บทที่ 1515 ประโยคเดียวมีน้ำหนักกว่าร้อยประโยค

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

ก่วงลิ่งกงมองออกถึงความปรารถนาอันแรงกล้าที่เผยอยู่ในดวงตา พอลองใช้สมองคิด ก็เข้าใจเจตนาของนางแล้ว แผนการตื้นๆ ของนางจะปิดบังเขาได้อย่างไร ไม่อย่างนั้นก็เสียแรงเปล่าแล้วที่เขาเป็นอ๋องสวรรค์

เขารู้ว่านางอยากได้อะไร ที่จริงสถานการณ์อันตรายของเม่ยเหนียงทุกวันนี้ล้วนเป็นเขาที่สร้างมาเองกับมือ ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ เขานึกเสียใจทีหลังนิดหน่อยที่แต่งตั้งเม่ยเหนียงเป็นหวังเฟย หลังจากกำหนดเรื่องนี้ในปีนั้น เขาก็นึกเสียใจทีหลังทันที เสียใจที่ชั่วขณะนั้นไม่อาจะต้านทานความอ่อนโยนของผู้หญิงได้

บางอย่างนั้นความสวยเป็นเรื่องรอง สิ่งสำคัญอันดับหนึ่งของคนที่นั่งตำแหน่งหวังเฟยไม่ความสวย แต่เป็นความสามารถในการคุมคนต่างหาก เม่ยเหนียงทั้งไม่ใช่ฮูหยินคนแรก ทั้งยังไม่เคยผ่านเรื่องราวความรักที่สอดคล้องกับคุณธรรมและจริยธรรมแบบจริงจังเลย เป็นเพียงสาวงามที่เบื้องล่างนำมามอบให้ ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือเป็นของกำนัลที่เบื้องล่างส่งมาให้ ผู้หญิงที่ถูกทำเป็นของกำนัลและผ่านมือมาหลายคน ตอนที่มาถึงมือเขานางมีร่างกายบริสุทธิ์ไม่เสียหาย เขารู้เรื่องนี้แต่คนอื่นกลับไม่รู้! ต่อให้ทุกคนจะเชื่อว่านางมีร่างกายที่บริสุทธิ์ แต่อาศัยความงามของผู้หญิงคนนี้ ตอนเปลี่ยนมือแล้วโดนคนอื่นลูบคลำสักสองที บีบคลึงสักสองทีก็เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว

สาเหตุที่ไม่ถือสาเรื่องบางเรื่องก็เพราะยังไม่ถึงลำดับขั้นตอนนั้น แต่เมื่อถึงลำดับขั้นตอนนั้นแล้ว จะไม่ให้ถือสาก็คงยาก ส่งผลกระทบมากเกินไปจริงๆ ยิ่งอยู่ในตระกูลใหญ่ก็ยิ่งให้ความสำคัญกับกฎเกณฑ์ ถ้าไม่มีกฎเกณฑ์ครอบครัวก็จะวุ่นวาย และเขาก็อยู่ในฐานะหัวหน้าครอบครัว แต่เป็นผู้นำที่ไม่ดีเอามากๆ!

การแต่งตั้งผู้หญิงแบบนี้ให้เป็นหวังเฟย จะให้อนุภรรยาในบ้าน ให้ลูกชายและลูกสาวของอนุภรรยาในบ้านทนความรู้สึกได้อย่างไร?

ทว่าในเมื่อทำไปแล้ว จะมานึกเสียใจทีหลังก็สายไปแล้ว

ดังนั้นถึงแม้เขาจะมองออกถึงความปรารถนาอันแรงกล้าของเม่ยเหนียง แต่ก็ยังไม่อยากให้ในมือนางมีอำนาจที่แท้จริงเพิ่มขึ้น ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่มีทางอธิบายกับบรรดาลูกชายได้ และถ้าสองฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกันล้วนมีอำนาจขึ้นมา หนึ่งฝ่ายในนั้นก็จะไม่ก้มหัวแล้ว เมื่ออำนาจปะทะกันก็จะเกิดเรื่องได้ง่าย เขาเองก็เข้าใจว่าเม่ยเหนียงแค่อยากจะปกป้องตัวเอง แต่เขารู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นเลย ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ ยังจะมีใครกล้าแตะต้องพวกนางสองแม่ลูกอีกเหรอ?

