียอีก

หลินชิงเหอหัวเราะ “มั่นใจไหมว่าสอบปลายภาคจะได้ 60 คะแนนขึ้น”

ท้ายที่สุดแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรตั้งแต่แรก และเกณฑ์การวัดในยุคนี้ก็ยังไม่สูงนัก 60 คะแนนขึ้นไปก็ถือว่าดีแล้ว

“น่าจะค่อนข้างยากครับ แต่ก็ไม่ขนาดนั้น” เจียงเกิงพูด

“เธอจำบทความภาษาอังกฤษที่ใช้ในชีวิตประจำวันที่ฉันสอนเธอ กับพื้นฐานที่สอนก่อนหน้านี้ แล้วก็เติมคำในช่องว่างกับระวังเรื่องไวยากรณ์ จำได้ทั้งหมดนี่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วล่ะ” หลินชิงเหอพูด

เจียงเกิงเรียนเสร็จแล้วก็กลับ ส่วนยายเฒ่าเจียงกับตาเฒ่าเจียงก็มากินข้าวที่บ้านของลูกชาย เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของเจียงอวี๋น้องสาวของเจียงเกิง

ยายเฒ่าเจียงได้พูดขึ้น “ทุกคนว่าให้เสี่ยวเกิงนับถือชิงเหอกับเสี่ยวโจวเป็นญาติบุญธรรมดีไหม?”

เซวียเหม่ยลี่นิ่งอึ้ง ตอบกลับว่า “ไม่เลวเลยนะคะ!” พอพูดแล้วก็มองไปที่สามีของตัวเอง “พ่อว่ายังไงคะ?”

หล่อนคิดว่าหลินชิงเหอเป็นคนไม่เลวเลย โจวชิงไป๋เมื่อก่อนหน้านี้ก็เคยเป็นทหาร แล้วสองสามีภรรยายังเป็นคนปักกิ่งอีกด้วย

รองผู้ว่าการเจียงไม่คิดว่าแม่ของเขาจะรู้สึกดีกับบ้านนั้นขนาดนี้ จึงพูดขึ้น “จะว่าได้ก็ได้ ต้องดูว่าฝั่งนั้นเขาจะว่าอย่างไร?”

ให้ลูกชายนับถือครอบครัวจากปักกิ่งเป็นญาติบุญธรรมย่อมต้องเป็นเรื่องที่ไม่เลวอยู่แล้ว หลังจากนี้ไม่ว่าลูกของเขาจะเดินตามรอยเขาหรือไม่ มีครอบครัวนั้นอยู่ก็ถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งไม่ใช่หรือ?

“ถ้าพวกเธอไม่ว่าอะไร งั้นฉันจะกลับไปถามชิงเหอนะ” ยายเฒ่าเจียงยิ้มพูด และมองไปที่หลานชายตน “เสี่ยวเกิง หลานคิดว่าอย่างไรบ้าง?”

เจียงเกิงรู้สึกเกรงใจเล็กน้อยพูด “หรือว่าพวกคุณย่าไม่อยากให้ผมถือผลไม้ไปด้วย เพื่อให้ผมเรียนฟรี ๆ เหรอครับ”

“เด็กคนนี้พูดอะไรน่ะ ผลไม้ที่แม่ให้ไปยังไม่มีค่ามากพอเลยรู้ไหม” เซวียเหม่ยลี่

ลูกชายหล่อนไปเรียนพิเศษนานขนาดไหนกัน? นับแบบเต็ม ๆ ดูแล้วยังไม่ถึง 2 เดือนเลย แต่ทำให้คะแนนภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้นได้แล้ว

หล่อนตื่นเต้นมาก ขอเพียงเรียนภาษาอังกฤษเก่งขึ้นได้ ต่อจากนี้หากอยากสอบเข้ามหาวิทยาลัยดัง ๆ ก็ไม่มีปัญหาแล้ว!

“เธอฟังไม่ออกหรือ เขายอมรับแม่บุญธรรมของเขาแล้ว” ยายเฒ่าเจียงพูดด้วยรอยยิ้ม

เรื่องนี้พวกเขาเพียงตกลงกันในครอบครัวให้เสร็จสรรพก่อน พอกลับมาแล้วจึงมาพูดให้หลินชิงเหอและโจวชิงไป๋ฟัง

“ตอนไปกินข้าวกับลูกชายฉันวันนี้ ภรรยาของลูกชายฉันจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาแล้ว ว่าอยากจะเป็นครอบครัวเดียวกันกับครอบครัวนี้ เป็นพ่อแม่บุญธรรมของเสี่ยวเกิง ฉันได้ฟังแล้วก็รู้สึกว่าไม่เลวเลย” ยายเฒ่าเจียงพูด

เดิมทีเรื่องนี้นางเป็นคนพูดขึ้นมาเอง แต่ก็ไม่อาจพูดออกไปแบบนั้นได้ อย่างไรก็ต้องบอกว่าเป็นภรรยาลูกชายตนพูดจึงจะถูก

ตาเฒ่าเจียงกำลังดูทีวีอยู่ แต่ก็ตัดสินใจมาพร้อมกับนางด้วยเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก

หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ย่อมต้องรู้สึกเหนือความคาดหมายเป็นธรรมดา

ทั้งสองมองหน้ากัน แล้วหลินชิงเหอก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ก็คือจะให้เสี่ยวเกิงมาเป็นลูกชายบุญธรรมของเราหรือคะ?”

