ตอนที่ 1236

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ในที่สุดหลินอวีฉีก็ปล่อยหลิงฮันลงจากรถม้า และไม่คิดโปรยเสน่ห์ใส่อีกฝ่ายอีกต่อไป

อ๊าก!

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่หลิงฮันลงจากรถม้าไปแล้ว ช่วยไม่ได้ที่เขาจะส่งเสียงตะโกน เพราะขณะที่เขาพูดคุยกับหลินอวีฉี เขาจึงไม่รู้ว่ารถม้ามุ่งหน้าไปที่ไหนและถูกปล่อยลงกลางป่าทึบ โดยไม่มีร่องรอยของเมืองอยู่รอบๆเลย

อย่างที่คิด เขาจะต้องระมัดระวังนางไว้ให้ดี!

แล้วดูเหมือนว่าสาวใช้คนนั้นจะเกียจเขา ดังนั้นนางจึงใช้ประโยชน์จากการที่ข้าไม่รู้ว่ารถม้าเคลื่อนที่ไปที่ไหน แล้วตั้งใจปล่อยข้าไว้กลางป่าทึบใช่หรือไม่?

หลิงฮันรีบส่ายหัวและกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ หลังจากสักเกตุดูอยู่สักพัก เขาก็มุ่งหน้าไปที่เมืองเล็กๆแห่งหนึ่ง หลังจากถามตำแห่งที่อยู่ของเขาแล้ว เขาก็รู้ว่าเมืองเล็กๆแห่งนี้อยู่ห่างจากเมืองต้าหยิงประมาณแปดร้อยไมล์

รถม้าคันนั้นช่างรวดเร็วยิ่งนัก!

แต่หลิงฮันไม่ได้มุ่งหน้ากลับไปที่เมืองต้าหยิงในทันที นั่นเป็นเพราะเป้าหมายเดิมของเขาคือหุบเขาต้นกำเนิดวารี และบังเอิญว่ามันเป็นทิศเดียวกับที่เขาจะมุ่งหน้าไปที่หุบเขาต้นกำเนิดวารีพอดี นั่นเท่ากับว่าเขาโดยสารมาโดยรถม้าแทน

ถ้าสาวใช้คนนั้นรู้เขา นางจะโกรธหรือไม่?

หลิงฮันหัวเราะและเริ่มออกเดินทางต่อ

สองวันต่อมา หลิงฮันก็เดินทางมาถึงหุบเขาต้นกำเนิดวารี ตามข้อมูลที่ได้รับจากคังซิวหยวนและหยุนหยงหวัง เขาจะต้องไปยังสถานที่แห่งหนึ่งในหุบเขาที่มีน้ำตก ดอกไม้และตำหนักเล็กๆ ราวกับสวนสวรรค์

นี่คือสถานที่ที่สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะอาศัยอยู่อย่างสันโดษ

หลิงฮันเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและเดินวนไปวนมาพร้อมกับคิดอยู่ในใจว่าเขาจะพูดอะไรดีในตอนที่เจอสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะ

ในขณะที่คิด หลิงฮันก็เดินมาถึงประตู เขายกมือขึ้นและเคาะประตู แล้วเกิดความตึงเครียดอย่างรุนแรงในใจ

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านในที่กำลังเข้ามาใกล้

หลิงฮันขมวดคิ้วอย่างกะทันหัน ตามข้อมูลสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะควรอาศัยอยู่คนเดียว มันเป็นเสียงฝีเท้าของคนสามคนได้อย่างไร?

ผิดปกติ!

แววตาของหลิงฮันกลายเป็นเย็นชาขึ้นมาทันทีและเผยจิตสังหารที่รุนแรง ถ้าใครกล้าที่จะทำร้ายสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะ เขาจะฆ่าอย่างไม่ลังเล

เอี๊ยด เมื่อประตูไม้เปิดออกก็มีคนสามคนเดินออกมา

ทั้งสามคนเป็นชายที่สวมเกราะต่อสู้และถ้าจ้องมองให้ดีจะเห็นว่าเกราะของพวกเขามีบางจุดที่ชำรุดและมีร่องรอยของเลือด และชายทั้งสามคนนี้น่าจะมีอายุประมาณสามสิบปีและสีหน้าที่เคร่งขรึม

“เจ้าเป็นใคร?” ชายคนหนึ่งถามด้วยแรงกดดันของผู้บังคับบัญชา

จากแรงกดดันที่เขาปลดปล่อยออกมาเขาน่าจะเป็นแม่ทัพในกองทัพ ดังนั้นจึงเหมือนว่าเขากำลังจ้องมองพลทหารตัวเล็กๆด้วยแรงกดดันที่น่าเกรงขาม

แต่หลิงฮันก็ไม่ไหวติง และพูดเบาๆว่า “แล้วเจ้าล่ะเป็นใคร?”

“สามห้าว!” ชายอีกสองคนรีบชักกระบี่ออกมาจากที่เอวแทบจะพร้อมกันและส่งเสียงคำรามพร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหารที่รุนแรงออกมา ซึ่งมันเป็นจิตสังหารที่ได้รับจากการต่อสู้ในสนามรบมาเป็นเวลานาน

ชายที่ยืนอยู่ตรงกลางเอื้อมมือออกไปและกดปลายกระบี่ของทั้งสองคนเอาไว้ จากนั้นก็พูดกับหลิงฮันว่า “ข้าคือหม่าจางมือซ้ายของท่านแม่ทัพเชี่ยที่ได้รับคำสั่งให้มาที่นี่!”

แม่ทัพเชี่ย? มือซ้าย?

