บทที่ 1166 ผู้อาวุโสจั่ว

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1166 ผู้อาวุโสจั่ว
“ที่แท้ก็คือจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นที่พิการไปแล้วครึ่งหนึ่งสินะ?”

เสียงหัวเราะอ่อนโยนของมู่เฉินดังแผ่ว แต่ก็ยังสะท้อนไปทั่วโถงเงียบสงบนี้

แววเยาะเย้ยบนใบหน้าของจาโหลหลัวแข็งค้าง ก่อนที่เขาจะหันหน้ามองมู่เฉิน รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏที่ริมฝีปาก

“กลัวจนพูดไร้สาระเลยเหรอ?” จาโหลหลัวยิ้มบางขณะมองหน้ามู่เฉินด้วยความสงสาร เขามองว่าปฏิกิริยาของมู่เฉินเป็นอาการบอกถึงความกลัว

เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็คิดไม่ได้ว่าภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวันมู่เฉินจะได้รับไพ่ตายน่ากลัวในมือ ซึ่งมีพลังมากพอที่จะจัดการจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นได้

ผู้อาวุโสจิ่วที่สวมเสื้อดำขาวยืนข้างจาโหลหลัวก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่มู่เฉินอย่างไม่แยแส

ด้วยสายตาที่เฉียบแหลม เขาสามารถมองผ่านขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มของมู่เฉินได้อย่างรวดเร็วโดยไม่มีระลอกคลื่นในดวงตา เพราะปกติจอมยุทธ์ระดับนี้ก็เสมือนมดสำหรับเขา

ระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นสามารถสังหารระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มง่ายดายแค่พลิกมือ ต่อให้ตอนนี้เขาจะมีพลังไม่ถึงครึ่งถึงของอดีตก็ตาม

นั่นเป็นเพราะมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างทั้งสองระดับ

“จาโหลหลัว เจ้าไปก่อน ในเมื่อท่านประมุขสั่งการมาแล้ว ตาแก่คนนี้ก็ไม่ให้แมลงวันเข้ามาได้” ผู้อาวุโสจั่วเหลือบมองไปที่มู่เฉินก่อนที่จะหันไปทางจาโหลหลัวและพูด

จาโหลหลัวยิ้มบางพร้อมพยักหน้าตอบด้วยความเคารพว่า “ถ้างั้นข้าไปก่อนนะขอรับ ฮ่าๆ ข้าคิดจะมองหาอาวุธมหสวรรค์ที่จอมพลหนึ่งทิ้งไว้ด้วย”

พูดจบเขาก็เดินไปที่ประตูที่มู่เฉินอยู่ ไม่กี่ก้าวก็ยืนข้างมู่เฉินแล้ว

เขาเอี้ยวหน้ายิ้มให้มู่เฉิน “น่าเสียดายจริงๆ ตอนแรกข้าก็อยากสู้กับแก แต่ไม่คิดว่าแกจะตกหลุมพรางของพวกข้า”

“วางใจเถอะ หลังจากที่แกไปปรโลก อาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็จะถูกทำลายโดยตำหนักเทพปีศาจ เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาก็จะลงไปอยู่ร่วมกับแก” จาโหลหลัวแสยะยิ้มเผยฟันขาว

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับไอสังหารเย็นเยือก มู่เฉินก็เอียงศีรษะมองไปพลางยิ้มบาง “ก็อาจเป็นเช่นนั้น งั้นไว้เจอกันครั้งหน้า”

เจอกันครั้งหน้า?

จาโหลหลัวอึ้งไปก่อนที่รอยยิ้มเย้ยหยันที่ติดอยู่ที่มุมปากจะหนาแน่นขึ้น เขาส่ายหน้าอย่างปลงๆ เจ้านี่ยังหวังจะพบกันใหม่อีกครั้ง ไร้เดียงสาเหลือเกิน

ดูเหมือนสถานการณ์ที่สิ้นหวังนี้ก็ทำให้มู่เฉินสูญเสียความสงบและเริ่มมีท่าทางแปลกพิกลขึ้นมา

คิดถึงจุดนี้จาโหลหลัวก็รู้สึกมีความสุขมากขึ้น จากนั้นเขาก็ไม่สนใจมู่เฉินอีกต่อไป เดินผ่านมู่เฉินออกจากโถงเละเทะแห่งนี้ไปและเริ่มค้นหาอาวุธมหสวรรค์ที่จอมพลหนึ่งทิ้งไว้

มู่เฉินไม่ได้ขัดขวาง ตอนนี้คู่ต่อสู้ของเขาคือผู้อาวุโสจั่วแห่งตำหนักเทพปีศาจ ส่วนจาโหลหลัวจะพบกันอีกครั้งในอนาคต