“แต่เรากลัวชิงเหอกับเสี่ยวโจวจะไม่ชอบ ก็เด็กคนนี้น่ะดื้อเกินไปหน่อย” ยายเฒ่าเจียงยิ้มพูด

“วัยรุ่นก็ทะนงตัวเป็นธรรมดาค่ะ เด็กคนนี้น่ะจิตใจดี ว่าแต่เขาตกลงแล้วเหรอคะ? แล้วก็พ่อของเขาอีก” หลินชิงเหอพูด

เธอยังไม่มีลูกชายบุญธรรมเลย รับลูกชายบุญธรรมไว้ก็ไม่เลวเหมือนกัน เนื่องจากฐานะของตระกูลเจียงก็ไม่ธรรมดา พ่อของเจียงเกิงยังเป็นถึงรองผู้ว่าการของที่นี่ หลังจากนี้จะต้องมีเรื่องรบกวนแน่

แต่หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ไม่เคยพูดถึงเรื่องที่ปักกิ่ง และกิจการของพวกเขามาก่อนเลย พูดเพียงแค่ว่าหล่อนเป็นอาจารย์หัวหน้าหมวดภาษาต่างประเทศมหาวิทยาลัยปักกิ่งเท่านั้น และก็ยังมีลูกชายอีก 3 คน แบบนี้ครอบครัวเจียงยังยินดีที่จะรับพวกเขาเป็นญาติบุญธรรมกันอีก นี่นับว่าเป็นความบริสุทธิ์ใจอย่างแท้จริง

“ภรรยาของลูกชายฉันยังบอกว่า พวกเขาสองสามีภรรยาเคยปรึกษากันแล้ว แล้วก็มีเสี่ยวเกิง เขาตอบตกลงด้วยตัวเองทั้ง ๆ ที่ใบหน้าแดงก่ำเชียวละ” ยายเฒ่าเจียงหัวเราะพูด

“ก็ได้ค่ะ ขอเพียงพวกเขาเต็มใจยอมรับ งั้นพวกเราก็ขอยอมรับเป็นญาติบุญธรรมแล้วนะคะ แล้วก็รับลูกชายบุญธรรมด้วย พวกเราไม่มีอะไรจะให้ งั้นอาหารมื้อนี้ให้พวกเราเลี้ยงนะคะ” หลินชิงเหอยิ้มพูด

“เสี่ยวเกิงมีพ่อแม่บุญธรรมเพิ่มแล้ว ต้องให้พวกเราเป็นฝ่ายเลี้ยงสิ” ตาเฒ่าเจียงเปิดปากพูดแล้ว

“ฉันไม่เคร่งเรื่องนี้หรอกนะคะ พวกเราดูกันอีกทีแล้วกันค่ะว่าว่างวันไหน ค่อยนัดกินเลี้ยงกันวันนั้น” หลินชิงเหอยิ้มพูด

“มะรืนนี้ไหมจ๊ะ มะรืนนี้ลูกชายฉันหยุด เสี่ยวเกิงเองก็หยุดเช่นกัน ถึงตอนนั้นแล้วเราค่อยมาพร้อมกันนะจ๊ะ” ยายเฒ่าเจียงพูด

………………………………………………………………………………………………………………………….

[1]”เปี๊ยะกระดองปู” ได้ชื่อเรียกนี้เนื่องจากรูปร่างและสีสันของขนม ที่มีลักษณะกลมแบนและหลังอบออกมาได้สีเหลืองออกแดงยวนตาคล้ายกับกระดองปูนั่นเอง โดยจะโรยหน้าด้วยงาและมีความหอมกรอบเป็นพิเศษ ซึ่งขนม “เปี๊ยะกระดองปู” ของเซี่ยงไฮ้นี้ ถือกำเนิดขึ้นตอนต้นยุค20 ของศตวรรษก่อน และได้รับความนิยมกลายเป็นของว่างประจำโรงน้ำชาต่างๆ ของเซี่ยงไฮ้ในยุคนั้น ขนมจะมีทั้งแบบรสเค็มและหวาน รวมถึงมีแบบใส่ไส้ เช่น ไส้หมู ถั่ว กุหลาบ พุทรากวน เป็นต้น

อ้างอิงข้อมูล: เก่าเล่าไป ใหม่บอกมา:”ตัวหลุนลู่” ถนนเก่ากับอาหารถิ่น “เซี่ยงไฮ้” – china radio international (cri.cn)

สารจากผู้แปล

เจออากาศเซี่ยงไฮ้แล้วพ่อถึงกับกลัวผ้าอ้อมลูกสาวขึ้นราเลยทีเดียว ต้องรักขนาดไหนคะ

แม่ได้ลูกชายบุญธรรมเพิ่มมาแล้ว คราวนี้เท่ากับมีญาติที่เซี่ยงไฮ้แล้ว

ปล. เจออาหารน่าทำอีกอย่างแล้วค่ะ เดี๋ยวค้นสูตรแพรบ

ไหหม่า(海馬)