“เม่ยเหนียง เม่ยเอ๋อร์ยังเด็กอยู่ ข้าทำใจให้นางออกเรือนไปไม่ได้ ข้างกายข้ามีลูกสาวที่ยังไม่แต่งงานแค่คนเดียว ยังอยากจะเก็บนางไว้ข้างกายเพื่อปกป้องอีกสักหลายๆ ปี เรื่องนี้ช่างมันเถอถ”ก่ วงลิ่งกงตอบเสียงเรียบ

พอได้ยินคำนี้ เม่ยเหนียงก็หนาวเหน็บหัวใจจนถึงก้นบึ้ง ลูกสาวอายุหลายพันปีแล้ว ยังเด็กยังเล็กอะไรกัน นี่เป็นข้ออ้างล้วนๆ เลย เขาแค่ไม่อยากให้อำนาจนาง นางรู้ว่าอ๋องสวรรค์ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว จะพูดอะไรอีกก็ไม่มีประโยชน์ นางรู้สึกหดหู่ใจ แอบก้มหน้าก้มตาเงียบๆ สุดท้ายคำพูดของนางก็ยังไม่มีน้ำหนักอะไรในจวนท่านอ๋อง

ใครจะคิดว่าในตอนนี้ จู่ๆ พ่อบ้านใหญ่โกวเยว่ก็กล่าวช้าๆ ว่า “ท่านอ๋อง ในเมื่อหวังเฟยมีความตั้งใจนี้ บ่าวคิดว่าลองพิจารณาก็ได้ขอรับ”

“หืม…” เม่ยเหนียงพลันเงยหน้า มองเขาอย่างตกตะลึงมาก นึกไม่ถึงว่าเรื่องที่ท่านอ๋องตัดสินใจแน่วแน่แล้ว แต่พ่อบ้านที่นางไม่ถูกชะตาคนนี้กลับช่วยนางพูดงั้นเหรอ กำลังช่วยนางกู้สถานการณ์งั้นเหรอ

ก่วงลิ่งกงก็เอียงหน้ามองมาอย่างประหลาดใจเช่นกัน เขารู้ว่าโกวเยว่ไม่มีทางยิงธนูโดยไร้เป้า ที่พูดแบบนี้แสดงว่าต้องมีเหตุผลแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่โน้มน้าวให้ตนกลับคำพูดที่กล่าวออกไปแล้ว จึงถามอย่างจริงจังว่า “หมายความว่ายังไง?”

โกวเยว่ก็อธิบายอย่างจริงจังเช่นกัน “ต้องดูว่าท่านอ๋องมีความแน่วแน่ที่จะดึงตัวหนิวโหย่วเต๋อขนาดไหน ถ้าแค่อยากจะลองดู เช่นนั้นเลือกใครไปสักคนก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าอยากดึงตัวมาเป็นลูกน้องคนสนิทของท่านอ๋อง บ่าวคิดว่าควรจะพิจารณาคำพูดของหวังเฟยขอรับ”

“หรือว่าการที่เม่ยเอ๋อร์แต่งงานหรือไม่แต่งงานนั้นมีส่วนทำให้เรื่องนี้สำเร็จ?” ก่วงลิ่งกงแปลกใจ

“ถ้าจะบอกว่ามีส่วนกับความสำเร็จแน่นอน ก็ยังไม่ถึงขั้นนั้นขอรับ เพียงแต่อาจจะตัดสินความสำเร็จและล้มเหลวได้” โกวเยว่ตอบ

เม่ยเหนียงเบิกตากว้างมองดูว่าเขาจะพูดอะไร นางรู้ดี ว่าถ้าจะมีใครสักคนในจวนท่านอ๋องที่สามารถเปลี่ยนความคิดของท่านอ๋องได้ ก็มีแต่ท่านนี้แล้ว นางกลั้นหายใจไม่กล้ารบกวนตอนเขาพูด

“อ้อ!” ก่วงลิ่งกงแปลกใจอีกครั้ง “ข้ายินดีจะฟังรายละเอียด!”