เมื่อจาโหลหลัวไปแล้วความสงบในโถงก็กลับคืนมาก่อนที่ผู้อาวุโสจั่วจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองไปที่มู่เฉินโดยไม่มีการแสดงออกใดๆ “ตาแก่คนนี้เป็นผู้คุมกฎของตำหนักเทพปีศาจ ทุกคนที่ตายในเงื้อมมือของข้าได้ลิ้มรสความทรมานที่เกินกว่าอะไร ดังนั้นถ้าแกฆ่าตัวตายตอนนี้ข้าก็จะปล่อยไปอย่างง่ายดาย”

เสียงแหบแห้ง แต่ความเย็นชาในน้ำเสียงทำให้ฟังดูน่าขนลุก

ใครก็บอกได้ว่าอารมณ์ของผู้อาวุโสจั่วไม่ดีเลย เพราะไม่มีใครรู้สึกดีหลังจากต้องจ่ายราคาแพงระยับเพื่อเข้าสู่วังสวรรค์บรรพกาล

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสจั่ว มู่เฉินกลับยิ้มบาง “ดูเหมือนครั้งนี้ข้าจะค่อนข้างโชคดี”

ถ้ามู่เฉินเจอสถานการณ์นี้เมื่อครึ่งวันก่อนคงได้ตายแน่ๆ ต่อให้จะงัดทุกวิถีทางออกมา เขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสจั่วคนนี้

แต่โชคดีที่เขาได้รับกองทัพสังหารวิญญาณในครึ่งวันที่ผ่านมา

ดังนั้นผลลัพธ์จึงเริ่มเปลี่ยนไป

ทว่าปะทะกับคำพูดของมู่เฉิน ผู้อาวุโสจั่วก็พยักหน้า “แกโชคดีที่จะตายสบายๆ ในมือข้า”

เห็นชัดที่เขาคิดว่ามู่เฉินดีใจที่เขาให้ทางเลือกอีกฝ่ายตายอย่างสบาย ภายใต้สถานการณ์ปกติก็เป็นเช่นนั้นอย่างแท้จริง เนื่องจากความตายถือได้ว่าเป็นอิสระสำหรับจอมยุทธ์ระดับนี้ที่ตกอยู่ในมือของเขา

มู่เฉินอึ้งก่อนจะคลี่ยิ้ม ครู่ต่อมาก็อดหัวเราะไม่ได้ก่อนจะค่อยๆ สงบสติอารมณ์พูดอย่างเย็นชาว่า “ถ้าตาแก่พิการอย่างแกไสหัวไปตอนนี้ บางทีข้าอาจจะไว้ชีวิตแกก็ได้”

ยืนอยู่หน้าประตูท่าทางของผู้อาวุโสจั่วก็แข็งขึ้น จากนั้นครู่หนึ่งก็ค่อยๆ ฟื้นสติมองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาที่ไม่เชื่อ

มดใช้น้ำเสียงนี้พูดกับเขา?

ใบหน้าของผู้อาวุโสจั่วกระตุก มู่เฉินสามารถเห็นได้ว่ามืออีกฝ่ายสั่นระริกไปหมด ในเวลาเดียวกันความผันผวนของคลื่นหลิงที่น่ากลัวก็ระเบิดออกมาจากร่างกาย

ตู้ม ตู้ม!

รอยแตกสีดำปรากฏขึ้นในมิติราวกับว่าไม่สามารถทนรับคลื่นกระแทกที่น่าสะพรึงกลัว

ภายใต้ความผันผวนที่น่ากลัว มู่เฉินก็ราวกับประกายไฟ ประหนึ่งบิดปลิวไปได้ด้วยการเป่าเบาๆ

ใบหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไปรุนแรง ภายใต้แรงกดดันที่น่ากลัวเขารู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วสรรพางค์กายซึ่งทำให้เขาตกใจ พลังระดับตี้จื้อจุนน่ากลัวแท้จริง การเปรียบเทียบระหว่างระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มกับระดับตี้จื้อจุน ก็คล้ายหิ่งห้อยกับดวงจันทร์

เมื่อคลื่นหลิงไร้ขอบเขตแผ่ออกไป ผู้อาวุโสจั่วก็มองไปที่มู่เฉินด้วยใบหน้าโหดเหี้ยม “ตาแก่คนนี้จะให้แกเจอกับความทรมานทุกรูปแบบ เมื่อถึงเวลานั้นแกจะรู้ว่าการตายฟุ่มเฟือยเป็นอย่างไร!”

เห็นชัดว่าเขาโกรธมู่เฉินแบบสุดๆ ตอนแรกเขาคิดว่าการให้มู่เฉินฆ่าตัวตายถือได้ว่าเป็นพระคุณของเขา แต่ใครจะคิดว่าไอ้หนูสารเลวนี่จะดื้อรั้นขนาดนี้?

“จริงเหรอ?”

ทว่าเผชิญกับแรงกดดันคลื่นหลิงทรงพลังที่มาจากผู้อาวุโสจั่ว มู่เฉินก็ยิ้มกว้างขณะหยิบป้ายกองทัพโบราณออกมา

“ฮ่าๆ ข้าแสวงหาพลังระดับตี้จื้อจุนมานานแล้ว ไม่คิดว่าจะได้สัมผัสในวันนี้”

เขายิ้มให้ผู้อาวุโสจั่วก่อนที่ป้ายในมือจะเปล่งประกายแวววาว ริ้วแสงนับไม่ถ้วนบินฉวัดเฉวียนออกมา

ตู้ม! ตู้ม!

