ราชันเร้นลับ 888 : การชำเลืองอันน่าตกตะลึง

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ 888 : การชำเลืองอันน่าตกตะลึง
เป็นเวลาครู่หนึ่งที่สายตาไคลน์ซึ่งควรมองอย่างผ่อนคลาย หยุดชะงักที่บุคคลดังกล่าว

ชายหนุ่มทราบทันทีว่าพฤติกรรมของตนไม่ปรกติ และครึ่งเทพฝั่งตรงข้ามก็น่าจะจับสังเกตได้

กล้ามเนื้อแผ่นหลังแข็งเกร็งทันที สมองรีบประมวลผลอย่างรวดเร็วจนเกิดประกายไฟ

ไคลน์มิได้เบี่ยงสายตาออก แต่ยังคงจ้องไปยังครึ่งเทพที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นผู้วิเศษเส้นทางจักรพรรดิมืดคนเดิม จากนั้นก็หันไปกล่าวกับส.ส. มัคท์

“ที่นี่ไม่ได้มีแค่อดีตนายทหารสินะครับ”

คำพูดดังกล่าวคล้ายกับถูกกลั่นกรองหลังจากเพ่งมองอย่างละเอียด แต่ในเชิงความสำคัญของบทสนทนา มันไม่ได้มีค่าอะไร

ส.ส. มัคท์หัวเราะในลำคอ

“หากสโมสรดำเนินงานไปจนถึงขีดจำกัดของมัน สักวันมันจะพัฒนาตัวเอง”

คำตอบของมัคท์ฟังดูเหมือนไม่มีความหมาย แต่ถ้าลองคิดตามอย่างละเอียด คล้ายกับคำตอบมีความนัยแฝงบางอย่าง หรือไม่ก็เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง

ขณะเดียวกัน สุภาพบุรุษเจ้าของไหล่กว้างและแขนยาวเล็กน้อย เริ่มหันศีรษะมามองยังบุคคลทั้งสอง พบเศรษฐีที่เพิ่งบริจาคเงินหนึ่งหมื่นห้าพันปอนด์กำลังจ้องตนอย่างสงสัย พลางกระซิบคุยบางสิ่งกับส.ส. มัคท์

สิ่งนี้ทำให้มันพบว่าการเจาะจงหยุดมองอย่างผิดปรกติของอีกฝ่ายเมื่อครู่ เริ่มสมเหตุสมผลขึ้นมา

จากนั้น มันถอนสายตากลับมาพูดคุยในหัวข้อที่ยังไม่จบ

ขณะเดียวกัน ไคลน์พบว่าเสื้อของตนเริ่มเปียกเหงื่อเย็นๆ แข้งขาอ่อนระทวยเล็กน้อย

แม้ไคลน์จะเคยเผชิญหน้ากับครึ่งเทพมาแล้วหลายครั้ง แถมยังเคยดวลกันแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ทว่า การต้องเผชิญหน้ากับครึ่งเทพที่ถูกจัดว่าเป็นศัตรูในสถานที่แคบๆ เช่นนี้ตามลำพัง ถือเป็นประสบการณ์ครั้งแรกโดยแท้จริง และเหนือสิ่งอื่นใด ไม่เพียงตนจะไม่มีหุ่นเชิด แต่สมบัติวิเศษที่พกติดตัวยังมีเพียงแค่ลูกโม่ลางมรณะ นกหวีดทองแดงอะซิก และฮาร์โมนิก้านักผจญภัย