โกวเยว่อธิบายว่า “ในเมื่อพวกเราได้ข่าวนี้มาแล้ว แสดงว่าอีกสามอ๋องก็ไม่ได้หูหนวกเช่นกัน ขออนุญาตถามท่านอ๋องหน่อย ว่าอีกสามอ๋องจะทิ้งโอกาสในการรับศิษย์ของอสุราอัคนีมาเป็นลูกน้องคนสนิทหรือไม่?”

“ก็ต้องไม่อยู่แล้ว เกรงว่าแม้แต่อิ๋งจิ่วกวงก็ต้องวางศักดิศรีลงชั่วคราวเช่นกัน ต้องกอบโกยสิ่งที่อยู่ภายในมาไว้ในมือก่อน” ก่วงลิ่งกงกล่าว

โกวเยว่บอกว่า “ข่าวกะทันหันเกินไป ทุกคนไม่ได้เตรียมตัวเท่าไรนัก ถ้าอยากจะชิงดึงตัวมาในเวลานี้ ท่านอ๋องคิดว่าอีกสามอ๋องจะใช้วิธีการอะไร?”

ก่วงลิ่งกงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้าฝืนบังคับแล้วซื้อใจเขาไม่ได้ก็ไม่มีความหมายอะไร ถ้าอยากจะซื้อใจเขา เกรงว่าคงจะนึกได้แค่วิธี ‘แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์’ แล้ว มีเพียงการทำให้ศิษย์ของอสุราอัคนีกลายมาเป็นคนของตัวเอง ถึงจะมั่นคงปลอดภัยที่สุด”

โกวเยว่ถามอีกว่า “ขออนุญาตถามท่านอ๋อง อีกสามบ้านยังมีลูกสาวที่ยังไม่แต่งงานหรือเปล่า?”

“ไม่มี ลูกสาวของตาแก่สามคนนั้นแต่งงานออกเรือนไปหมดแล้ว…” ก่วงลิ่งกงเข้าใจแล้ว ถามกลับว่า “เจ้าหมายความว่า จะให้ข้าแสดงความจริงใจเหรอ?”

“ถูกต้อง! และมีความแตกต่างกับอีกสามบ้านที่จะทำให้หนิวโหย่วเต๋อรู้ว่าท่านอ๋องให้ความสำคัญกับเขา คนอื่นให้แต่งกับรุ่นหลาน แต่ท่านอ๋องกลับให้แต่งกับลูกสาวสุดที่รักที่เกิดกับฮูหยินเอก! หลานเขยกับลูกเขยมีความแตกต่างกันไม่น้อย” โกวเยว่กล่าวอย่างมั่นใจ แล้งถามอีกว่า “ท่านอ๋อง! ขอพูดบางอย่างที่บาดหู ในบรรดาลูกสาวหลานสาวของท่านอ๋อง ยังมีใครที่สามารถทำให้หนิวโหย่วเต๋อหวั่นไหวได้เท่าเม่ยเอ๋อร์อีก?”

ก่วงลิ่งกงเลิกคิ้วเล็กน้อย หันไปมองกลุ่มผู้หญิงที่หัวเราะพูดคุยกันอยู่ข้างล่าง สายตาไปหยุดอยู่บนตัวลูกสาวที่เย้ายวนพราวเสน่ห์ที่สุด สวยสะดุดตากว่าลูกสาวคนอื่นของเขาตั้งเยอะ ได้รับข้อดีของมารดามาเต็มๆ หลังจากผ่านเรื่องราวในสังคมแล้วเติบโตเต็มที่ ก็อาจจะเหมือนสีเขียวครามที่เกิดจากสีน้ำเงิน แต่กลับเด่นกว่าสีน้ำเงินเสียอีก อาจจะเย้ายวนยิ่งกว่ามารดานางก็ได้ การที่สามารถมีลูกสาวสวยขนาดนี้ได้ ก็เป็นเรื่องที่น่าปลื้มใจเช่นกัน

แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตอนยังไม่เอ่ยเรื่องแต่งงานก็ยังดีๆ อยู่ แต่พอเอ่ยเรื่องแต่งงานแล้ว จู่ๆ เขาก็รู้สึกปวดใจนิดหน่อย ลูกสาวที่ดีขนาดนี้ ในสักวันหนึ่งก็จะต้องแยกจากเขาไป ในไม่ช้าก็เร็วจะต้องถูกผู้ชายคนอื่นจีบแล้ว ต่อให้เขาจะสูงส่งเป็นอ๋องสวรรค์แต่ก็ขัดขวางไม่ได้ ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงและตัดใจไม่ลงพรั่งพรูขึ้นมาในหัวใจพร้อมกัน

สิ่งที่เขาพูดกับเม่ยเหนียงก่อนหน้านี้ไม่ใช่ข้ออ้างเสียทั้งหมด เขาอยากจะเก็บลูกสาวคนนี้ไว้ข้างกายอีกสักหลายปีจริงๆ เก็บไว้ได้นานแค่ไหนก็ยิ่งดี ถึงอย่างไรลูกสาวเขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องแต่งงานอยู่แล้ว จะรีบทำไมล่ะ เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าจะต้องปล่อยมือไปเร็วขนาดนี้ ถึงแม้จะรู้ว่าจะต้องเผชิญเรื่องนี้เข้าสักวัน แต่ก็ยังทำใจไม่ค่อยได้

โกวเยว่สังเกตสีหน้าท่าทางของเขา แล้วพูดเสริมว่า “ความจริงใจของท่านอ๋อง คือข้ออ้างที่ดีที่สุดที่จะกดคนอื่นและต่ำลงและยกตัวเองให้สูงขึ้นตอนที่คุยเรื่องแต่งงาน ความจริงใจขนาดนี้จะต้องเข้าไปอยู่ในขอบเขตการพิจารณาของหนิวโหย่วเต๋อแน่นอน อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับอนาคตของเขา ความงามของคุณหนูเม่ยเอ๋อร์คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้หนิวโหย่วเต๋อหวั่นไหวได้ ตามที่บ่าวทราบมา อีกสามบ้านยังไม่มีสาวโสดคนไหนที่งดงามกว่าคุณหนูเม่ยเอ๋อร์เลย ถ้าปล่อยคุณหนูเม่ยเอ๋อร์ออกมา ความจริงใจของท่านอ๋องและความงามของคุณหนูเม่ยเอ๋อร์ก็เป็นสิ่งที่อีกสามบ้านเทียบไม่ติด พอเปิดฉากมาท่านอ๋องก็ได้เปรียบแล้ว ทำแบบนี้ก็เบียดอีกสามบ้านตกรอบแล้ว ความได้เปรียบที่ฉวยโอกาสได้ก่อนย่อมดีกว่าอยู่แล้ว” พูดจบแล้วก็หยุดเพียงเท่านี้ สิ่งที่ควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว ส่วนจะตัดสินใจอย่างไรก็ไม่ใช่หน้าที่ของเขา

ดวงตาเย้ายวนฉ่ำน้ำของเม่ยเหนียงมองเขาอย่างเป็นกระกาย จากนั้นก็หันไปมองก่วงลิ่งกงเพื่อรอการตัดสินใจอีก

“เฮ้อ! ในเมื่อจะเอาแบบนี้ งั้นก็ให้เม่ยเอ๋อร์แต่งงานแล้วกัน” ก่วงลิ่งกงถอนหายใจเบาๆ นับว่าตัดสินใจขั้นสุดท้ายแล้ว

เม่ยเหนียงปลาบปลื้มดีใจ ขณะกำลังจะพูด นางก็เห็นโกวเยว่ทำท่าจะเอ่ยปากพูดเช่นกัน นางจึงหุบปากทันที รอฟังอย่างว่านอนสอนง่าย