หลิงฮันประหลาดใจ เขารู้ว่าทั้งสามเป็นทหารในกองทัพ แต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจคือสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับกองทัพ มิฉะนั้นทั้งสามคนจะปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?

เขาคิดอยู่ชั่วครู่และพูดว่า “ข้าคือหลิงฮัน ข้าเดินทางมาที่นี่เพื่อพบสหายเก่า ข้าไม่รู้ว่าผู้อาวุโสหม่าจะขัดขวางข้าหรือไม่?”

“นี่เจ้ากล้าพูดจาไม่ให้เกียรติท่านหม่าจางอย่างนั้นรึ?” ทหารคนหนึ่งกล่าว แต่คราวนี้เขาไม่ชักกระบี่ออกมา

หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ที่นี่ไม่ใช่สนามรบ ถึงจะมีตำแหน่งแม่ทัพแล้วมันทำไม!”

“เอาล่ะ เอาล่ะ สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะไม่อยู่ที่นี่แล้ว ในเมื่อเจ้าอ้างว่าตัวเองเป็นสหายเก่ากับนาง เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่านางไปที่ไหน?” หม่าจางจ้องมองไปที่หลิงฮันด้วยแววตาที่เผยให้เห็นถึงจิตสังหาร ซึ่งทำให้หลิงฮันรู้สึกเหมือนมีกระบี่จ่ออยู่ที่คอ

สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะหายไปแล้ว?

หัวใจของหลิงฮันเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ทำไมสามคนนี้ถึงมาหาสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะ ใครเป็นคนออกคำสั่ง? แล้วสีหน้าของหลิงฮันเองก็กลายเป็นเย็นชาเช่นกัน

“ข้าอยากรู้ว่าทำไมพวกเจ้าถึงต้องการตามหาสหายของข้า!” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“จัดการ!” หม่าจางไม่ตอบและสั่งให้ลูกน้องเก็บหลิงฮัน

พรึบ พรึบ ทหารทั้งสองคนกระโจนใส่หลิงฮันทันที แน่นอนว่าพวกเขาไม่ใช่ทหารธรรมดา มิฉะนั้นจะเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้นได้อย่างไร

แต่หลิงฮันก็ขี้เกียจปะมือด้วย และใช้ทักษะจิตเจ็ดสังหาร ทำให้ทั้งสองคนหยุดชะงักอย่างกะทันหัน กระทั่งกระบี่ยังหลุดมือ และนั่งลงกับพื้น

ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะตกตะลึง อีกฝ่ายเป็นแค่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้นเหมือนกัน แต่เมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย กระทั่งโจมตียังทำไม่ได้ ช่องว่างระหว่างพวกเขากับอีกฝ่ายห่างชั้นกันมาก

“หืม?” แววตาของหม่าจางเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจและโลหิตเริ่มเดือดพล่าน ความแข็งแกร่งของหลิงฮันกระตุ้นให้เขาเหมือนกับอยู่ในสนามรบและกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าหวาดกลัว

“ทำไมพวกเจ้าถึงต้องการตัวสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะ?” หลิงฮันถามอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่คิดที่จะปกปิดความแข็งแกร่งของตัวเองอีกต่อไปและปลดปล่อยแรงกดดันทั้งหมดออกมา

“เจ้าหนู เจ้าบ้าไปแล้ว!” หม่าจางชักกระบี่ออกมาจากข้างเอว แสงที่หนาวเย็นเปล่งประกายบนใบกระบี่และทิ่มแทงไปที่หลิงฮัน

หลิงฮันต่อยหมัดออกไปต้านรับคมกระบี่ของอีกฝ่าย

ตู้ม หมัดของหลิงฮันปะทะกับกระบี่ก่อให้เกิดแสงสว่างสไวไปทั่ว ตู้ม ทหารสองคนที่อยู่ได้ข้างถูกพัดกระเด็นภายใต้แรงปะทะ แล้วประตูของตำหนักก็พังทลายในพริบตา

หลิงฮันรู้สึกโกรธและพูดว่า “เจ้าพวกสารเลว พวกเจ้ากล้าทำลายสถานที่แห่งนี้อย่างนั้นรึ!” เขายกกำปั้นขึ้นและต่อยไปที่หม่าจาง

หม่าจางทั้งรู้สึกโกรธและตกตะลึง มันไม่ใช่เขาคนเดียวซักหน่อยที่ทำร้ายที่นี่ เจ้าเองก็เป็นคนลงมือด้วยมิใช่รึ? แล้วยังกล้าตำหนิเขาฝ่ายเดียวอีก แต่ยังไงก็ตาม เจ้าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดาเลย ทั้งที่เป็นแค่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้น แต่ทำไมถึงมีพลังต่อสู้ที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย?

ต้องทราบก่อนว่าเขาเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นกลาง ทั้งที่เขาควรเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่กลับทำได้แค่ต่อสู้อย่างสูสีเท่านั้น

น่าทึ่งมาก ในจักรวรรดิราชวงศ์เพลิงสวรรค์มีเด็กแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

“กล้าหาญมาก!” เขาตะโกน และกวัดแกว่งกระบี่ไปมา อย่างไรก็ตามเขาเป็นทหารที่ผ่านสนามรบมานับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือการต่อสู้

“หึ่ม!” หลิงฮันชกต่อยไปที่หม่าจางอย่างไม่หยุดมือ

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! การต่อสู้ที่ดุเดือดของทั้งสองคน ทำให้ตำหนักที่อยู่ท่ามกลางสวนและน้ำตกดั่งสวนสวรรค์ถูกทำลายและกลายเป็นซากปรักหักพัง