GGS:บทที่ 1121 ตกตะลึง

ณ สถานีถ่ายทำรายการของแมงโก้ทีวี นาหลันเฟยนั้นเดิมทีได้มีกำหนดในการถ่ายรายการอยู่ก่อนแล้ว เมื่อถังช่วงหนึ่ง เธอก็ได้ขอตัวออกมาพักถ่ายรายการเพื่อที่จะไปช่วยซูจิ้งร้องเพลงในคอนเสริตของเขา
ด้วยการที่การถ่ายรายการโดยปกตินั้น ดารามีการขอพักเหนื่อยกลางคันอยู่แล้วก็เลยไม่มีใครนึกเอะใจอะไรแม้แต่น้อย และด้วยช่วงเวลาที่ทางรายการยอมให้พักในแต่ละครั้งก็นานพอที่จะทำให้เธอสามารถร้องเพลงให้ซูจิ้งได้สักเพลงสองเพลงอย่างสบายๆ

ในตอนนี้เอง คนของซูจิ้งที่ส่งมาก็เตรียมสถานที่สำหรับถ่ายทำเอาไว้แล้ว ถึงแม้ว่านาหลันเฟยจะนึกสงสัยอยู่บ้างที่ทำไมซูจิ้งถึงกับส่งคนของตัวเองมาทั้งที่มันก็แค่สตรีมการร้องเพลงของเธอเท่านั้น
แต่ในเมื่อเรื่องในครั้งนี้หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาเรื่องทั้งหมดจะเป็นซูจิ้งที่รับผิดชอบ แน่นอนว่าเธอยินดีและมีความสุขอย่างมากที่ไม่ต้องทำนู่นทำนี่ด้วยตัวเอง
หลังจากที่ร้องเพลงไปสองเพลงจนจบลง ตอนนั้นเองผู้ช่วยของเธอก็ได้นำโทรศัพท์มือถือมาให้ เมื่อเธอดูแล้วว่าเป็นเพื่อนของเธอจึงได้รีบรับสายในทันที
“ที่ร้ากกกกก ไหนเธอบอกว่าจะไปถ่ายรายการที่สถานีของแมงโก้ทีวีไม่ใช่เหรอ” เสียงหญิงสาวหวานหยาดเยิ้มคนหนึ่งได้ถามออกมาด้วยความรู้สึกสงสัยเต็มประดา
“ก็ถ่ายอยู่นี่” นาหลันเฟยตอบกลับไปอย่างงงๆ
“ไม่จริงอ่ะ ตอนนี้เธอต้องอยู่ในงานคอนเสริตของซูจิ้งแน่ๆ”
“ไม่ใช่นะ ตอนนี้ฉันอยู่ที่สถานีของแมงโก้ทีวีจริงๆ เธอได้ยินมาจากไหนเนี่ยว่าฉันไปเข้าร่วมงานคอนเสริตของซูจิ้ง ใครกันที่กล้าจะปล่อยข่าวลือแบบนี้ออกมา”

“ข่าวลืออะไร ฉันยังอัดวิดีโอสตรีมสดเอาไว้เลย เธอด้วยตาของตัวเองก็ได้” เมื่อพูดจบ หญิงสาวที่ปลายก็ได้ส่งคลิปวิดีโอมาให้เธอดู
นาหลันเฟยเองที่โดนกล่าวหาขนาดนี้จึงได้รีบเปิดดูในทันที แต่ทันทีที่เธอเห็น ตาของเธอก็ตกใจจนเบิกกว้างอย่างที่สุดราวกับได้เห็นพูดผีในทันที
ตอนนี้สมองเธอแทบจะตัดการรับรู้ต่างๆไปโดยสิ้นเชิงเลยทีเดียว นั่นก็เพราะเธอได้เห็นคนที่เหมือนเธออย่างกับแกะยืนอยู่กลางเวทีและร้องเพลงแบบเดียวที่เธอได้ร้องเมื่อกี้ ทั้งคำพูด ท่าทาง และคำร้อง เรียกได้ว่าไม่ว่ามองยังไงก็ต้องคือเธออย่างแน่นอน แต่ประเด็นคือเธอไม่ได้ออกจากสถานีแห่งนี้แม้แต่น้อย

