บทที่ 490.1 รีบเดินทางไปยังเมืองจิงกวาน

กระบี่จงมา! Sword of Coming

ทางเข้าหุบเขาผีร้ายคือซุ้มป้ายประตูขนาดใหญ่ยักษ์แห่งหนึ่ง ซุ้มด้านหน้าสุดคือซุ้มหกเสาห้าห้องสิบเอ็ดยอดซึ่งนับว่าเป็นขนาดที่โอ่อ่าจนน่าตกใจ ใช้แก้วไสสีเขียวและสีเหลืองที่มีชื่อเสียงและล้ำค่าฝังเลื่อมติดกับผนัง บนตัวมังกรทุกตัวที่เลื้อยพันอยู่บนเสาล้วนแกะสลักเป็นภาพปราบมารของบรรพบุรุษสำนักพีหมาแต่ละยุคสมัย ส่วนกรอบป้ายนั้นก็ค่อนข้างจะ ‘ยิ่งใหญ่ตระการตา’

ผู้ฝึกตนและผู้ฝึกยุทธเต็มตัวมักจะมีสายตาที่ดีเยี่ยมเสมอ เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้หลังจากที่เฉินผิงอันมองไปยังซุ้มป้ายกลับมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของทางเส้นนี้เลย ราวกับว่ายังมีเวทบังตาอำพรางอยู่

แต่เมื่อเทียบกับประตูที่เชื่อมโยงระหว่างภูเขาห้อยหัวและกำแพงเมืองปราณกระบี่แล้ว ความลี้ลับมหัศจรรย์ของซุ้มป้ายแห่งนี้จึงไม่อาจทำให้เฉินผิงอันตื่นตะลึงได้

เฉินผิงอันหาที่นั่งใกล้ๆ กับซุ้มประตูเพื่ออ่านหนังสือมาหนึ่งชั่วยามกว่าแล้ว เพราะว่าอ่านอย่างละเอียด ไม่ยอมให้พลาดรายละเอียดเล็กน้อยใดๆ ไป ถึงได้ใช้เวลาอ่านไปเกือบครึ่งวัน แล้วก็คิดว่าวันนี้จะพักค้างแรมในโรงเตี๊ยมของตลาดที่ห่างจากที่นี่ไปไม่ไกลนัก พรุ่งนี้ค่อยตัดสินใจใหม่ว่าจะไปชื่นชมทัศนียภาพริมอาณาเขตของหุบเขาผีร้ายหรือเดินผ่านซุ้มป้ายนั้นเข้า ไปหาประสบการณ์กลางหุบเขากันแน่ เขาไม่ได้รีบร้อน

เฉินผิงอันเก็บหนังสือ เดินไปทางตลาดที่คึกคักแห่งนั้น สถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ที่สำนักพีหมาให้ผู้ฝึกตนสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่งของชายหาดโครงกระดูกเช่าแล้วจัดการเอาเอง กิจการส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นเช่นเดียวกันนี้ นั่นคือผู้ฝึกตนสำนักพีหมาจะไม่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องหรือดูแลด้วยตัวเอง เพราะถึงอย่างไรเมื่อนับรวมกันแล้วผู้ฝึกตนของสำนักพีหมาก็มีไม่ถึงสองร้อยคน อีกทั้งกิจการบ้านเรือนยังใหญ่โต หากจะให้ลงมือทำเองไปเสียทุกเรื่องย่อมถ่วงรั้งการฝึกตนบนมหามรรคา ได้ไม่คุ้มเสีย

เพียงแต่ว่าก่อกำเนิดแซ่ซูที่เฝ้าพิทักษ์เรือข้ามทวีป กับโอสถทองแซ่หยางที่ตรวจตรานครปี้ฮว่ากลับเป็นข้อยกเว้น เพราะว่าสองเรื่องนี้เกี่ยวพันไปถึงหน้าตาและเรื่องภายในของสำนักพีหมา

