GGS:บทที่ 1123 เทคโนโลยีไร้รูป

เหล่าผู้ชมทั้งหลายในตอนนี้ต่างก็เชื่อว่าการที่โทรศัพท์ซูจิ้งนั้นเปลี่ยนรูปร่างไปได้สมควรว่าเขานั้นจะให้ทริคมายากลบางอย่างทำให้โทรศัพท์เปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นนาฬิกาต่อหน้าทุกคน
แต่ในตอนนั้นเอง ซูจิ้งที่เหมือนจะอ่านความคิดได้ ก็ได้พูดออกมาว่า “ทุกคนไม่ได้เห็นไม่ผิดหรอกนะ โทรศัพท์เครื่องนี้สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้เป็นนาฬิกาได้อย่างแท้จริง”
เมื่อซูจิ้งพูดจบ เขาได้กดปุ่มที่นาฬิกาปุ่มหนึ่ง และในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ก็ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นมือถืออีกครั้งหนึ่ง และในครั้งนี้ ทุกๆคนต่างก็เห็นได้อย่างชัดถนัดตา

หลายๆคนในตอนนี้อดที่จะหยิบมือถือนี้ออกมาถ่ายรูปซูจิ้งในตอนนี้ไว้ไม่ได้อีกต่อไป คล้ายๆกับอีกหลายๆคนที่กำลังดูเหตุการณ์ผ่านช่องสตรีม พวกเขาได้รีบทำการบันทึกภาพเหตุการณ์นี้ไว้ในทันที
“อ้อ แล้วก็ผมจะบอกเพิ่มให้อีกหน่อยว่า โทรศัพท์เครื่องนี้สามารถปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้สี่รูปแบบ สองในสี่ทุกคนก็ได้เห็นกันไปแล้วนั่นก็คือโทรศัพท์และนาฬิกา ส่วนอีกสองรูปแบบนั่นก็คือแว่นตาและหูฟัง” เมือซูจิ้งพูดจบ เขาก็ได้เข้าไปแตะสัญญาลักษณ์หนึ่งบนหน้าจอของระบบปฏิบัติการ โทรศัพท์ก็ได้เปลี่ยนเป็นแว่นตา และเมื่อกดปุ่มหนึ่งบนแว่นตา แว่นตาก็ได้กลายเป็นหูฟังแทบจะในทันที
“พระเจ้าเถอะ นี่มัน… โทรศัพท์เปลี่ยนรูปร่างได้”
“……………..เท่โคตร………….”
“เป็นไปได้ยังไง มันช่างดูไม่เป็นวิทยาศาสตร์เลยสักนิด”
“ฉันล่ะอยากจะรู้จริงๆว่าโทรศัพท์นี่มันเปลี่ยนรูปร่างตัวเองได้ยังไงกัน ตอนที่ใช้ๆแล้วขี้เกียจพกโทรศัพท์ก็เปลี่ยนเป็นนาฬิกา โทรศัพท์เข้ามาก็กดปุ่มเปลี่ยนเป็นหูฟัง ถ้าไม่อยากจะระวังอะไรมากก็แค่เปลี่ยนเป็นแว่นตาเท่านั้น ไม่มีอะไรที่จะสะดวกสบายไปกว่านี้แล้ว”