ณ สตูดิโออัดเพลงแห่งหนึ่ง นักร้องสาวสุดเซ็กซี่ที่พึ่งจะหยุดการถ่ายวิดีโอเพื่อช่วยคอนเสริตของซูจิ้งนั้นกำลังจะเดินออกจากห้อง โดยมีคนที่ซูจิ้งส่งมานั้นทำการช่วยเธออัดวิดีโอไว้
หลังจากที่เธอพึ่งจะก้าวออกไปจากห้องนั้น ตอนนั้นเอง ผู้จัดการของเธอก็ได้ก้าวเข้ามาหาด้วยสีหน้าแตกตื่นพร้อมกับเปิดคอมพิวเตอร์ที่กำลังเล่นวิดีโอที่มีฉากนักร้องแสนเซ็กซี่คนนี้อยู่
“ฉันพึ่งจะร้องเพลงเสร็จเองนะ ไม่เห็นจะต้องรีบเอาอะไรมาให้ดูเลยนี่นา ขอพักก่อนไม่ได้เหรอ” นักร้องสุดแสนจะเซ็กซี่ได้ถามออกมา

“…..มันคือวิดีโอคอนเสริตของซูจิ้ง…” ตัวแทนของเธอได้พูดออกมา
“แล้วยังไงล่ะนะ ถ้าเขาให้ฉันไปร้องที่นั่นด้วยตัวเองล่ะก็จะดีกว่านี้อีกตั้งหลายเท่า….” นักร้องสาวสุดพูดออกมาด้วยเสียงใสกระจ่าง แน่นอนว่าตัวแทนของเธอผู้นี้ต้องรู้อยู่แล้วว่าเธอสตรีมการร้องเพลงจากที่นี่
แต่ในทันทีที่เห็นฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้เธอถลึงตาโตออกมาด้วยความตกใจไมได้พร้อมกับพูดออกมาว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน”

ในขณะเดียวกัน เหล่าสุดยอดดาราทั้งหลายที่ได้เข้าไปช่วยซูจิ้งร้องเพลงในคอนเสริตนี้ต่างก็ต้องพบกับเรื่องแปลกประหลาดนี้กันอย่างถ้วนหน้า
แต่ให้ไม่ได้ประสบด้วยตัวเองก็ต้องมีเพื่อนฝูงหรือแม้แต่คนที่ทำงานด้วยโทรหาด้วยกันไปหมดเลยทั้งสิ้น และตอนนี้เองที่ทำให้สุดยอดดาราทุกคนต่างก็รู้ตัวแล้วว่า การสตรีมร้องเพลงในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดาซะแล้ว
ส่วนทางด้านคอนเสริตนั้น หลังจากที่ดาราทุกคนได้ร้องเพลงยินดีต้อนรับสู่ปักกิ่งจบไปแล้ว ทุกคนยังยืนอยู่นิ่งๆและยังไม่ได้ไปไหนแต่อย่างใด
เหล่าผู้ชมและนักข่าวต่างก็รู้สึกมหัศจรรย์ใจกับฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้อย่างมาก พวกเขาสงสัยกันจริงๆว่าเหตุใดกันที่ทำให้เหล่าสุดยอดดาราเหล่านี้มารวมตัวกันได้ แถมตอนนี้ทุกคนยังไม่มีทีท่าจะไปไหนแถมยังแข็งค้างราวกับเห็นผีจนทำให้ตอนนี้เหล่าผู้ชมรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติแน่ๆ

อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีอีกหลายๆคนที่ไม่ได้สังเกตถึงเหตุปกติที่เกิดขึ้น และบางคนยังมีท่าทีตื่นเต้นยินดีกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างออกนอกหน้าที่ได้เห็นเหล่าดาราที่ตัวเองชื่นชอบมาอยู่ในที่เดียวกันแบบนี้
ในตอนนี้เอง ชายหนุ่มคนหนึ่งก็ได้ปีนขึ้นไปบนเวทีโดยที่หลุดรอดสายตาของหน่วยรักษาความปลอดภัยขึ้นไปได้ยังไงก็ไม่รู้
เขาได้ถือช่อดอกไม้ช่อหนึ่งพุ่งตรงเข้าไปหาสุดยอดดาราคนหนึ่งนั่นก็คิดราชานีนักร้องที่โด่งดังไปทั่วทั้งประเทศในขณะนี้ หลังจากที่ไปถึงแล้ว เขาก็ได้ยื่นดอกไม้ไปให้เธอคนนี้ในทันที
อย่างไรก็ตาม ดารานักร้องคนนี้ไม่ได้มีท่าทีจะมองเขาแต่อย่างใด เธอกำลังอยู่ในท่าทีที่กำลังมองตรงไปข้างหน้าราวกับไม่ได้รับรู้ในสิ่งที่เกิดเลยแม้แต่น้อย เธอยังคงยิ้มออกมาอย่างสวยงามแต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนท่าทีไปเลยสักนิด