ภูเขาลั่วพั่วในทุกวันนี้เริ่มมีเค้าโครงของเรือนใหญ่บนภูเขาบ้างแล้ว จูเหลี่ยนและสือโหรวก็เหมือนแยกกันดูแลเรื่องภายในและภายนอกเรือน คนหนึ่งทำกิจธุระอยู่นภูเขา อีกคนหนึ่งดูแลกิจการอยู่ในตรอกฉีหลง

จนกระทั่งออกมาจากเขตการปกครองหลงเฉวียนอย่างแท้จริง บางครั้งระหว่างที่ฝึกหมัดอยู่บนเรือข้ามทวีปลำนั้น เฉินผิงอันก็จะย้อนนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ถึงได้รู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างน่าสนใจ คนสองคนที่มีลักษณะเหมือนผู้ดูแลนี้ คนหนึ่งเป็นถึงผู้ฝึกยุทธขอบเขตเดินทางไกล ส่วนอีกคนก็เป็นผีสาวโครงกระดูกที่สวมคราบร่างเซียน ใครเล่าจะจินตนาการได้ถึง?

ก่อนที่เฉินผิงอันจะออกมาจากภูเขาลั่วพั่วก็ได้บอกกล่าวแก่จูเหลี่ยนเรียบร้อยแล้วว่าตนจะไม่ใช้กระบี่บินส่งข่าวกลับมาที่ภูเขาหนิวเจี่ยวง่ายๆ ส่วนกระบี่บินสองเล่มที่ซ่อนอยู่ในเนินกระบี่ขนาดเล็กนั้นก็ไม่อาจข้ามทวีปได้ ดังนั้นการเดินทางไกลมาเยือนอุตรกุรุทวีปครั้งนี้คือการมาอย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง ไร้พันธนาการใดๆ อย่างแท้จริง

เพราะถึงอย่างไรภูเขาลั่วพั่วในทุกวันนี้ก็มั่นคงปลอดภัยอย่างมาก

คนที่ต้องกริ่งเกรง ควรจะเป็นคนอื่นมากกว่า

เฉินผิงอันเดินอยู่บนถนน ยกมือประคองงอบแล้วหัวเราะอยู่กับตัวเอง ร้านผ้าห่อบุญร้านนี้ของตนก็น่าจะหาเงินมาเพิ่มบ้างได้แล้ว

ชายหาดโครงกระดูกคือสถานที่ที่ไม่ใช้หลักพิธีการของลัทธิขงจื๊อ ตลาดเล็กไม่มีชื่อถูกคนในพื้นที่เรียกว่าด่านไน่เหอ (หมดปัญญา/ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร/จนใจ) หลังจากเรียกจนติดปาก ไปๆ มาๆ ทุกคนก็ให้การยอมรับชื่อนี้