“ท่านอ๋อง ทางด้านหนิวโหย่วเต๋อนั้น ต่อให้พวกเราจะบอกว่าเม่ยเอ๋อร์งดงามแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ร้อยปากว่าไม่เท่าหนึ่งตาเห็น ขอเพียงทำให้คุณหนูเม่ยเอ๋อร์ไปยืนอยู่ข้างๆ หนิวโหย่วเต๋อได้ เรื่องนี้จะต้องสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่งแน่นอน”

ก่วงลิ่งกงย่อมเข้าใจว่าทำไมเขาไม่สะดวกจะพูดออกมาตรงๆ จะบอกว่าผู้ชายหลงในกามตัณหา วีรบุรุษมักพ่ายแพ้หญิงงามไม่ใช่เหรอ เขาก็เป็นแบบนั้นเหมือนกันไง ไม่อย่างนั้นเม่ยเหนียงคงไม่ได้กลายเป็นหวังเฟยเหมือนกัน เพียงแต่เขายังกลุ้มใจอยู่บ้าง ถามว่า “ตอนนี้หนิวโหย่วเต๋ออยู่ที่ไหน?”

โกวเยว่ “ตอนนี้เบาะแสไม่ชัดเจน ได้ยินว่าทางหน่วยองครักษ์ซ้ายปล่อยให้เขาพักผ่อนได้หนึ่งปี บ่าวจะไปสืบข่าวมาอีกสักหน่อย ถ้าอยู่ที่อื่น เกรงว่าจะต้องจัดฉากให้คุณหนูกับหนิวโหย่วเต๋อพบกันโดยบังเอิญ แต่ถ้าเขากลับอุทยานหลวงมาแล้ว บ่าวก็แนะนำให้หวังเฟยพาคุณหนูเดินเล่นในสวนที่อุทยานหลวงสักหน่อย อาศัยฐานะของหวังเฟย ถึงตอนนั้นสามารถเรียกพบทักทายได้โดยตรงขอรับ”

ก่วงลิ่งกงเอียงหน้ามองไปทางเม่ยเหนียง นางรับปากทันที “ข้าจะทำตามที่ท่านอ๋องเตรียมการทุกอย่าง จะพยายามจัดการเรื่องนี้อย่างดีที่สุด” นางพยายามปกปิดความปลาบปลื้มไว้ในใจ

“งั้นก็เอาตามนี้แล้วกัน! เฒ่าโกว เจ้าไปเตรียมการเรื่องนี้เถอะ” ก่วงลิ่งกงถอนหายใจ สายตาไปหยุดอยู่บนตัวลูกสาวที่กำลังมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า แล้วก็บอกเม่ยเหนียงอีกว่า “เรียกเม่ยเอ๋อร์มาหาข้าที นางชอบเล่นหมากล้อมกับข้าที่สุด ให้นางมาเล่นเป็นเพื่อนข้าหน่อย” ในน้ำเสียงปะปนอารมณ์หดหูอย่างปิดบังได้ยาก

เม่ยเหนียงมองเงาหลังโกวเยว่เดินจากไป แล้วรีบบอกว่า “ข้าจะลงไปเดี๋ยวนี้ ถือโอกาสกำชับนางด้วย” จากนั้นก็หันตัวเดินจากไปเลย

หลังจากลงไปเรียกลูกสาวข้างล่างแล้ว เม่ยเหนียงก็ออกไปจากตรงนั้นชั่วคราว

ไม่นานก็มาโผล่อยู่ที่ทางเดินวงแหวนในจวนท่านอ๋องอีกครั้ง เจอกับพ่อบ้านโหวเยว่ที่เพิ่งเลี้ยวออกมาจากประตูพระจันทร์พอดี

“หวังเฟย!” โกวเยว่เพิ่งจะทำความเคารพ ใครจะคิดว่าเม่ยเหนียงจะย่อเข่าทำความเคารพกลับ “บุญคุณที่ยิ่งใหญ่ของพ่อบ้านโกว เม่ยเหนียงไม่รู้จะขอบคุณยังไง โปรดรับการคำนับจากข้าด้วย”