ชายหนุ่มคนนี้เมื่อเห็นว่ามีอะไรบางอย่างแปลกๆ เขาเริ่มสังเกตเห็นแล้วราชินีเพลิงที่กำลังอยู่ตรงหน้านี้เหมือนจะไม่เห็นเขาเลยแม้แต่น้อย และยิ่งดูไปเนิ่นนานก็ยิ่งรู้สึกว่าร่างกายของราชินีเพลงคนนี้ดูเลือนรางโปร่งใสพิกล ร่างของเธอนั้นดูหลอนๆราวกับเป็นเงายังไงก็ไม่รู้

แต่ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มคนนี้จะได้พิสูจน์อะไรไป เขาก็ได้ถูกหน่วยรักษาความปลอดภัยสองคนตรงเข้ามาพาเขาลงไปจากเวทีอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มเองที่เห็นที่ไม่ดีเพราะตอนนี้เขานั้นถูกล้อมเอาไว้แล้ว เขาจึงได้พยายามที่จะวางดอกไม้ให้กับมือของเธอเองโดยมุ่งหวังที่จะวิ่งไปหาซูจิ้งหลังจากนี้เพราะเขาเองก็เป็นแฟนคลับของซูจิ้งด้วยเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันที่เขาจะได้วิ่งออกไป ทันทีที่เขาได้จับมือราชินีนักร้องคนนี้ เขาก็ต้องพบกับเรื่องที่แปลกประหลาด ดอกไม้ที่ควรจะอยู่ในมือของราชินีนักร้องกับร่วงหล่นไปยังเท้าของเธอแบบดื้อ และนี่ไม่ใช่การร่วงหล่นโรรมดาแต่เป็นการทะลุผ่านราวกับไม่มีอะไรขวางกั้นเลยแม้แต่น้อย
ส่วนดาราคนอื่นเองก็ไม่ได้มีท่าทีแตกตื่นหรือถอยหนีไปแต่อย่างใด ราวกับว่าสำหรรับพวกเขาแล้วนั้นไม่ได้รับรู้ส่งที่เกิดขึ้นเลยสักคน

“นี่…..” ชายหนุ่มที่เห็นฉากที่เกิดขึ้นนี้ถึงกับไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว เขาจ้องมองไปยังดอกไม้ที่ลงไปกองอยู่กับพื้นที่ทะลุผ่านร่างกายของราชินีนักร้องที่เขาชื่นชอบ
ในตอนนี้เหล่าผู้ชมที่เห็นแกนี้ต่างก็ตกตะลึงกันไปทั่ว ตอนนี้ทุกคนคิดได้อย่างเดียวเลยว่าสุดยอดดาราเหล่านี้ไม่ได้มาด้วยตัวเองอย่างที่ว่าเอาไว้จริงๆ แต่นี่พวกเขาส่งมาแต่วิญญาณของตัวเองรึยังไงกัน

“พระเจ้าช่วยเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย”
“…อย่าบอกนะว่า….ดาราที่มามากขนาดนี้นั้น….ล้วน…ล้วนแล้วแต่เป็น….ผี…”
“ผีบ้าผีบออะไรกันนี่มันโลกยุคศตวรรษที่21 แล้วนะ ถ้าฉันไม่ผิดล่ะก็ นี่….สมควรจะเป็น….สิ่งนั้น….”
“เกิดอะไรขึ้นกัน อย่าบอกนะว่านี่เป็นผลิตภัณฑ์ของซูจิ้งที่จะเอามาแถลงในงานครั้งนี้น่ะ” หวังซือหยาตกตะลึงและได้รีบถามหวังจ้าวและเฉิงหนานในทันทีที่เธอตั้งสติได้
“ถูกต้องนะคร้าบบบบบบ” หวังจ้าวพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ส่วนเฉิงหนานเองก็มองหน้าหวังซือหยาด้วยรอยยิ้มเช่นเดียยวกัน
“แม่จ้าวววว นี่มันเรื่องอะไรกันแน่” ลู่ฉิงหยา หยางเว่ย จูเจียนฮัว หลิวหยิน และคนอื่นๆต่างก็แสดงท่าทีประหลาดใจออกมากันอย่างสุดๆ เพราะว่าพวกเขานั้นไม่ได้คิดว่ามันจะแปลกอะไรถึงขนาดนี้
“เข้า…ใจ…แล้ว….นี่มันเครื่องฉายภาพสามมิติชัดๆ” ฉินซูหลานได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“น่าจะใช่นะ พระเจ้า พี่จิ้งทำเรื่องสุดยอดอีกแล้ว” หลิวฉิงพูดออกมาด้วยท่าทางตื่นเต้น
“เป็นไปได้ยังไงกัน ไอ้เครื่องนั้นมันมีแต่ในนิยายกับหนังไม่ใช่เหรอ” โจวหลันที่ได้ยินก็แข็งค้างไปในทันทีพร้อมกับความรู้สึกที่ว่ายังไงก็ไม่เชื่ออย่างแน่นอน