ต่อให้ดวงอาทิตย์จะลอยสูงเหนือหัว ตรอกซอกซอยของตลาดแห่งนี้ก็ยังคงมีบรรยากาศอึมครึม เยียบเย็นอย่างเห็นได้ชัด ตามคำบอกของตำรา ‘รวมเล่มวางใจ’ ฉบับที่สำนักพีหมาจัดพิมพ์เล่มนี้ สาเหตุที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะปราณหยินในหุบเขาผีร้ายแผ่ออกมาภายนอก ดังนั้นคนที่มีร่างกายอ่อนแอจึงไม่อาจอยู่ใกล้ ทว่าปราณหยินที่ฟังดูแล้วน่ากลัวอย่างมากพวกนี้กลับมีบันทึกไว้บนกระดาษอย่างชัดเจนว่าได้ถูกค่ายกลภูเขาแม่น้ำของสำนักพีหมาหล่อหลอมจนค่อนข้างจะบริสุทธิ์และสมดุลแล้ว เหมาะให้ผู้ฝึกตนดูดซับไปโดยตรงในระดับหนึ่ง ดังนั้นขอแค่ผู้ฝึกลมปราณทะยานลมลอยตัวกลางอากาศมองไปก็จะพบว่าไม่เพียงแต่บริเวณโดยรอบตลาดแห่งนี้เท่านั้น เส้นชายแดนรอบหุบเขาผีร้ายก็มีผู้ฝึกลมปราณจำนวนมากมาสร้างกระท่อมฝึกตนอยู่ที่นี่ กระท่อมที่เรียบง่ายแต่ไม่สามัญแต่ละหลังกระจายตัวกันเหมือนดวงดาว ถี่ห่างอย่างเหมาะสม กระท่อมเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ฝึกตนของสำนักพีหมาที่เชี่ยวชาญศาสตร์ฮวงจุ้ยเชิญให้คนมาสร้างไว้บน ‘ตาน้ำพุ’ ที่มีปราณหยินเข้มข้นเหล่านั้น อีกทั้งกระท่อมทุกหลังยังวางเบาะที่ศาลซานหลางทำขึ้นด้วยวิธีการลับ ผู้ฝึกตนสามารถยืมใช้กระท่อมหลังหนึ่งในช่วงเวลาสั้นๆ ได้ พวกที่มีเงินมากหน่อยก็สามารถกว้านซื้อเอาไว้ได้เลย ใน ‘รวมเล่มวางใจ’ เล่มนั้นก็มีราคาระบุไว้อย่างละเอียด

นี่คงจะเป็นวิธีการหาเงินของสำนักพีหมา

วันหน้าภูเขาลั่วพั่วต้องเรียนรู้จากพวกเขาให้ดีๆ ซะแล้ว

หลังจากเข้ามาในตลาด เฉินผิงอันก็เดินเล่นไปตลอดทาง พบว่าร้านค้าแทบทุกร้านคล้วนขายกระดูกขาวชนิดหนึ่งที่ใสแวววาวเหมือนหยก นี่คืออัญมณีหลังกำเนิดชนิดหนึ่งที่ ‘รวมเล่มวางใจ’ อธิบายไว้อย่างละเอียดในบทดำเนินการค้า ค่อนข้างจะล้ำค่า แรกเริ่มเดิมทีเหล่าภูตผีจำนวนมากที่ถือกำเนิดในซากปรักสนามรบโบราณของหุบเขาผีร้ายกรูกันมารวมกัน ครึ่งหนึ่งในนั้นถูกผู้ฝึกตนสำนักพีหมาจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลขับไล่มาถึงที่นี่ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกมันสร้างหายนะให้แก่ทั้งชายหาดโครงกระดูก

ภายหลังวัตถุหยินเหล่านี้ส่วนหนึ่งก็ขอบเขตเลื่อนสูงเหมือนกับผู้ฝึกลมปราณ ภายใต้โชควาสนาในรูปแบบต่างๆ ก็ได้กลายมาเป็นวิญญาณวีรบุรุษเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาและแม่น้ำ แต่ส่วนที่มากกว่านั้นกลับกลายไปเป็นผีร้ายพยาบาทที่กระทำการอย่างกำเริบเสิบสาน ท่ามกลางกาลเวลาอันยาวนานก็ได้มีวิญญาณหยินแข็งแกร่งที่ ‘กินผีเป็นอาหาร’ ปรากฏขึ้น ทั้งสองฝ่ายรบราเข่นฆ่ากันเอง ฝ่ายที่พ่ายแพ้ก็จิตวิญญาณแหลกสลาย กลายไปเป็นปราณหยินของหุบเขาผีร้าย สูญเสียโอกาสในการไปจุติเกิดใหม่ ส่วนกระดูกขาวโพลนระดับขั้นสูงต่ำไม่เท่ากันก็กระจัดกระจายไปทั่วสี่ทิศ โดยทั่วไปแล้วจะถูกผู้ชนะเก็บสะสมไว้เป็นผลงานแห่งชัยชนะ

