บทที่ 740 ปลอบประโลมพร้อมทั้งโกหก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

แต่ว่า เธอกลับไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา

หลังจากค่อยๆผ่อนลง ก็เผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้งมองไปยังคุณท่าน:“คุณท่าน ไม่งั้นเชิญคุณนั่งลงก่อน ฉันจะไปชงชาให้คุณสักแก้วดีไหมคะ”

ไชยันต์ที่ยังโมโหไม่หายมองไปที่เธอเหมือนกัน

หลังจากนั้น เขานั่งลงที่โซฟาอีกครั้ง

เส้นหมี่ได้เห็นแล้วก็ดีใจมาก ปล่อยมือของตัวเองลง เธอใช้สาวใช้ไปหยิบชากับเครื่องชงชามาทันที ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้ บนใบหน้าไม่เคยแสดงสีหน้าที่ไม่เหมาะสมออกมา

แสนรักที่มือเปล่าบีบไปบีบมาอยู่อย่างนั้น

หลังจากนั้นไม่กี่นาที สาวใช้ได้เอาใบชากับเครื่องชงชามาแล้ว เส้นหมี่ย้ายเก้าอี้เล็กๆเข้ามา นั่งอยู่ด้านหน้าของคุณท่านแล้วเริ่มต้มชา

“คุณทำอันนี้เป็นด้วยเหรอ”

“ค่ะ นิดหน่อย นี่เป็นใบชาที่บ้านเกิดของฉันผลิตขึ้น ชาตันฉง คุณท่านเคยได้ยินหรือเปล่าคะ”

เส้นหมี่ต้มชาไปด้วย พร้อมทั้งพูดคุยกับคุณท่านไปด้วยอย่างเป็นธรรมชาติ

ความจริงนานแล้วที่เธอไม่ได้ต้มชา ยังจำได้ครั้งที่แล้ว ตอนที่ธนากรยังมีชีวิตอยู่ เธออยู่ที่สถานพักฟื้นนั้น ต้มชาดื่มกับเขา ผ่านไปแป๊บเดียว ก็จากกันไปอยู่คนละโลกเสียแล้ว

เส้นหมี่ต้มน้ำจนเดือด ยกขึ้นมารินลงในถ้วยน้ำชา ตอนนี้มือของเธอสั่นเล็กน้อย ความเจ็บปวดที่อยู่ภายในใจทำให้เธอเหงื่อซึมออกมา

แสนรักหรี่ตาลง

“ชาตันฉงเป็นชาดี ที่แท้คุณเป็นคนที่นั่นนี่เอง งั้นคุณสามารถโคล สวิงได้ไหม”

ทันใดนั้น คุณท่านก็ถามขึ้นมาอย่างให้ความสนอกสนใจ

“โคล สวิง?”

เส้นหมี่เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาสุกใสคู่นี้มองมาที่เขาอย่างตื่นเต้น:“คุณท่านยังเคยได้ยินสิ่งนี้ด้วยเหรอคะ เป็นค่ะ นี่เป็นวิธีการหนึ่งใช้สำหรับการต้มชาที่บ้านเกิดของฉัน คุณท่านอยากดื่มไหมคะ”

“ดี!”

ในที่สุดไชยันต์ก็ไม่หลงเหลือความโกรธอยู่แล้ว ดวงตาวัยชราที่ขาวขุ่นมองมาที่เด็กสาวที่อยู่ตรงข้าม แสดงออกมาว่าให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

ในตอนนี้เส้นหมี่ก็เริ่มจัดวางถ้วยชา ใช้วิธีการของทางบ้านเกิดต้มชาให้เขา ช่วยเขาต้มขึ้นมา

แสนรักที่อยู่ด้านข้างใบหน้าเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

หญิงสาวคนนี้เมื่อสักครู่สีหน้าของเธอแสดงความเจ็บปวดออกมา เขามองเห็นแล้ว ดังนั้น ตอนนี้ไม่ว่าเขาจะไม่พอใจขนาดไหน ก็ทำได้เพียงแค่อดทนเอาไว้ ไม่ไปพังโต๊ะชาอันนี้

เธอเป็นบ้าไปแล้วหรือเปล่า?

ยังต้มชาให้ตาแก่คนนี้ดื่ม?

แววตาของเขาขุ่นมัวลงมาทำให้ทั้งห้องรับแขกนี้เหมือนกับว่ามีลมหนาวปกคลุมลงมาหนึ่งชั้น

อีกทั้งคนที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะน้ำชานั้น เหมือนกับว่ามองไม่เห็น หลังจากที่เส้นหมี่ต้มเสร็จแล้ว ไชยันต์ยังยกขึ้นมาจิบดูหนึ่งจิบ ทันใด ใบหน้าของเขาก็แสดงความพอใจออกมา

“ไม่ผิดหรอก รสชาติแบบนี้เลย”

“งั้นหรือคะ”