คทาเทพสมุทรไม่สามารถพกติดตัวได้ด้วยเงื่อนไขหลายประการ ไม่อย่างนั้นจะเกิดความสูญเสียใหญ่หลวงต่อคนรอบข้าง และในกรณีของ ‘การเดินทางของกรอซาย’ หากพกติดตัวไว้นานเกินไป เกรงว่าจะถูกหนังสือดูดเข้าไป ต้องเสียเวลาหลบหนีออกมา สำหรับยุบพองหิวโหย มันยังถูกผนึกไม่สมบูรณ์ ทุกวันต้องป้อนมนุษย์เป็นอาหาร ไม่สะดวกแก่การพกพา ส่วนยันต์โจรปล้นดวง ไคลน์กังวลว่าสิ่งนี้จะดึงดูดความสนใจจากอามุนด์ เว้นเสียแต่จะนำออกมาแล้วใช้งานทันที ชายหนุ่มไม่กล้าพกติดตัวไปไหนมาไหน

หากถูกครึ่งเทพที่น่าจะอยู่บนเส้นทางจักรพรรดิมืดพบความผิดปรกติเข้า วิธีเอาตัวรอดเดียวที่ไคลน์นึกออกก็คือ:

เป่าฮาร์โมนิก้านักผจญภัยเพื่ออัญเชิญมิสผู้ส่งสาร ขอร้องให้เธอพาหนีไปจากกรุงเบ็คลันด์!

ชายหนุ่มไม่คิดจะให้ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ต่อสู้กับครึ่งเทพไปพลางหาโอกาสยิงมรณะ เพราะต้องไม่มีลืมว่า กรุงเบ็คลันด์เป็นราวกับเมืองหลวงของหน่วยพิเศษ ด้วยรูปลักษณ์ที่เด่นสะดุดตาของมิสผู้ส่งสาร ไม่ใช่เรื่องยากที่เธอจะถูกหมายหัวว่าเป็นอาชญากร และเมื่อไคลน์เข้าไปพัวพัน ชะตากรรมเดียวคือการถูกล้อมด้วยครึ่งเทพและสมบัติปิดผนึกจำนวนมาก

เสียวสันหลังชะมัด… ไคลน์ถอนสายตากลับอย่างเป็นธรรมชาติ อาศัยพลังตัวตลกเพื่อควบคุมการเดินให้เป็นปรกติ

มันมิได้ถามส.ส. มัคท์ว่าคนกลุ่มดังกล่าวเป็นใครบ้าง ทำทีเป็นไม่แยแส และการหยุดมองเมื่อครู่เป็นแค่ความบังเอิญ

อย่างไรก็ตาม การที่อีกฝ่ายมองกลับมา ช่วยให้ไคลน์มองเห็นรูปลักษณ์อย่างชัดเจน

คิ้วดำดกหนาเป็นระเบียบ ผมสั้นสีดำแข็งเป็นตอ ดั้งจมูกโด่ง ดวงตาสีน้ำเงินเข้ม หนวดเคราดกหนารอบปาก โครงหน้าชัดลึก ใบหน้าเรียวยาว บรรยากาศรอบตัวเย็นเยียบ

มอบความรู้สึกแข็งกร้าวและดุดันแก่ผู้พบเห็น อายุราวสามสิบสี่สิบ ยากจะระบุแน่ชัด

หากพิจารณาจากรูปลักษณ์ภายนอก ไคลน์คิดอีกฝ่ายเหมือนกับผู้วิเศษเส้นทาง ‘ผู้ตัดสิน’ มากกว่าจักรพรรดิมืดเสียอีก

แน่นอน หากจะถามว่าเหมือนกับเส้นทางใดมากที่สุด ไคลน์คงตอบว่าเส้นทาง ‘นักรบ’ แต่อีกฝ่ายมีส่วนสูงน้อยเกินไป

หลังจากได้เห็นใบหน้าชัดเจนแบบนี้ ไคลน์ไม่ต้องกังวลเรื่องการสืบข้อมูลอีกต่อไป มันสามารถถามได้โดยตรงจากกระจกวิเศษอาโรเดส หรือต่อให้ยังระแวงกระจกบานดังกล่าว ไคลน์ก็ยังมีทางเลือกเป็นมิสซิลและชารอน ให้พวกเธอช่วยสืบหาปูมหลังของครึ่งเทพรายนี้