ผู้ฝึกลมปราณและผู้ฝึกยุทธเต็มตัวเข้ามาหาประสบการณ์ในหุบเขาผีร้าย โครงกระดูกที่ขาวกระจ่างราวหยกพิสุทธิ์เหล่านี้จึงกลายมาเป็นของรางวัลที่ราคาไม่ธรรมดาชิ้นหนึ่ง

พ่อค้าบนภูเขาส่วนใหญ่ล้วนมาที่นี่เพื่อซื้อกระดูกขาวที่ถูกหุบเขาผีร้ายใช้ปราณหยินที่เข้มข้นมาหล่อหลอมให้บริสุทธิ์อย่างถึงที่สุด เพราะถือเป็นวัสดุที่ดีเยี่ยมในการนำไปทำเป็นอาวุธหรือสมบัติแห่งโลกมืด

สุดท้ายเฉินผิงอันเดินเข้าไปในร้านที่ใหญ่ที่สุดร้านหนึ่งของตลาด ในร้านมีนักท่องเที่ยวอยู่เยอะมาก พวกเขากำลังมองประเมินสมบัติพิทักษ์ร้านที่ถูกผนึกเก็บไว้ในชั้นวางกระจกใส นั่นคือโครงกระดูกวิญญาณหยินของเจ้านครบางแห่งที่นครล่มสลายไปแล้วของหุบเขาผีร้าย สูงหนึ่งจั้ง เมื่ออยู่ในชั้นแก้วก็ได้ถูกทางร้านจงใจจัดให้อยู่ในท่านั่ง มือสองข้างกำเป็นหมัดวางไว้บนหัวเข่า ทอดสายตามองไปไกล ต่อให้เป็นวัตถุไร้ชีวิตไปแล้ว แต่กระนั้นก็ยังคงมีมาดองอาจของผู้เผด็จการหลงเหลืออยู่

ทั่วโครงกระดูกขาวร่างนี้รัดพันเต็มไปด้วยเส้นสีเงินธรรมชาติที่ถักทอกัน ส่องประกายแสงวิบวับไม่หยุดนิ่ง

ว่ากันว่าเจ้าของโครงกระดูกร่างนี้ ‘ตอนยังมีชีวิตอยู่’ คือวิญญาณวีรบุรุษที่ขอบเขตเท่าเทียมกับเซียนดินก่อกำเนิด นิสัยพยศยากจะกำราบ เป็นผู้นำภูตผีแปดพันตน ตั้งตนเป็นราชาออกกรีฑาทัพไปสี่ทิศ ปกครองหุบเขาผีร้ายร่วมกับขอบเขตหยกดิบคนนั้น จึงมีความขัดแย้งเกิดขึ้นหลายครั้ง แต่ใน ‘รวมเล่มวางใจ’ กลับไม่ได้มีบันทึกเกี่ยวกับการดับสูญของวิญญาณวีรบุรุษตนนี้ แต่ตามคำบอกของลูกจ้างหนุ่มของร้านค้าที่ฝอยจนน้ำลายแตกฟอง เป็นเพราะในอดีตเถ้าแก่ของตนได้รู้จักกับเซียนกระบี่จากทางเหนือท่านหนึ่งที่อำพรางตัวตนได้อย่างลึกล้ำ จงใจปรากฎตัวด้วยสถานะของผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตถ้ำสถิต ทว่าเถ้าแก่กลับถูกชะตากับเขาอย่างมาก จึงปฏิบัติต่อเขาด้วยความมีมารยาท ผลก็คือหลังจากที่เซียนกระบี่ท่านนี้เข้าไปเยือนในหุบเขาผีร้ายก็ได้นำกระดูกขาวมูลค่าควรเมืองนี้ออกมา แล้วมอบให้แก่ทางร้านโดยตรง บอกว่าถือซะว่าเป็นค่าเหล้าที่ติดค้างไว้ก่อนหน้านี้ แล้วก็ไม่ได้บอกชื่อเสียงเรียงนามที่แท้จริง เพียงจากไปทั้งอย่างนั้น

