บทที่ 1016 กระบวนเวทเทพบังเกิด!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

ที่ที่ห่างจากสถานที่หวังเป่าเล่อกำลังฝึกอยู่นี้เป็นจักรวาลที่อยู่ไกลออกไป และผู้ที่ไปยับยั้งเซี่ยไห่หยางไม่ใช่ผู้ฝึกตนดารานิรันดร์ของอารยธรรมที่อยู่ใกล้เคียง แต่เป็นผู้ฝึกตนดาวพระเคราะห์ผู้หนึ่ง

ร่างนี้ใกล้เคียงกับมนุษย์ แต่เลือดภายในร่างกลับแตกต่าง และก่อขึ้นจากหินละลาย อัจฉริยะผู้มีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับกฎธาตุไฟมาแต่กำเนิด พลังการต่อสู้ของเขาภายในดาราจักรไฟสูงกว่าโลกภายนอกไม่น้อย แม้จะเป็นผู้ฝึกตนในระดับเดียวกันก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้

ดังนั้นแม้ว่าเขาจะสัมผัสได้ถึงกระสวยบินของเซี่ยไห่หยางนั้นไม่ธรรมดา และตรวจสอบถึงการฝึกตนภายในของเซี่ยไห่หยางไม่อาจวัดได้ แต่เขาก็ยังคงแสดงความหยิ่งผยองเย็นชา

เพราะเขาไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะคิดเช่นไร แต่ตอนนี้เขากำลังทำงานให้นายน้อย หากอีกฝ่ายมีผู้หนุนหลังก็ย่อมแจ้งชัดได้เอง หากไม่มีที่มาที่ไปยังกล้าแข็งขืน เช่นนั้นเขาก็จะได้โอกาสสร้างผลงานให้ประจักษ์แล้ว

หลังจากกล่าวจบ เขาก็ยืนอยู่ที่นั่น มองตรวจตราไปที่กระสวยด้วยสายตาเย็นชา

“นายน้อยหรือ” หลังจากเซี่ยไห่หยางได้ยินคำกล่าวของอีกฝ่ายก็รู้สึกตระหนก คำเรียกขานของอีกฝ่าย เขาย่อมเข้าใจได้เองว่านี่เป็นเหล่าสานุศิษย์ของปรมาจารย์แห่งไฟที่ปรากฏอยู่ในบริเวณนั้น และกำลังดำเนินการบางอย่างที่ค่อนข้างสำคัญ ดังนั้นจึงมีคำสั่งให้ผนึกจักรวาลรอบด้าน ทำให้คนนอกทั้งหมดไม่อาจเข้าใกล้

“ไม่ทราบว่าเป็นศิษย์ท่านใดของท่านปรมาจารย์แห่งไฟ…หรือว่านี่อาจเป็นโอกาส!” ความลังเลใจของเซี่ยไห่หยางตกอยู่ในสายตาของผู้ฝึกตนตรงหน้าที่ขัดขวางเขาทันที แต่หลังจากตรวจตราการปรากฏตัวของเซี่ยไห่หยาง ผู้ฝึกตนคนนี้ก็ถอนหายใจด้วยความเสียดาย และรู้ว่าตนเองไม่มีโอกาสสร้างผลงานแล้ว ผู้ที่อยู่ตรงหน้าแม้เป็นผู้มีภูมิหลัง แต่เห็นชัดว่าไม่กล้าฝ่าฝืน

เมื่อคิดว่าไม่มีโอกาสได้สร้างผลงานแล้ว ผู้ฝึกตนนี้ก็โบกมืออย่างเหลืออด

“ยังไม่ถอยไปอีก!” พูดพลาง พร้อมกับที่เขาสะบัดมือพายุเพลิงก็ระเบิดขึ้นไปบนท้องฟ้า กลายเป็นทะเลเพลิงที่ด้านหน้าเขา ตรงที่กระสวยของเซี่ยไห่หยางอยู่ มันดันตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะผลักอีกฝ่ายให้พ้นไปจากที่แห่งนี้