ริ้วแสงเหล่านั้นพุ่งออกมาตกลงบนพื้น แผ่นพื้นในโถงก็แตกมีร่างเงาในชุดเกราะหนักยืนอยู่อย่างเงียบๆ

เมื่อร่างเงาเหล่านั้นปรากฏขึ้น รัศมีจั้นยี่สีแดงเข้มก็พวยพุ่งออกมาตอบโต้และลบแรงกดดันคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัวที่มาจากผู้อาวุโสจั่ว

เมื่อผู้อาวุโสจั่วเห็นฉากนี้ก็ตะลึงก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนไปอย่างมาก

“นี่…นี่คือกองทัพ?!”

ผู้อาวุโสจั่วมองไปที่นักรบหุ้มเกราะหนักในโถงด้วยความตกใจก่อนที่จะอุทานอย่างหวาดกลัว

นี่เป็นกองทัพชั้นสูงแท้จริง เมื่อพิจารณาจากรัศมีจั้นยี่น่าสะพรึงกลัวที่มาจากพวกเขาก็สามารถเทียบเคียงได้กับระดับตี้จื้อจุน!

“จะ…เจ้าครอบครองกองทัพชั้นยอดเช่นนี้ได้อย่างไร?!” ผู้อาวุโสจั่วคำรามด้วยความไม่เชื่อ กองทัพชั้นยอดเช่นนี้หาได้ยากแม้แต่ในทวีปเทียนหลัว กระทั่งตำหนักเทพปีศาจก็ไม่มีใครครอบครอง ดังนั้นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มแบบนี้จะมีได้อย่างไร?

มู่เฉินยืนอยู่ด้านหลังกองทัพสังหารวิญญาณสัมผัสได้ถึงรัศมีจั้นยี่ที่ยิ่งใหญ่และน่ากลัว หมัดของเขาสั่นเทิ้มด้วยความตื่นเต้น เขาโหยหาพลังนี้มานานแค่ไหนแล้ว?

แต่ตอนนี้ในที่สุดเขาก็ได้ครอบครอง!

“ทำไม? แปลกใจมากเหรอ” มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองผู้อาวุโสจั่วที่ไม่สงบนิ่งเหมือนก่อนหน้าพร้อมคลี่รอยยิ้มเย้ยหยัน

ใบหน้าของผู้อาวุโสจั่วเปลี่ยนไปจากนั้นครู่หนึ่งก็เยาะเย้ย “ช่างเป็นโอกาสที่ดีที่เด็กอย่างแกได้รับกองทัพชั้นยอดเช่นนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงกล้ามาก แต่แกก็โง่พอที่จะคิดว่าสามารถปลดปล่อยพลังที่รับมาแบบเต็มที่ได้เหรอ?”

แม้แต่กองทัพที่ทรงพลังก็ยังต้องการจั้นเจิ้นซือที่ทรงพลังเช่นเดียวกัน เมื่อทั้งสองจับคู่กันพลังที่แท้จริงถึงจะถูกปลดปล่อยออกมาได้

กองทัพชั้นยอดเบื้องหน้านี้ ถ้าต้องการควบคุมก็ต้องเป็นไป่วั่นเหวินจั้นเจิ้นซือถึงจะสามารถทำได้

จั้นเจิ้นซือระดับนั้นมีน้อยนิดในทวีปเทียนหลัว เจ้าเด็กนั่นไม่ใช่หนึ่งในนั้นแน่นอน

“งั้นเหรอ?”

ทว่าเผชิญกับข้อกังขาของผู้อาวุโสจั่ว มู่เฉินก็ยิ้มอ่อนก่อนที่จะยกมือขึ้นช้าๆ

เมื่อมองไปที่รอยยิ้มนั่น ผู้อาวุโสจั่วก็หดดวงตาด้วยความไม่สบายใจในส่วนลึกของหัวใจ

ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างสมบูรณ์ในอึดใจต่อมา

นั่นเป็นเพราะเขาเห็นว่าเมื่อมู่เฉินค่อยๆ ยกมือขึ้น นักรบที่น่าสะพรึงก็กระแทกง้าวในมือลงบนพื้นอย่างหนักหน่วง รัศมีจั้นยี่สีแดงเข้มรวมตัวเป็นเมฆสีแดงเข้มเหนือกองทัพ

ผู้อาวุโสจั่วตัวสั่นจากหัวจรดเท้าขณะที่ความหวาดผวาและความไม่เชื่อปกคลุมใบหน้า

นั่นเป็นเพราะตอนนี้ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้แล้วว่าเจ้าเด็กคนนี้สามารถบัญชาการกองทัพที่น่ากลัวได้จริงๆ!

นี่…เป็น-ไป-ได้-ยังไง?!