หากอยู่ที่อื่นแล้วได้ยินเรื่องเหลวไหลที่น่าขบขันประเภทำนองนี้ เฉินผิงอันต้องไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอน แต่เมื่ออยู่ในอุตรกุรุทวีป เขากลับเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

โครงกระดูกขาววิญญาณวีรบุรุษที่ราวกับเป็น ‘กิ่งทองใบหยก’ (ในภาษาจีนสำนวนนี้จะหมายถึงร่างกายที่สูงส่งล้ำค่าของชนชั้นสูงหรือเชื้อพระวงศ์) ของเซียนดินท่านหนึ่งร่างนี้คือสมบัติอาคมชั้นสูงสมชื่ออย่างแท้จริง ลูกจ้างร้านบอกว่าในสถานการณ์ทั่วไปจะไม่ขาย แต่หากมีความจริงใจมากพอก็สามารถปรึกษากันได้ แต่ลูกจ้างร้านก็พูดอย่างชัดเจนแล้วว่า หากในกระเป๋าไม่มีเงินฝนธัญพืชสี่สิบห้าสิบเหรียญก็ไม่ต้องพูดถึงเลย หลีกเลี่ยงไม่ให้ต้องเปลืองน้ำลายกันทั้งสองฝ่าย ทว่าต่อให้จะมีราคาสูงเทียมฟ้าเช่นนี้ เฉินผิงอันก็ยังสังเกตเห็นว่ามีคนหลายคนในร้านที่ทำท่าหมายมั่นปั้นมือ

เฉินผิงอันไม่คิดจะร่วมวงความครึกครื้นนี้ด้วย

ออกมาจากร้าน เดินตามหาโรงเตี๊ยมจนเจอ ห้องพักไม่หรูหรานัก แต่สะอาดสะอ้านเงียบสงบ คล้ายคลึงกับร้านน้ำชาที่ท่าเรือของลำคลองเหยาเย่ที่ต่างก็ไม่เห็นค่าในเงินขาวหรือทองคำ ราคาเริ่มต้นหนึ่งเหรียญเงินเกล็ดหิมะ สามารถเข้าพักได้สามวัน ไม่รวมอาหารและสุรา หากเป็นราชวงศ์ในโลกมนุษย์ล่างภูเขา ต่อให้เป็นเมืองหลวงต้าหลีที่มีเศรษฐีอยู่อาศัยมากมายดุจก้อนเมฆ หากเป็นห้องพักในโรงเตี๊ยมที่ขนาดห้องเท่าเปลือกหอยแล้วยังกล้าเก็บเงินวันละสามร้อยตำลึงเงินล่ะก็ เกรงว่าคงจมน้ำลายคนตายไปนานแล้ว

เฉินผิงอันปลดงอบและเจี้ยนเซียนที่สะพายอยู่ด้านหลังลง แล้วอ่าน ‘รวมเล่มวางใจ’ ที่ยิ่งอ่านก็ยิ่งทำให้คนไม่วางใจเล่มนั้นต่ออีกครั้ง