ชายหนุ่มเชื่อว่า ต่อให้ครึ่งเทพเส้นทางจักรพรรดิมืดคนดังกล่าวซ่อนตัวได้ดีเพียงใด แต่สถานะทางสังคมก็ไม่มีทางต่ำ ดังนั้น การสืบหาข้อมูลย่อมไม่ใช่เรื่องยากเย็น

หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว ไคลน์เดินออกจากสโมสรนายทหารผ่านศึกไบลัมตะวันออกอย่างไม่ยากเย็น

เมื่อขึ้นรถม้าและเอนหลังพิงเบาะ ชายหนุ่มหลับตาลง ปิดปากเงียบเป็นเวลานาน ภายในใจโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก

ในที่สุด เบาะแสของโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันที่เคยขาดหายไปได้กลับมาเชื่อมต่ออีกครั้ง…

ชายหนุ่มมิได้ลืมตาขึ้นมาเป็นเวลานาน รวมถึงไม่กล่าวคำใด ประหนึ่งว่ากำลังนึกทบทวนรายละเอียดของธุรกิจเมื่อครู่ แต่ในความเป็นจริง มันกำลังสงบสติอารมณ์กับสิ่งที่เกิดขึ้น

ระหว่างนี้ ไคลน์พบว่าริชาร์ดสันพยายามจะพูดบางสิ่งสองสามหน แต่สุดท้ายก็ปิดปากเงียบ คล้ายกับกำลังกระอักกระอ่วน

ในท้ายที่สุด มันมิได้พูดอะไรออกมา เพียงก้มหน้าก้มตาชงชาดำมาร์ควิส

เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ไคลน์ไม่พร้อมจะรับฟังเรื่องราวของอีกฝ่าย จึงทำเป็นมองไม่เห็น

ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบและเสียงล้อรถม้าหมุน พวกมันเดินทางกลับถึงบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน

เมื่อขึ้นมาถึงชั้นสาม ขณะไคลน์เตรียมเข้าไปแช่ในอ่างน้ำที่สาวใช้เตรียมไว้ให้ ริชาร์ดสันที่กำลังถือหมวกและไม้ค้ำ เดินมาข้างหน้าสองก้าวและกล่าวอย่างนอบน้อม

“นายท่าน คุณกำลังจะไปทวีปใต้ในเร็วๆ นี้ใช่ไหม?”

“ใช่” ไคลน์ตอบตามตรง ระหว่างที่ดอน·ดันเตสจะลงไปทำธุรกิจในทวีปใต้ ชายหนุ่มเตรียมเงินสดห้าร้อยปอนด์ให้แม่บ้านทาเนญ่าเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายประจำวันของคฤหาสน์ไว้แล้ว

ขณะเดียวกัน มันเริ่มเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความสำคัญของการเลือกพ่อบ้านและบุรุษรับใช้ในชนชั้นสูง

เจ้านายไม่สามารถปิดบังหลายสิ่งจากคนรับใช้ได้ ดังนั้น หากมีความขัดแย้งในเชิงศาสนาหรือการเมือง ให้รีบเปลี่ยนตัวพ่อบ้านหรือบุรุษรับใช้โดยเร็ว

ริชาร์ดสันลังเลสักพักก่อนจะพูด

“นายท่าน ผมเกิดในทวีปใต้ มีความเชี่ยวชาญภาษาตูทานและคุ้นเคยกับประเพณีของชนพื้นเมืองเป็นอย่างดี ต้องเป็นประโยชน์กับคุณได้แน่”

ตูทานเป็นภาษาถิ่นของจักรวรรดิไบลัมโบราณ แม้กระทั่งปัจจุบัน ชาวไบลัมตะวันออกและตกต่างยังคงพูดภาษานี้กันอย่างแพร่หลาย มีเพียงชนชั้นสูงและกลางบางกลุ่มเท่านั้นที่รู้ภาษาต่างชาติอย่างฟุซัคโบราณ โลเอ็น และอินทิส