หากเป็นเวลาอื่นและสถานที่อื่น ด้วยสถานะของเซี่ยไห่หยางคงไม่ถูกอีกฝ่ายทำการป่าเถื่อนเช่นนี้ต่อหน้าตนเองเป็นแน่ แต่ตอนนี้เขามาขอความช่วยเหลือในดาราจักรไฟ ดังนั้นเขาทำได้เพียงเก็บอารมณ์และควบคุมกระสวยถอยหนีจากเปลวเพลิง ในเวลาเดียวกันเขาก็ปรากฏร่างขึ้นนอกกระสวยและยืนอยู่ด้านบน กำหมัดคารวะไปเบื้องหน้า

“สหายเต๋าผู้นี้ ไม่ทราบว่าข้างหน้าเป็นศิษย์ท่านใดของปรมาจารย์แห่งไฟหรือ? ผู้น้อยเซี่ยไห่หยางแห่งตระกูลเซี่ย มาที่นี่เพื่อคารวะท่านปรมาจารย์แห่งไฟ!”

เมื่อผู้ฝึกตนดาวพระเคราะห์นั้นได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนไป เก็บพลังเทพและประเมินเซี่ยไห่หยางอย่างถี่ถ้วน แล้วจึงยกมือขึ้นเพื่อคารวะตอบ

“ที่แท้เป็นสหายเต๋าเซี่ย หากสหายเต๋าจะไปคารวะท่านปรมาจารย์ก็ยังคงต้องอ้อมไปแล้ว เพราะว่าเป็นนายน้อยสิบหกกำลังฝึกอยู่เบื้องหน้า เรามีหน้าที่รับผิดชอบ มิอาจให้คนภายนอกเขาไปได้ ขออภัยด้วย!”

“นายน้อยสิบหกหรือ” เซี่ยไห่หยางถึงกับตะลึง อิงจากข้อมูลที่เขารวบรวมมาได้ เขารีบถามกลับในทันที

“นายน้อยสิบหกใช่หวังเป่าเล่อหรือไม่”

“บังอาจ ไม่ว่าเจ้าจะมาจากไหน สำหรับภายในดาราจักรไฟของข้า กล้าดีเช่นไรมาเรียกชื่อนายน้อย” “ผู้ฝึกตนดาวเพระคราะห์นั้นขณะนี้สีหน้าน่าเกรงขาม เขาส่งเสียงดัง ระเบิดพลังฝึกตนออกมาราวกับเจ้านายได้รับความอัปยศ ในขณะที่เซี่ยไห่หยางก็แอบด่าสุนัขรับใช้อยู่ในใจแต่ภายนอกกลับร้องเสียงดังขึ้นมา

“เข้าใจผิดแล้วสหายเต๋า นี่เป็นการเข้าใจผิด ข้าแซ่เซี่ยเป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายกับเป่าเล่อ ในขณะที่ข้ามาที่นี่เพื่อคารวะท่านปรมาจารย์ก็ตั้งใจมาเยี่ยมเพื่อนเก่าด้วย รบกวนท่านช่วยไปบอกว่า…เซี่ยไห่หยางมาแล้ว หวังจะมาพบสหายเป่าเล่อ!” เซี่ยไห่หยางหัวเราะร่า ตอนนี้สีหน้าสงบเยือกเย็นมาก ทำให้คำพูดของเขาเต็มไปด้วยพลังโน้มน้าวใจ

สิ่งนี้จึงทำให้ผู้ฝึกตนดาวพระเคราะห์ลังเล หลังจากมองเซี่ยไห่หยางอย่างถี่ถ้วน ก็ไม่ได้ขับไล่เขาต่อไป แต่ให้เขารออยู่ที่นี่ ตนเองนำแผ่นหยกออกมา ส่งเสียงไปทางปรมาจารย์ดารานิรันดร์สำนักตน

แต่แม้แต่ปรมาจารย์ของผู้ฝึกตนดาวพระเคราะห์นี้ ก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะติดต่อหวังเป่าเล่อได้โดยตรง ด้วยอารยธรรมของพวกเขา ห่างจากที่ที่หวังเป่าเล่อกำลังฝึกอยู่ ห่างไกลเกินไปแล้ว ดังนั้นข่าวการมาของเซี่ยไห่หยาง ทำได้เพียงส่งต่อไปเป็นขั้นๆ แม้จะถึงภายในอารยธรรมวิญญาณเพลิง ก็ยังคงไม่อาจบอกต่อหวังเป่าเล่อได้ในทันที