“ยิ่งไปกว่านี้คือ….มันคือสิ่งประดิษฐ์สุดล้ำแห่งยุคนี้เลยนะ”
“อะไรกันล่ะนั่น ของแบบนี้สร้างขึ้นได้จริงๆด้วยเหรอ” หวังซือหยาได้หันไปทางหวังจ้าวและเฉิงหนานด้วยสายตาฉงนสนเท่ห์ แต่เหมือนเห็นท่าทางของหวังจ้าวและเฉิงหนานที่กำลังอึ้งๆไปเหมือนกันนั้น เธอจึงได้ถามออกมาด้วยความประหลาดใจว่า “…..อย่าบอกนะว่าไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกันน่ะ”
ทั้งหวังจ้าวและเฉิงหนานต่างก็ส่ายศรีษะกันไปมาอย่างช้าๆ ทั้งสองรู้เพียงแค่ว่าโทรศัพท์รุ่นใหม่ของซูจิ้งนั้นมีระบบฉายภาพสามมิติเท่านั้น แต่ทั้งสองไม่รู้เลยสักนิดว่ามันสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้แบบนี้ ถึงแม้ว่าทั้งสองเคยคิดถึงเรื่องที่ว่ามันเปลี่ยนรูปร่างได้อย่างอิสระก็คงจะดีไม่น้อยเหมือนกันแต่นั่นมันก็คือเรื่องเพ้อฝันเกินไป
แต่เมื่อทั้งสองได้เห็นกับตาตัวเองแบบนี้แน่นอนว่าย่อมต้องประหลาดใจแบบสุดๆ ทั้งสองบอกได้เลยว่าพวกเขาสามารถคาดหวังกับโทรศัพท์รุ่นนี้ได้แบบสุดๆที่จะพาพวกเขาขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์แห่งการค้า
จูเจียนฮัว ฉินซูหลาน เติงหมิงถัง มู่หรงเซียนเอ๋อ และคนอื่นๆที่ค้นเคยกับซูจิ้งเป็นอย่างดี ต่างก็จ้องมองไปยังซูจิ้งที่กำลังยืนแสดงการใช้งานโทรศัพท์ไร้รูปนี้ราวกับมองเห็นมนุษย์ต่างดาว
“ที่ร้ากกกก ท่านเทพของเธอโดนมนุษย์ต่างดาวสิงร่างไปแล้วเหรอ” ลู่ฉิงหยาที่กำลังจ้องมองซูจิ้งที่ขณะนี้อยู่บนเวทีก็อดที่จะหันมาหาฉือชิงพร้อมมองไปที่หัวของเธอราวกับว่าจะเตรียมจะทำอะไรบางอย่าง
“พูดบ้าอะไรของเธอเนี่ย” ฉือชิงตอบกลับไปด้วยความรู้สึกที่เธอเองก็ยากจะบอกได้เหมือนกัน
“…..หากว่าเขาทำได้ถึงขนาดนี้ล่ะก็ ฉันบอกเลยว่าหากอยู่ๆเขาบอกว่าตัวเองเป็นมนุษย์ต่างดาวที่ลี้ภัยมานี่ฉันจะไม่แปลกใจอะไรเลยสักนิด” หยางเว่ยได้พูดออกมาพลางส่ายหน้าพร้อมถอดถอนลมหายใจด้วยเหตุที่ว่าเทคโนโลยีมันล้ำจนดูหลุดโลกราวกับเป็นเทพนิยายมากเกินไป

