ตอนที่ 961 รวมอยู่ด้วยกัน

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ในตอนนี้มู่เฉียนซีไม่มีเวลาที่จะจัดการกับราชทินนามเฮย สายตาของนางล้วนแต่จับจ้องไปยังสมุนไพรวิญญาณเหล่านั้น

ของเหล่านั้นล้วนแต่เป็นสมบัติล้ำค่า!

ใบหน้าของราชทินนามเฮยมืดครึ้มอย่างที่สุด บ้าจริง! ในสายตาของเด็กสาวผู้นี้มีแต่เพียงสมุนไพรวิญญาณเท่านั้น และไม่เห็นนางอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย

หลังจากที่มู่เฉียนซีได้เก็บเอาสมุนไพรวิญญาณทั้งหมดไปจนพอใจแล้ว ในที่สุดก็รู้สึกถึงราชทินนามเฮยที่โกรธจนตัวสั่นเสียที

มู่เฉียนซีเอ่ยขึ้น “เจ้าจะให้ข้าปล่อยเจ้าไป?”

ราชทินนามเฮยยิ้มแล้วกล่าว “ใช่!”

“เจ้าจะพูดโน้มน้าวข้าอย่างไรเพื่อให้ข้าปล่อยเจ้าไปเล่า?”

ราชทินนามเฮยเงียบงันไป นางนั้นแทบจะไม่มีเหตุผลใดมากล่าวโน้มน้าวมู่เฉียนซีได้เลย

นางต้องการที่จะลงมือสังหารมู่เฉียนซีไปตั้งหลายหน นั่นเป็นเรื่องจริงที่มิอาจจะลบออกไปได้อย่างแน่นอน

“ข้า…” แต่นางนั้นไม่อยากที่จะตายจริง ๆ

“ที่จริงแล้วหากเจ้าอยากจะมีชีวิตรอดต่อไปก็มิใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”

มู่เฉียนซีหยิบสมุนไพรวิญญาณออกมาอยู่หลายต้น อีกทั้งยังมีสมุนไพรวิญญาณขั้นสวรรค์อีกชนิดหนึ่งที่เพิ่งเก็บมาใหม่ด้วย

นางได้นำหม้อเทพปาฮวงชิงมู่ออกมาแล้วเริ่มปรุงยาทันที

เมื่อราชทินนามเฮยเห็นท่าทางที่ช่ำชองของมู่เฉียนซีในการปรุงยา นางก็เบิกตากว้างโพลง

นางเป็นนักปรุงยาผู้หนึ่ง?

นางกำลังปรุงยาอะไรกันแน่?

นางต้องการจะทำอะไร?

ไม่นานนักมู่เฉียนซีก็ได้ปรุงยาชนิดน้ำออกมา

แล้วได้อัดมันเข้าไปในเข็มยา มู่เฉียนซีเหลือบมองไปทางราชทินนามเฮย

“เจ้าไม่ใช่คนดี คิดที่จะมีชีวิตอยู่รอดต่อไป แน่นอนว่าต้องมีราคาที่ต้องจ่าย”

ราชทินนามเฮยถามขึ้น “นั่นคือพิษ?”

“มิผิด นี่เป็นยาพิษ! เจ้าสามารถเลือกที่จะตายได้ แล้วก็สามารถเลือกที่จะถูกพิษของข้าควบคุมได้ !”

ราชทินนามเฮยกล่าว “ถึงต่อให้ถูกเจ้าควบคุมบงการข้าก็ยอม มาเถิด!”