ไคลน์รู้สึกดีมากกับเรื่องที่ครั้งหนึ่ง จักรวรรดิไบลัมโบราณเคยถูกรวมเป็นปึกแผ่นด้วยฝีมือของเทพแท้จริง ดังนั้น แม้ว่าแต่ละแคว้นจะมีสำเนียงต่างกัน แต่ก็ยังคงมีแก่นเป็นภาษาตูทานเหมือนเดิม หลักการเขียนคล้ายคลึงกันมาก และนั่นช่วยลดเวลากับความวุ่นวายลงได้หลายเท่า

หากว่าเราต้องเผชิญกับกำแพงภาษาหลายสิบชนิด นั่นคงปวดหัวน่าดู… แต่ตูทานกับฟุซัคก็ยังมีระบบภาษาที่แตกต่างกัน เรายังพลิกแพลงอย่างหลังได้ไม่ชำนาญ จำเป็นต้องพึ่งพาล่ามอยู่… อา ดูเหมือนว่าแอนเดอร์สันจะเชี่ยวชาญภาษาตูทานพอสมควร เราไม่เคยได้ยินว่าหมอนั่นเผชิญปัญหาเกี่ยวกับการสื่อสารในไบลัมตะวันตก… ฟังคำขอร้องของริชาร์ดสันจบ ไคลน์พลันเข้าใจความกระอักกระอ่วนของอีกฝ่ายก่อนหน้านี้

ในฐานะบุรุษรับใช้ มันตระหนักว่าตนต้องติดตามนายจ้างไปทุกที่ เพราะนี่ไม่ใช่งานของพ่อบ้าน

กล่าวอีกนัยหนึ่ง บุรุษรับใช้เทียบได้กับเลขาในชีวิตประจำวัน และในบางกรณีก็ต้องเป็นเลขาเชิงธุรกิจ

เห็นได้ชัดว่า ริชาร์ดสันชื่นชอบชีวิตในเบ็คลันด์มาก และไม่ต้องการกลับไปยังทวีปใต้ ไม่ต้องการเห็นฉากหรือทิวทัศน์ที่ทำให้นึกถึงอดีตอีกครั้ง ดังนั้น ขณะอยู่บนรถม้า มันลังเลว่าจะอธิบายความชำนาญของตัวเองให้เจ้านายฟังดีไหม เพราะหากเป็นไปได้ ริชาร์ดสันก็อยากให้ดอน·ดันเตสมองหาผู้ร่วมเดินทางคนอื่นมากกว่า

ไคลน์ครุ่นคิดสักพักก่อนจะตอบ

“ผมสามารถบอกได้ว่า คุณไม่ชอบทวีปใต้เอามากๆ แล้วทำไมถึงต้องเสนอตัว?”

ริชาร์ดสันค่อยๆ ก้มศีรษะลงจนกระทั่งก้มมองนิ้วเท้า

“นายท่านมอบโอกาสให้ผมได้พัฒนาตัวเอง… ผ…ผมคิดว่าตัวเองควรช่วยเหลือเป็นการตอบแทน”

เป็นการตอบแทนบุญคุณอย่างซื่อตรง… หากไม่พูดออกมา ก็คงไม่มีใครรู้ว่านายชำนาญภาษาตูทาน เพราะจากประวัติ นายเป็นแค่ทาสที่เติบโตในคฤหาสน์ของชาวอาณานิคมไบลัมตะวันออก… ไคลน์จ้องหน้าริชาร์ดสันสองสามวินาที รำพันในใจเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มไม่คิดจะใช้บุรุษรับใช้ของตนตามไปยังทวีปใต้อยู่แล้ว ประการแรก นั่นจะทำให้ทำงานไม่สะดวก และประการที่สอง หากริชาร์ดสันถูกพบตัวโดยสมาคมฟื้นฟูชาติซึ่งเป็นคนของนิกายวิญญาณ นั่นอาจส่งผลกระทบต่อช่วงชีวิตที่เหลือของอีกฝ่าย