ซูจิ้งที่อยู่บนเวทีในตอนนี้ก็ได้รับรูปถึงความประหลาดใจของผู้คนที่กำลังดูฉากนี้อยู่ เขาจึงได้พูดออกมาต่อว่า “ก็อย่างที่ทุกคนได้เห็นกันนั่นแหล่ะ โทรศัพท์กาลเวลารุ่นที่สอง “สุดยอดแห่งกาลเวลา” นี้จะนำพาความสะดวกสบายขั้นสุดให้กับทุกคน

เจ้ารุ่นสองนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด พวกเราจึงได้แบ่งรุ่นที่สองนี้ออกเป็นสองรุ่นย่อย หนึ่งคือรุ่นที่มีเพียงระบบเครื่องฉายภาพสามมิติ ระบบไร้ลักษณ์ และระบบแปลภาษาเพียงอย่างหนึ่งต่อหนึ่งเครื่อง ส่วนอีกรุ่นคือรุ่นที่มีระบบทั้งสามนี้ไว้ในเครื่องเดียวกัน แน่นอนว่าทั้งรุ่นย่อยระบบเดี่ยวนี้ได้ตั้งราคาเอาไว้เท่ากับรุ่นแรกระดับทั่วไปที่ขายก่อนหน้านี้อย่างไม่มีเกินเลย”
เหล่าผู้คนที่ได้ยินคำพูดนี้แล้วต้องการเปลี่ยนโทรศัพท์ของตัวก็กู่ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นยินดี
โทรศัพท์กาลเวลารุ่นแรกนั้นถึงแม้จะแพงมากจนยากจะถือครองแม้แต่รุ่นทั่วไปที่พอจะเข้าถึงกันได้ก็ยังมีเข้าเนื้อไปไม่มากก็น้อย
กับโทรศัพท์กาลเวลารุ่นสองนี้ หากจะให้เครื่องหนึ่งมีสองในสามของระบบนี้อยู่พวกเขาต่างก็รู้ดีว่าต่อให้ตั้งไว้ในราคารุ่นหรูสุดก็ไม่ได้น่าเกลียดเลยสักนิด
แต่นี่ซูจิ้งยินดีที่จะเสนอทางเรื่องให้คนทั่วไปอย่างรุ่นระบบเดียวที่มีราคาเทียบเท่ากับราคาของรุ่นทั่วไปที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ล่ะก็ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้แล้ว หากพวกเขาอยากจะได้จริงๆแล้วซูจิ้งตั้งไว้ราคาเทียบเท่ากับรุ่นหรูสุดของโทรศัพท์กาลเวลารุ่นแรกล่ะก็ พวกเขายังนึกไม่ออกเลยว่าชีวิตนี้จะได้มีโอกาสได้มาครอบครองรึเปล่า
นี่มันไม่เหมือนกับการที่เอาของดีมายั่วแล้วมาบอกราคาที่ยากจะเข้าถึงได้แบบโทรศัพท์เจ้าอื่นๆที่อยากได้แต่ก็ไม่สามารถซื้อมาครอบครองได้
ถึงแม้พี่จิ้งของพวกเขาจะทำได้และได้กำไรงามเสียด้วย แต่เขาเองนั้นกับเลือกที่จะไม่ทำ
ความจริงแล้วโทรศัพท์ไร้ลักษณ์นี้ซูจิ้งเองก็อยากจะขายมันในราคาที่สูงเหมือนกัน แล้วใช้วิธีการแจกโปรโมชั่นเอาก็ยังได้
แต่ด้วยการที่โทรศัพท์รุ่นนี้นั้นใช้ค่าใช้จ่ายที่สูงมากและยากที่จะผลิตได้เป็นจำนวนมากเขาจึงเลือกที่จะใช้วิธีนี้แทนเพื่อตัดปัญหาการผลิต
ระบบไร้รูปนี้แน่นอนว่าพัฒนามาจากโทรศัพท์ที่ซูจิ้งได้เจอจากห้วงเวลาฯมาร์เวลที่จากขยะกองล่าสุดที่ล่วงหล่นลงมาเมื่อเดือนถึงสองเดือนที่แล้ว
หลังจากทำการศึกษาอย่างหนักและลับสุดยอดโดยมีซูจิ้งเป็นคนคุมงานนี้ด้วยตัวเอง ในที่สุดพวกเขาก็บรรลุถึงเทคโนโลยีที่เรียกว่าเทคโนโลยีนาโนคอมพิวเตอร์

โดยปกติแล้วนั้นในการจะทำคอมพิวเตอร์สักตัวนั้น คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นจะต้องมีชิพคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเทียบเท่าเข็มหมดอยู่ภายใน หลังจากนั้นจึงใช้โปรแกรมควบคุมชิพเหล่านั้นให้ประมวลผลและทำงานตามที่ต้องการ และสมมติว่าสามารถทำชิพคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพเท่ากันแต่มีระดับที่เล็กมากๆได้ล่ะก็ แน่นนอนว่านอกจากจะได้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าแล้ว ยังสามารถสั่งชิพคอมพิวเตอร์คิดวิเคราะห์และควบคุมสิ่งต่างๆได้ดีขึ้น และผลลัพท์ของการสร้างชิพคอมพิวเตอร์นั้นได้ก็คือระบบไร้ลักษณ์นี้นี่เอง
ยกตัวอย่างเช่นโทรศัพท์ที่อยู่บนมือของซูจิ้งในขณะนี้ ด้วยการที่ตัวมันนั้นมีชิพคอมพิวเตอรที่ขนาดเล็กมากอัดแน่นอยู่ในพื้นที่น้อยๆกว่า 220 ตัว
ด้วยจำนวนชิพที่มากมายขนาดนี้ย่อมมากพอที่จะใส่คำสั่งให้มีระบบเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ได้ทั้งสี่รูปแบบ
หากว่าเป็นปกติแล้วล่ะก็ เขาเองก็ไม่รู้เลยว่าอีกนานแค่ไหน เทคโนโลยีนี้ที่จะสามารถปรากฎบนโลกนี้ได้หากเขาไม่ได้วัตถุดิบวิจัยมา
และต่อให้มีใครสักคนที่ทำได้ล่ะก็ คนนั้นย่อมเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงเหนือกว่าซูจิ้งอย่างแน่นอน แต่อัจฉริยะเช่นนั้น ก็คงต้องสมควรจะสั่งสมประการณ์มานานนับแรมปี แน่นอนว่าด้วยเทคโนโลยีของยุคสมัยนี้แทบจะไม่มีทางเลยที่จะไปถึงได้