อย่างไรก็ตามเวลานี้หวังเป่าเล่อกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ภายในสายธารแห่งสะเก็ดดาว แยกตัวจากการติดต่อโลกภายนอกทั้งหมด ดำดิ่งทั้งร่างกายและจิตใจไปท่ามกลางการโคจรเวทผนึกดาราขั้นที่หนึ่ง

ด้วยการดำเนินการฝึกตนของเขา และด้วยการโคจรเวทผนึกดารา ความผันผวนบนร่างของหวังเป่าเล่อก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ในท้ายที่สุดเก้าดาวบรรพกาลข้างกายก็เปลี่ยนไปอย่างอัศจรรย์ ก่อตัวเป็นดาวเคราะห์เต๋า พลังกดดันส่งออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อสายธารแห่งสะเก็ดดาว ทำให้ส่งเสียงคำรามออกไปทั่วทุกทิศทางเป็นระยะๆ

ในขณะเดียวกัน ภายใต้การโคจรเวทผนึกดาราของหวังเป่าเล่อที่ค่อยๆ กระจายออกไป จนกระทั่งครึ่งเดือนต่อมา เมื่อระลอกคลื่นกระจายออกบนร่างหวังเป่าเล่อ ครอบคลุมไปทั่วสายธารแห่งสะเก็ดดาวอย่างไร้ขอบเขต เขาลืมตาขึ้นทันที

“ใกล้จะสำเร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการหาสะเก็ดดาวที่เหมาะสมเพื่อทำให้เวทผนึกดาราชั้นแรกของข้า..สำเร็จอย่างสมบูรณ์ที่สุด!” ระหว่างที่พึมพำ หวังเป่าเล่อก็ยกมือขวาขึ้นและกระแทกไปทางด้านหน้า ท่ามกลางสะเก็ดดาวจำนวนมากที่อยู่เบื้องหน้าเขา อยู่ๆ ก็มีดารานิรันดร์สลัดออกจากแรงดูดดวงหนึ่ง พุ่งตรงมาทางหวังเป่าเล่อ

ในขณะที่มันใกล้เข้ามา หวังเป่าเล่อส่อแววตาแปลกประหลาด รีบยกมือหนีบไว้ ดาวเคราะห์เต๋าที่ก่อจากเก้าดาวบรรพกาลที่อยู่รายรอบนั้นเป็นแกนหลัก แผนที่ดวงดาวขนาดมหึมาปรากฏออกมาจากรอบตัวเขาโดยตรง

แผนที่ดวงดาวนี้ประกอบด้วยประกายไฟที่แปลงจากดาวหมื่นดวง แลดาวแต่ละดวงดูราวประกายไฟจากดวงดารา แท้ที่จริงล้วนเป็นเพียงเห็บวัวที่หดเป็นทรงกลมเรียงต่อกันไป ก่อเป็นโครงร่างของเทพวัว และที่หว่างคิ้วของโครงร่างส่วนศีรษะเทพวัวนี้ก็เป็นที่ดาวเคราะห์เต๋าสถิตอยู่ ภายในดาวเคราะห์เต๋านี้จึงเป็น…หวังเป่าเล่อที่นั่งขัดสมาธิอยู่

ในขณะที่โครงร่างของแผนที่ดวงดาวปรากฏขึ้น ภายใต้แรงดึงของพลังแห่งแผนที่ดวงดาว สะเก็ดดาวที่ถูกเขาดูดซับมาแต่ละดวงหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายกลายเป็นสายรุ้งสายหนึ่ง แทรกเข้าไปภายในแผนที่ดวงดาวของหวังเป่าเล่อโดยตรง เข้าไปผนึกกายรวมกับหนึ่งในประกายไฟอย่างรวดเร็ว

จนกระทั่งมันถูกรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ เห็บวัวที่เดิมทีอยู่ภายในประกายไฟนั้น ก็เข้าสู่ภายในสะเก็ดดาวอย่างราบรื่นแล้ว และทันทีที่หลอมรวมกันเป็นหนึ่ง พลังกดดันที่กระจายออกจากแผนที่ดวงดาวของหวังเป่าเล่อนี้ เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด!