นางได้ดูเบาสาวน้อยผู้นี้มาโดยตลอด

ถ้าหากสู้กันขึ้นมาจริง ๆ บางทีนางอาจจะน่ากลัวกว่าฝ่าบาทเสียอีก

ฟืด! เข็มยานั้นได้ทิ่มเข้าไปในร่างกายของนาง ราชทินนามเฮยก็ฟื้นคืนสภาพขยับร่างกายได้ตามปกติ

มู่เฉียนซีได้นำสมุนไพรวิญญาณขั้นสวรรค์มาสกัดพิษ ราชทินนามเฮยเองก็รู้ว่าเช่นนี้มันไม่ปกติอย่างแน่นอน

มาตอนนี้นางทำได้เพียงแต่เคารพนอบน้อมต่อมู่เฉียนซี และไม่กล้าลงมือกับนางอีก

“นายท่าน!”

มู่เฉียนซีกล่าว “อุโมงค์ฝังศพมังกรอันตรายยิ่งนัก เจ้าหาหนทางรอดออกไปเอง จงอย่าได้สิ้นเปลืองพิษของข้า ส่วนข้านั้นจะเข้าไปยังใจกลางของอุโมงค์ฝังศพมังกร”

ที่แห่งนี้แปลกประหลาดยิ่งนัก การทำการเพียงตัวคนเดียวนั้นจะสะดวกมากกว่าอยู่ไม่น้อย หากมีราชทินนามเฮยเพิ่มมาอีกคนก็จะกลายเป็นอุปสรรค

ราชทินนามเฉยกล่าวรับเสียงขรึม “รับทราบ!”

หลังจากผ่านอันตรายมาครั้งแล้วครั้งเล่า ราชทินนามเฮยเองก็ไม่อยากอยู่ในสถานที่บ้า ๆ เช่นนี้อีกต่อไปเช่นกัน นางอยากรีบออกไปจากที่นี่ให้ไว

เมื่อออกจากปากถ้ำนี้ไป ทั้งสองก็ได้แยกย้ายกัน มู่เฉียนซีนั้นมุ่งไปทางส่วนลึกของอุโมงค์ฝังศพมังกร

ด้วยวิธีการที่ร้ายกาจ ทักษะวิญญาณที่แข็งแกร่งอีกทั้งพลังจิตที่เข้มแข็งพอ ทำให้นางสามารถฝ่าผ่านอันตรายหนแล้วหนเล่าไปได้

ในตอนนี้ กู้ไป๋อีได้มาถึงใจกลางของอุโมงค์ฝังศพมังกรแล้ว ที่แห่งนี้เป็นประตูใหญ่บานหนึ่งที่ถูกโซ่เหล็กพันธนาการเอาไว้

บนประตูนั้นยังมีตัวอักษรเขียนเอาไว้ด้วย

ยังไม่ทันที่จะรอให้กู้ไป๋อีได้มองดูอย่างแน่ชัดว่าบนประตูนั้นเขียนไว้ว่าอย่างไรก็ได้พลันมีเสียง ๆ หนึ่งลอยมา

“ไป๋อี ข้านึกไว้แล้วว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง เจ้ากลับสามารถมาถึงที่แห่งนี้ได้”

หลงฉือได้พาราชทินนามซวงและราชทินนามล่วนมายังที่แห่งนี้

กู้ไป๋อีกล่าวด้วยเสียงเข้ม “หลงฉือ เจ้าเองก็มาด้วย”

หลงฉือเหลือบมองไปยังกู้ไป๋อีแล้วกล่าว “สาวน้อยของเจ้าไม่ได้มาถึงที่แห่งนี้ ดูท่าว่าจะพบกับปัญหาเข้าแล้ว ข้าเองก็ใจร้อนเกินไปนัก ควรจะรอให้นางเติบโตขึ้นมาก่อนถึงควรให้นางเข้ามายังที่แห่งนี้ถึงจะถูก

เมื่อได้ยินคำพูดของหลงฉือ กู้ไป๋อีกำหมัดเอาไว้แน่น แววตาของเขายิ่งทวีความเย็นยะเยือก

สาวน้อยจะไม่เป็นอะไร!