ตัวเขาเองนั้นหลังจากใช้เวลากว่าสองเดือนเต็ม เหล่าสุดยอดนักวิจัยของเขาก็ยังศึกษาได้แค่ระดับผิวเผินเพียงเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงต้องใช้เวลาและพลังงานอย่างมากกว่าจะทำเลียนแบบมาได้เครื่องหนึ่ง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ค่าใช้จ่ายในการผลิตนั้นมากมายอย่างมหาศาลและไม่สามารถผลิตได้จำนวนมากในเวลาอันสั้นได้

การที่ซูจิ้งออกมาแถลงเปิดตัวโทรศัพท์ในงานคอนเสริตนี้นั้น เป้าหมายของเขาไม่ใช่ต้องการจะขายโทรศัพท์นี้เพื่อจะหาเงินแต่อย่างใด
สิ่งที่เขานั้นต้องการจริงๆคือการเรียกกระแสเท่านั้น และด้วยเหตุนี้ ในที่สุด สุดยอดแห่งโทรศัพท์กาลเวลานี้จะยิ่งผงาดมากว่าแต่ก่อนและโด่งดังจนทำให้คู่แข่งของเขาทำได้เพียงปิดปากเงียบไปเท่านั้น
การที่เขานั้นเล่นใหญ่ยอมหลอกลวงเหล่าดาราเพียงแค่นี้ก็สมควรจะมากพอแล้ว เพียงเท่านั้นเทคโนโลยีจะช่วยทำให้ตลาดในวงการโทรศัพท์มือถือมีความตื่นตัวในเรื่องคุณภาพให้มากขึ้น และจะทำให้วงการโทรศัพท์มือถือยกระดับขึ้นไปอีกขั้น
แน่นอนว่าในอนาคต เทคโนโลยีเหล่านี้จะง่ายและสามารถเข้าถึงได้แทบจะทั่วทุกคน รวมถึงสามารถผลิตได้ในจำนวนมากและราคาก็ต้องลดลงอย่างแน่นอน แต่ด้วยการกระทำของซูจิ้งนี้เปรียบได้ดั่งการขุดทอง ที่ใครเจอก่อนก็สามารถกอบโกยไปได้มากกว่าใคร
นอกจากนี้ เมื่อเทคโนโลยีเหล่านี้สามารถผลิตได้ง่ายและแพร่หลายแล้ว แน่นอนว่าย่อมไม่หยุดอยู่แค่โทรศัพท์มือถืออย่างแน่นอน
ยกตัวอย่างเช่นระบบฉายภาพสามมิติที่สามารถนำไปใช้ได้หลากหลายรูปแบบ
อย่างเช่นใช้ประกอบการจัดงานเลี้ยงที่เพียงแค่ดาวน์โหลดสิ่งต้องการมาใช้ประสีสันของงาน
หลังจากนั้นเพียงกฎปุ่มเพียงปุ่มเดียว สิ่งที่ดาวน์โหลดมานั้นก็จะปรากฎต่อหน้าทั่วทุกคนและสร้างสีสันให้กับงานแบบเสมือนจริง นี่จะไม่เรียกว่าสุดยอดก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรแล้วเหมือนกัน