เส้นหมี่ได้เห็นสีหน้าของเขาแบบนี้ หัวใจดวงนี้จึงวางใจลงได้ทั้งหมดแล้ว

ในตอนนี้เธอทำได้เพียงแค่เอาใจเขาแบบนี้ ไม่งั้น เขาอารมณ์ร้ายขึ้นมาจริงๆ ไม่มีอะไรดี ต่อชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านหลังของเธอ

“คุณท่านอยากดื่มละก็ ต่อไปนี้ก็มาที่นี่บ่อยๆ เพราะยังไงเสียฉันก็เป็นหมอของคุณแสนรัก มาที่นี่ทุกวัน”

“ดี”

ไชยันต์ตอบรับออกมาทันที แต่ว่า เขาก็เปลี่ยนเรื่องโดยเร็ว:“แต่ว่าคุณต้องจำไว้ว่า จุดประสงค์ที่คุณไพบูลย์ให้คุณมา ไม่ได้ให้คุณมาต้มชาให้ผมดื่มนะ”

ความหมายก็คือ ให้ถือเรื่องแสนรักเป็นหลักสำคัญ

เส้นหมี่ที่ฉลาดหลักแหลม จะฟังไม่เข้าใจได้อย่างไร เธอจึงรีบพยักหน้า:“แน่นอนค่ะ ฉันเข้าใจ คุณท่านวางใจได้ เรื่องคุณแสนรัก ฉันจะพยายามให้ถึงที่สุด แต่ว่า ก็อยากจะขอให้คุณท่านอย่าพึ่งใจร้อน เพราะว่า การฟื้นตัวก็ต้องการเวลาที่เหมาะสม”

เส้นหมี่ใช้ความกล้าปรามเขาออกไปหนึ่งประโยค

คำพูดนี้พูดออกมา คุณท่านที่ดูน่าเกรงขามท่านนี้ ทันใดนั้นก็มองมาด้วยสายตาที่ไม่ค่อยพอใจนัก

“ผมเพียงแค่อยากให้เขารักษาตัว ไปเร่งเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

“หืม?”

คำพูดนี้พูดออกมาทำให้เส้นหมี่คิดไม่ถึงเป็นอย่างมาก

เดิมที เขาไม่ได้เร่งรัดเขา?

งั้น……เมื่อสักครู่ทำไมทั้งสองทะเลาะกันขึ้นมาล่ะ?ทะเลาะกันจนดวงตาแดงฉาน เหมือนกับว่าจะฆ่าอีกฝั่งให้ตายยังไงอย่างงั้น

เส้นหมี่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาแล้ว

“คุณอยู่ที่นี่ตั้งใจรักษาเขาให้ดีก็พอแล้ว”ไชยันต์พูดออกมาอีกหนึ่งประโยค ต่อหน้าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้าม

ทันใดเสียงกระดูกข้อมือของแสนรักก็ดังขึ้น!

บนร่างกายเต็มไปด้วยความชั่วร้าย ขึ้นมาอีกมวลแล้ว

เส้นหมี่กลืนน้ำลายลงคอ รีบรินชาให้กับคุณท่านอีกหนึ่งถ้วย:“ได้ค่ะได้ค่ะ ฉันจะรักษาให้ดี คุณวางใจเถอะ รอให้เขาหายดีแล้ว ด้วยความเก่งกาจสามารถของเขาแล้ว ก็จะมาเป็นมือขวาคนสำคัญของท่าน”

ประโยคสุดท้ายนี้สำคัญ

ไชยันต์ไม่พูดอะไรออกมาแล้ว ยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาด้านหน้า

นี่เป็นสิ่งที่เขาคิดเอาไว้จริงๆ

แสนรักคนนี้ ตั้งแต่เขาฟื้นขึ้นมา เขาส่งผลกระทบต่อเขาอย่างมาก เขากำลังฆ่าคนของตระกูลเทวเทพไปทีละคน แต่ในเวลาเดียวกัน แผนการของเขา ที่เขาวางเอาไว้ ทำให้เขามองดูอย่างสรรเสริญ!

อีกทั้งทำให้รู้สึกขนลุกขนพอง

เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าตระกูลเทวเทพของพวกเขาจะมีคนที่อัจฉริยะแบบนี้ คนคนนี้ เกินกว่าพ่อของเขาไปแล้ว

คนแบบนี้ ถ้ากลายเป็นคนของตระกูลเทวเทพจริงๆล่ะก็ งั้นตระกูลเทวเทพคงจะยิ่งใหญ่เกินกว่าจะคาดเดา ต่อให้เขาไชยันต์ตายไปแล้ว เขาไม่มีความรู้สึกอะไร

สุดท้ายไชยันต์ก็จะไม่คิดเล็กคิดน้อยอะไรกับไอ้คนนี้อีก

“งั้นมือกับขาของเขา เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมล่ะ”

“ใกล้แล้วล่ะค่ะ พรุ่งนี้ก็สามารถให้เขาทดสอบการก้าวเดินกับการออกแรงที่มือทั้งสองได้แล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดล่ะก็ หนึ่งอาทิตย์ก็น่าจะฟื้นฟูกลับมาได้เป็นอย่างดีแล้ว”

เส้นหมี่รีบตอบกลับไปด้วยประโยคนี้