นางเข้าใจชัดเจน ว่าวันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะท่านนี้เอ่ยปาก เรื่องนี้ก็ไม่มีโอกาสพลิกได้เลย ที่จวนท่านอ๋องมีเพียงท่านนี้เท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงความคิดของท่านอ๋องได้ เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านอ๋อง คำพูดของเขาประโยคเดียวเทียบเท่ากับคำพูดออดอ้อนของนางร้อยประโยค เมื่อครู่นี้ก็เป็นตัวอย่างให้เห็นแล้ว

โกวเยว่ย่อมเข้าใจอยู่แล้วว่านางกำลังขอบคุณเรื่องอะไร แต่สิ่งนี้กลับทำให้เขารับผิดชอบไม่ไหว ถึงแม้อำนาจที่แท้จริงในมือเขาจะเป็นอันดับสองรองจากท่านอ๋อง แต่เขาก็ยังรู้จักข้อบกพร่องของตนเอง จะให้เจ้านายมาคำนับบ่าวได้อย่างไร ถ้าไม่เข้าใจแม้แต่หลักการนี้ มีหรือที่จะยืนอยู่ในจวนท่านอ๋องมาจนถึงทุกวันนี้ได้ เรียกได้ว่าลนลานทำอะไรไม่ถูก ลังเลว่าจะไปประคองดีหรือไม่ประคองดี แล้วรีบถอยหลังไปสองก้าว แล้วโค้งตัวคำนับคืน “หวังเฟยเข้าใจบ่าวผิดแล้ว บ่าวไม่ได้มีเจตนาส่วนตัว เป็นเรื่องที่อยู่ในหน้าที่ขอรับ รับการคำนับนี้จากหวังเฟยไม่ไหวจริงๆ”

เม่ยเหนียงกลับมองเขาตาปริบๆ พร้อมบอกว่า “ข้าอยู่ข้างนอกออกแรงช่วยอะไรไม่ได้ เรื่องของเม่ยเอ๋อร์ยังต้องหวังให้พ่อบ้านโกวพยายามทำให้สำเร็จหน่อย ไม่ว่าเรื่องนี้จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ เม่ยเหนียงและลูกสาวก็จะจดจำบุญคุณของพ่อบ้านโกไว้!”

โกวเยว่รีบโบกมือ “นี่เป็นสิ่งที่อยู่ในหน้าที่ทั้งนั้นขอรับ ในเมื่อท่านอ๋องกำชับมาแล้ว บ่าวก็ย่อมต้องพยายามเต็มที่”

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาไกลๆ เม่ยเหนียงก็พยักหน้า และไม่ได้พูดอะไรอีก รีบร้อนเดินจากไปแล้ว

โกวเยว่มองไปรอบๆ ตัวเองนับว่าเป็นคนที่ผ่านอุปสรรครคลื่นลมมามากมาย แต่ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้จะตกใจจนเหงื่อแทบแตก ถ้าให้คนอื่นเห็นก็อาจจะเกิดเรื่องขึ้นก็ได้ เขาถอนหายใจออกมาช้าๆ สงบสติอารมณ์แล้วเดินออกไป ตรงทางเลี้ยวมีสาวใช้สองคนโผล่มาเจอเขา พวกนางรีบหลีกทางให้และทำความเคารพ

เม่ยเหนียงกลับมาบนตึก พอเห็นลูกสาวกับเล่นหมากล้อมกับท่านอ๋อง นางก็ยิ้มตาหยีแล้วรินน้ำชาบริการให้ด้วยตัวเอง

หลายวันติดต่อกัน ก่วงลิ่งกงล้วนอยู่ค้างคืนที่นี่ ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา เรื่องแรกที่ทำก็คือเรียกลูกสาวเข้ามา แล้วถามนางว่าอยากจะกินอะไร อยากจะไปเที่ยวเล่นที่ไหน แล้วอยู่กับลูกสาวเองเลย ถึงขั้นเลื่อนงานต่างๆ ออกไปก่อน นี่คือเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย…

…………………………