ขณะเดียวกัน บนเวทีนั้น ชายหนุ่มที่นำดอกไม้ขึ้นมาก็ได้ถูกลากตัวลงไปจากเวทีด้วยหน่วยรักษาความปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว
ด้วยการที่เขานั้นยังอยู่ในสภาพที่ตกตะลึงจึงทำให้หน่วยรักษาความปลอดภัยนั้นพาตัวเขาลงไปได้อย่างง่ายดาย
ซูจิ้งเอง ในตอนนี้ เขา ได้เดินไปยังราชินีเพลงที่ชายคนนี้พยายามที่จะมอบดอกไม้ให้โดยตรง แต่เขาไม่ได้มีท่าทีที่จะหลบหลีกเหล่าดาราที่ขวางทางเข้าแม้แต่น้อย
เขาได้เดินทะลุล่างต่างๆไปมากมายจนถึงร่างของราชินีเพลงคนนั้น ก่อนที่จะก้มตัวลงไปหยิบช่อดอกไม้นี้ขึ้นมา พร้อมกับกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ต้องขอบคุณดอกไม้นี้แทนเพื่อนของฉันด้วยนะ แต่น่าเสียดายที่เธอไม่ได้เข้ามาร่วมงานคอนเสริตนี้โดยตรง เอาเป็นว่าหลังงานนี้จบลงเดี๋ยวฉันจะนำไปมอบให้เธอให้”

ซูจิ้งได้นิ่งเงียบไปพร้อมรอยยิ้มครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาต่อว่า “ฉันเชื่อว่าในตอนนี้ทุกๆคนน่าจะพบความผิดปกติแล้วว่า เหล่าสุดยอดดาราทั้งหลายเหล่านี้ที่ในตอนนี้อยู่ต่างที่ ต่างเมือง แม้แต่อยู่ในต่างประเทศก็ยังมี แต่พวกเขาก็ยังมาปรากฎอยู่ที่นี่ได้
แล้วทำไมดอกไม้ช่อนี้ถึงได้ทะลุผ่านร่างของเพื่อนฉันคนนี้ได้อย่างง่ายดาย หรือแม้แต่การที่ฉันได้เดินทะลุผ่านร่างของเหล่าสุดยอดดาราทั้งหลายมาโดยไม่แม้แต่จะมีการขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย”
ซูจิ้งได้นิ่งเงียบไปอีกครั้ง ก่อนที่จะมองไปเหล่าผู้ชมโดยรอบด้วยรอยยิ้มกว้าง ก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้งว่า “ตอนนี้ผมเชื่อว่าหลายๆคนเริ่มจะนึกออกแล้วว่าสิ่งนี้คืออะไรกันแน่ ถูกต้องแล้ว พวกเขาที่อยู่ต่อหน้าพวกเราในตอนนี้ไม่ใช่ตัวคนจริงๆ แต่เป็นเพียงภาพเท่านั้น และภาพที่ว่าก็คือภาพจากเครื่องฉายภาพสามมิติที่พวกเรากลุ่มทันห้วงเวลาได้พัฒนาขึ้นมา”

ตอนนี้เหล่าผู้ชมที่ได้ยินนิ่งเงียบกันไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มหันไปคุยกันไปมาด้วยความตื่นเต้นอย่างออกท่าออกทาง
“พระเจ้า….เครื่องฉายภาพสามมิติที่เชื่อกันว่ามีแต่ในหนังเท่านั้น ในที่สุดก็มีอยู่บนโลกนี้แล้วจริงๆ”