หลังจากสัมผัสอย่างระมัดระวังแล้ว หวังเป่าเล่อก็รู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง  และเริ่มหนีบสะเก็ดดาวขึ้นมาอีกครั้งจากสายธารทันที เขาเลือกสะเก็ดดาวทีละดวง เสียงร้องมาจากทุกทิศทุกทางพุ่งตรงเข้ามาที่หวังเป่าเล่อ ทั้งหมดกำลังใกล้เข้ามา ผลกระทบที่ได้รับจากแรงดูดดาวไฟก็น้อยลงเรื่อยๆ สุดท้ายกลายเป็นสายรุ้งและหลอมรวมเข้ากับประกายไฟภายในแผนที่ดวงดาวเทพวัวของหวังเป่าเล่อ

ก็เป็นเช่นนี้ เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ และการฝึกตนของหวังเป่าเล่อก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว สะเก็ดดาวที่ผนึกกายสองสามดวงจากตอนเริ่มต้น ก็ไปถึงนับร้อยนับพันอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งผ่านไปอีกครึ่งเดือน จำนวนสะเก็ดดาวก็เกินกว่าหกพันแล้ว

พลังกดดันของแผนที่ดวงดาวเทพวัวก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนถึงตอนนี้ความผันผวนที่แผนที่ดวงดาวแผ่ออกมาทั้งหมด แม้แต่ปรมาจารย์ดารานิรันดร์อารยธรรมวิญญาณเพลิงที่ด้านนอกสายธารแห่งสะเก็ดดาวก็ยังต้องตื่นตะลึง

แม้ว่าเขาในฐานะผู้ฝึกตนดารานิรันดร์ แต่เขาก็ยังรู้สึกได้ว่าเวลานี้ในสายธารแห่งสะเก็ตดาวมีพลังหนึ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เขารับรู้ได้ถึงอันตราย ที่กำลังกระจายออกมาอย่างบ้าคลั่ง

ผ่านไปอีกครึ่งเดือน ภายใต้การรอคอยของเซี่ยไห่หยาง ร่างหวังเป่าเล่อที่นั่งขัดสมาธิอยู่ก็สะดุ้งขึ้น เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง สายรุ้งที่กลายมาจากสะเก็ดดาวสิบสายบินมาจากรอบด้าน ทำให้ในโครงแผนที่ดวงดาวของตนเอง สิบประกายไฟสุดท้ายเข้ามาเติมเต็มในทันที ทำให้เวทผนึกดาราขั้นแรก…เป็นชั้นมหาวัฏจักรอย่างสมบูรณ์!

ในเสียงคำราม เงาร่างเทพวัวที่ก่อจากสะเก็ดดาวนับหมื่นดวงนั้นดูราวกับมีชีวิต ขณะที่หวังเป่าเล่อลุกขึ้นยืน เช่นเดียวกับยืนอยู่ท่ามกลางจักรวาล เขาแหงนหน้าส่งเสียงคำรามสะเทือนไปทั่วทิศ

เพียงคำรามก็ก่อเกิดเป็นคลื่นไร้รูปกระจายออกไปรอบๆ ราวกับพายุที่ระเบิดกวาดไปทั่วทิศ ทำให้ผู้ฝึกตนนอกพิภพภายใต้ดารานิรันดร์ทั้งหมดสะเทือนไปทั่ว จนต้องถอยห่างออกมาไม่อาจเข้าใกล้ แม้จะเป็นดารานิรันดร์ สัมผัสสวรรค์ของแต่ละคนสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เมื่อมองไปในสายธารแห่งสะเก็ดดาวที่เวลานี้ก็ปรากฏเงาแห่งเทพวัวร่างมหึมาซึ่งกำลังแหงนหน้าคำราม ทุกคนเห็นก็ต่างก็ก้มศีรษะกันเซ็งแซ่

“ขอแสดงความยินดีกับนายน้อย กระบวนเวทเทพบังเกิดแล้ว!”

  ……………………………