ในตอนนี้เองก็มีเสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งดังลอยมา

“เสี่ยวไป๋ เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่! ความวุ่นวายนั้นยังมิอาจหยุดยั้งเจ้าเอาไว้ได้ แล้วมันจะมาหยุดยั้งข้าได้อย่างไรเล่า!”

เงาร่างสีม่วงพุ่งพรวดเข้ามา มู่เฉียนซีได้กระโดดลงมาอยู่ข้างกายของกู้ไป๋อีแล้ว

ใบหน้าอันเย็นชาของกู้ไป๋อีเผยสีหน้าของความตื่นเต้นออกมา “สาวน้อย!”

มู่เฉียนซีขมวดคิ้ว “ทันทีที่ตื่นเต้นเจ้าก็ใช้คำเรียกขานผิดอีกแล้ว”

“คุณหนูใหญ่!” จะให้เรียกว่าอะไรนั้นก็แล้วแต่ ขอแค่เพียงนางปลอดภัยดีก็พอแล้ว

ดวงตาของหลงฉือได้ฉายแววของความประหลาดใจออกมา เขายิ้มแล้วกล่าว “ราชทินนามโยวได้กลายเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งเมือเฮยตูของข้าดั่งที่ข้าคิดเอาไว้จริง ๆ เจ้ากลับสามารถฝ่าเข้ามายังใจกลางของอุโมงค์ฝังศพมังกรตัวคนเดียวได้ด้วยพลังความสามารถเพียงระดับจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่สี่”

มุมปากของมู่เฉียนซียกขึ้นเล็กน้อย “ถ้าหากว่าข้าเดามิผิดละก็ ส่วนนอกของใจกลางนั้นยังมิใช่สิ่งที่อันตรายที่สุด แต่ด้านในนี้สิถึงจะใช่”

หลงฉือพยักหน้ากล่าว “ใช่! เจ้าคาดเดามิผิด”

มู่เฉียนซีมองไปยังประตูบานนั้นก็ตะลึงงัน “หากคิดที่จะเข้าไปในประตูบานนี้ จะต้องส่งมอบของมีค่าทั้งหมดที่มีอยู่”

หลงฉือกล่าว “ราชทินนามล่วน เจ้าคอยอยู่ที่ด้านนอก สมบัติล้ำค่าของข้านั้นมอบให้เจ้าดูแล มิเช่นนั้นแล้วก็จะโดนกลืนกินเอาไปทั้งหมด”

ว่าแล้วก็ได้นำแหวนแห่งมิติวงหนึ่งมอบให้แก่ราชทินนามล่วน

ราชทินนามซวงก็ทำเช่นกัน

หลงฉือกล่าวขึ้น “ตระกูลมังกรนั้นรักในสมบัติมีค่ามาโดยตลอด ทันทีที่เข้าไปในเขตพื้นที่ของพวกเขาก็จะถูกค้นและนำเงินทองทั้งหมดไป ดังนั้นแล้วสิ่งของของพวกเจ้า จงมอบให้แก่ราชทินนามล่วนรักษาดูแลเอาไว้ให้เถอะ! อาวุธวิญญาณซึ่งเป็นที่เก็บรักษาสิ่งของนั้นมันเลือกเจ้านาย เขาเองก็ไม่สามารถที่จะแตะต้องสิ่งของของพวกเจ้าได้มิใช่หรือ?”

กู้ไป๋อีกล่าว “ทั้งตัวของข้ามีแค่เพียงกระบี่เล่มนี้เท่านั้น”

กระบี่ที่อยู่ในมือของเขานั้นเป็นกระบี่ที่นักตีอาวุธมือใหม่อย่างมู่เฉียนซีหลอมออกมา มันมิได้เป็นแม้แต่อาวุธวิญญาณขั้นปฐพี ตระกูลมังกรมิเห็นค่ามันหรอก

มู่เฉียนซีกล่าว “บนตัวข้าเองก็มิได้มีสิ่งของล้ำค่าอะไร หากต้องการที่จะนำไปก็นำไปเสียเถอะ!”