เมื่อมาถึงจุดนี้ ซูจิ้งไม่ได้พูดถึงโทรศัพท์กาลเวลารุ่นที่สอง “สุดยอดกาลเวลา” นี้อีกต่อไป เหตุผลหลักๆก็คือเขาขี้เกียจจะพูดแล้ว เขาจึงได้พูดออกมาว่า “และนี่คือสิ่งสุดท้ายในคำคืนนี้ หากว่ามีคนสนใจอยากรู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับโทรศัพท์กาลเวลารุ่นที่สองนี้ต่อ สามารถที่จะเข้าไปเยี่ยมชมและหาข้อมูลเพิ่มเติมในเว็บไซต์ของกลุ่มทุนห้วงเวลาฯของผมได้ทีหลังนะ
และสุดท้ายนี้ผมยินดีเป็นอย่างมากที่ทุกคนมาเข้าร่วมงานในครั้งนี้ และยังยินยอมที่จะให้ผมโฆษณางานของตัวเองในงานที่จัดขึ้นเพื่อตอบแทนทุกคน ส่วนเรื่องราคาตั๋วที่ต้องเก็บไปสิบหยวนนี่อย่าถือโทษโกรธผมกันเลยนะ” ซูจิ้งพุดออกมาพลางติดตลกจนทำให้ทุกคนขำกันไปทั่ว

ถึงแม้ว่าราคานี้จะเทียบไม่ได้กับคอนเสริตใหญ่ๆก็ตาม แต่ความสุข ความสนุกสนานและความตื่นเต้นนั้นสูงล้ำกว่างานคอนเสริตเหล่านั้นมากมายนัก
นี่ยังไม่รวมถึงการที่ในงานนี้มีการแสดงคู่จากมู่หรงเซียนเอ๋อและหยินหนิงหนิง ตลอดจนเหล่าสุดยอดดารามากหน้าหลายตามารวมอยู่ในที่เดียวแบบนี้ สำหรับพวกเขาแล้วนั้น อย่าเรียกว่าเป็นคอนเสริตราคาสิบหยวนเลย แม้แต่คอนเสริตราคาตั๋วนับร้อยนับพันหยวนก็มอบสิ่งเหล่นี้ให้พวกเขาไม่ได้อย่างแน่นอน
ในส่วนที่ว่าขอโทษมาโฆษณาปิดท้ายรายการของคอนเสริตนี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาคิดว่าทุกคนจะถือโทษโกรธเรื่องนี้จริงๆรึยังไง
พวกเขาต่างก็รู้สึกหากวามีการโฆษณาที่ชวนตื่นตะลึงแบบนี้ล่ะก็ พวกเขายินดีที่จะให้มีโฆษณาแบบนี้ตลอดงานเลยก็ยังได้ ต่อให้พวกเขาต้องจ่ายเงินเพิ่มเท่าราคาตั๋วเข้างานเพื่อที่จะดูโฆษณาของซูจิ้งต่อเขาก็ยินดีที่จะทำ
นั่นก็เพราะนี่จะทำให้พวกเขาเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้เห็นสิ่งนี้ก่อนใคร และนั่นจะทำให้เมื่อกลับออกไปนั้น พวกเขาก็จะต้องโดนรุมล้อมจากเพื่อนฝูงเพื่อถามเท่าเกี่ยวโทรศํพท์กาลเวลารุ่นที่สองนี้แน่ๆ เรียกได้เลยว่าพวกเขาจะได้มีสิ่งที่เอาไว้คุยโวได้อีกยาว

และในท้ายที่สุดนี้ ซูจิ้ง ได้ดีดกู่จิ้งเป็นเพลงการจากละของเป่ยหยวนเป็นเพลงส่งท้าย และเหล่าแฟนเพลงต่างก็ยินดีที่จะค่อยจากละไปอย่างไม่ค่อยจะอยากให้งานนี้จบลงเลยก็ตาม
อย่างไม่ต้องสงสัย คอนเสริตนี้ได้รับความนิยมอย่างที่สุดฉุดไม่อยู่ วิดีโอการสตรีมถูกส่งต่อกันในอินเตอร์เนตไปอย่างบ้าคลั่ง
แต่ที่จะโด่งดังมากกว่าคอนเสริตในครั้งนี้ก็คงจะเป็นโทรศัพท์กาลเวลารุ่นที่สอง “สุดยอดกาลเวลา” ที่มีข้อมูลถูกส่งต่อไปทั่วโลกเพียงแค่ชั่วข้ามคืน