ไคลน์ยิ้มและตอบ

“ผมมีเพื่อนมากมายที่นั่น แถมยังรู้ภาษาตูทานและขนบธรรมเนียมของชนพื้นเมือง… อา… สำหรับคุณ ผมมีงานที่สำคัญกว่านั้นให้ทำ… เรื่องแรก ช่วยผมส่งของขวัญให้ถึงมือเพื่อนฝูงตามตารางเวลาที่กำหนด ผมจะเขียนรายชื่อให้ก่อนออกเดินทาง… เรื่องที่สอง อ่านหนังสือพิมพ์ให้มาก จดบันทึกข่าวเกี่ยวกับการลงทุน รวมถึงการลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อมูลด้วยตัวเอง จากนั้นก็เขียนรายงานส่ง ผมจะให้มาดามทาเนญ่าคอยกันเงินไว้ก้อนหนึ่งสำหรับเรื่องนี้โดยเฉพาะ”

ริชาร์ดสันตะลึงเล็กน้อยในตอนต้น ก่อนจะรีบตอบสนองด้วยท่าทีตื่นเต้นแกมดีใจ

“ครับ นายท่าน! ผมจะตั้งใจทำให้ดีที่สุด!”

เมื่อตระหนักว่า อีกฝ่ายมองตนเป็นคนสำคัญ ดวงตาริชาร์ดสันพลันพร่ามัวอย่างมิอาจหักห้าม

นับตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน นี่เป็นครั้งแรกที่มันมองเห็นอนาคตตัวเอง เป็นครั้งแรกที่ถูกใครสักคนให้ความสำคัญ

หลังจากส่งริชาร์ดสันกลับ ไคลน์อาบน้ำอย่างสบายใจเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด จากนั้นก็สวมชุดนอนและเดินกลับเข้าไปในห้อง นำปากกาและกระดาษมาวาง วาดสัญลักษณ์ซับซ้อนซึ่งผสมผสานระหว่าง ‘การส่องความลับ’ และ ‘ความลับ’

บนผิวกระจกเต็มบาน คลื่นกระเพื่อมแผ่ออกไปในลักษณะวงกลม แสงสีเงินเริ่มเรียงตัวเป็นข้อความภาษาโลเอ็น

“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ อาโรเดส ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์และถ่อมตนของท่าน มาหาท่านตามคำเรียกร้องแล้ว! …นายท่านจะออกจากเบ็คลันด์อีกแล้วหรือ?”

ไคลน์พยักหน้าและกล่าว

“ใช่”

โดยไม่รอให้อาโรเดสอนุญาตให้ถาม ชายหนุ่มกล่าวเข้าประเด็นทันที

“บนทวีปใต้ ข้ายังติดต่อกับเจ้าได้ไหม?”

“แน่นอนขอรับ! ตราบใดที่นายท่านนำเครื่องรับโทรเลขไร้สายนั่นออกมา” บนผิวกระจก อักษรแสงสีเงินเรียงตัวเป็นคำใหม่อย่างรวดเร็ว “แต่นายท่านไม่ควรนำมันออกมาบนโลกความจริงนานเกินไป หรือใช้งานถี่เกินไป เนื่องจากบนทวีปใต้เต็มไปด้วยข้ารับใช้ของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย มีโอกาสถูกสัมผัสถึงได้ง่าย”

ไคลน์พยักหน้าอ่อนโยน

“เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายบ้าง?”

‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดสเงียบงันเป็นเวลานาน ก่อนที่แสงสีเงินบนผิวกระจกจะขยับจนกลายเป็นประโยคสมบูรณ์

“ข้ามิกล้าเอ่ยถึง… มิกล้าแสดงภาพ…”