นางไม่วางใจในคนของหลงฉือเลยแม้แต่น้อย

สิ่งของทั้งหมดของนางล้วนแต่อยู่ในแหวนมังกรเทพวารี ส่วนสมุนไพรวิญญาณชนิดต่าง ๆ นั้นอยู่ในมิติของอาถิง

ต่อให้เผ่ามังกรเก่งกาจไปมากกว่านี้ก็ไม่อาจที่จะทำอะไรกับอาวุธวิญญาณนิรันดร์ได้

หลงฉือเองก็มิได้สงสัยอันใด เขาจึงกล่าวขึ้น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็เปิดประตูบานนี้เถอะ!”

หลงฉือ ราชทินนามซวง อีกทั้งกู้ไป๋อี พวกเขาได้เริ่มลงมือด้วยกัน

แครก! โซ่นั้นขาดออกจากกัน

จากนั้นก็มีเสียงดังลอยมา ครืน!

ประตูบานนี้ได้ถูกผลักเปิดออก

ทันทีที่หลงฉือและราชทินนามซวงก้าวเข้าไปในประตูนั้น ก็พลันปรากฏแสงสีทองมาห่อหุ้มตัวของพวกเขาเอาไว้ ไม่มีการโจมตีแม้แต่น้อยจากลำแสงนี้

หลงฉือกล่าว “นี่เป็นการตรวจค้นร่างกายของพวกเราว่ามีของล้ำค่าหรือไม่!”

กู้ไป๋อีกล่าวขึ้น “คุณหนูใหญ่ พวกเราเองก็เข้าไปกันเถอะ!”

มู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อีเองก็ได้ถูกแสงสีทองนี้ครอบตัวเอาไว้ ลำแสงนั้นตกกระทบไปที่บนกระบี่ของกู้ไป๋อีและดูเหมือนว่ามันจะยิ่งเพิ่มความเจิดจ้าขึ้นมา แต่ไม่นานนักมันก็ดับวูบไป

มู่เฉียนซีแสยะยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ทำไมนางถึงรู้สึกว่าแสงสีทองนั้นกำลังรังเกียจกระบี่ที่นางตีออกมาว่าเป็นกระบี่ชั้นต่ำกันเล่า!

ส่วนบนตัวของนางนั้นก็กลับไม่พบเจอสิ่งของอันใด อาวุธวิญญาณนิรันดร์นั้นมิใช่สิ่งที่ลำแสงเล็กกระจ้อยเช่นนี้จะสามารถตรวจพบได้

พวกเขาเดินเข้าไปอย่างปลอดภัย ที่ด้านในนั้นมีผาหินเป็นสีแดงทึบ ทั้งพื้นที่นั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันเก่าแก่

กู้ไป๋อีกล่าวด้วยเสียงต่ำ “คุณหนูใหญ่ ทั้งหมดนี้จงระวังตัวด้วย!”

เมื่อพวกเขาเข้าไปดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับการโจมตีใดๆ แต่ด้วยเพราะเช่นนี้พวกเขาจึงจำต้องรอบครอบระมัดระวัง

ยิ่งเข้าไปลึกมากเท่าไรก็ยิ่งมืดทึบมากขึ้นเท่านั้น

ในตอนนี้เอง ราชทินนามซวงรู้สึกว่าที่รอบด้านนั้นมีบางสิ่งที่เหนียวเหนอะอยู่ มันได้ติดเข้ากับตัวของเขา

“เงาเหมันต์จันทรา!”

“มังกรวารีพิฆาต!”

กู้ไป๋อีและมู่เฉียนซีรู้ได้ในทันใดว่าที่รอบด้านนั้นมีปัญหาอย่างใหญ่หลวง จึงได้รีบออกกระบวนท่าอย่างรีบร้อน!

ปัง!

.

.