ชายหาดโครงกระดูกคือหนึ่งในโบราณสถานอันเป็นซากสนามรบโบราณขนาดใหญ่สิบแห่งของอุตรกุรุทวีป หุบเขาผีร้ายก็ยิ่งพิเศษ เพราะเป็นจุดน้ำวนของแม่น้ำแห่งกาลเวลา คือฟ้าดินขนาดเล็กที่เหมือนโลกแห่งวิญญาณ อาณาเขตไม่เป็นรองชายหาดโครงกระดูกใน ‘โลกคนเป็น’ แม้แต่น้อย หนึ่งในนั้นมีวิญญาณวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถเทียบเคียงได้กับตบะขอบเขตหยกดิบในทุกวันนี้ ลุกผงาดโดดเด่นเหนือใคร เรียกหนึ่งคำร้อยคนขาน รวบรวมขุนพลหยินทหารหยินไว้ได้หลายหมื่นตน แล้วสร้างนครจิงกวานกระดูกขาวที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไว้แห่งหนึ่ง เหมือนเมืองหลวงของราชวงศ์ อีกทั้งบริเวณโดยรอบยังมีนครน้อยใหญ่อีกหลายสิบแห่ง ครึ่งหนึ่งล้วนพึ่งพานครจิงกวาน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งนั้นเป็นกิจการที่พวกภูตผีซึ่งมีตบะลึกล้ำสร้างขึ้น เป็นการคุมเชิงอยู่กับนครจิงกวานไกลๆ ด้วยไม่ยินดีเป็นข้ารับใช้พักพิงอยู่ใต้ชายคาของผู้อื่น ช่วงเวลาพันปีที่ผ่านมาจึงมีทั้งการร่วมมือกันต้านรับศัตรูและร่วมมือกันจู่โจมศัตรู ภูตผีในหุบเขาผีร้ายมีน้อยลงเรื่อยๆ แต่ก็แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน

วัตถุหยินของหุบเขาผีร้ายในประวัติศาสตร์เคยพยายามจะบุกฝ่าเส้นอาณาเขตมาสองครั้ง หมายจะออกจากด่านใหญ่บุกเข้าไปในชายหาดโครงกระดูก ทางที่ดีที่สุดคือสามารถเลียบลำคลองเหยาเย่ขึ้นไปทางเหนือ ฮุบกลืนแคว้นสองแห่งที่อยู่ระหว่างทางในรวดเดียว จากนั้นก็ลักพาตัวคนเป็นกลับไปที่หุบเขาผีร้าย ใช้วิชาลับอำมหิตมาแช่ร่างสร้างวัตถุหยินภูตผีขึ้นมาใหม่ เพิ่มกองกำลังให้แข็งแกร่ง โชคดีที่ผู้ฝึกตนสำนักพีหมาขัดขวางเอาไว้ได้ แต่กระนั้นก็ทำให้สำนักพีหมาสูญเสียพลังต้นกำเนิดอย่างใหญ่หลวง พลังอำนาจก็ดิ่งจากยอดเขาตกลงสู่หุบเหว

นับตั้งแต่ที่สำนักพีหมาหยัดยืนอยู่ในอุตรกุรุทวีปได้อย่างมั่นคงไปจนถึงบุกเบิกที่ดินก่อตั้งพรรค เรียกได้ว่าทุกเรื่องไม่เคยราบรื่น

แต่รากฐานของอุตรกุรุทวีปก็ลึกล้ำมากพอ ด้วยเหตุนี้จึงเห็นได้ว่า ชายหาดโครงกระดูกแห่งหนึ่ง ลำพังเพียงแค่สำนักพีหมาก็มีบรรพบุรุษขอบเขตหยกดิบถึงสามท่าน หุบเขาผีร้ายก็มีหนึ่งท่าน

หันกลับมามองแจกันสมบัติทวีป หากไม่เป็นเพราะมียอดฝีมือหยิบมือหนึ่งแทรกซอนเข้าไปอย่างลับๆ ลำพังเพียงแค่ผู้ฝึกตนที่เกิดและเติบโตขึ้นมาในแจกันสมบัติทวีป ผู้ที่กลายเป็นผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนที่ยืนอยู่บนยอดเขาก็มีน้อยจนนับนิ้วได้

แต่ว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ชุยตงซานได้เอ่ยเตือนมาล่วงหน้าก่อนแล้ว บอกว่าอาณาเขตของแจกันสมบัติทวีปไม่ถึงสามส่วนของอุตรกุรุทวีป ขอบเขตหยกดิบของแจกันสมบัติทวีปมีจำนวนน้อยนิด ก็ถือเป็นบุคคลที่เป็นดั่งขนหงส์เขากิเลน พลังอำนาจไม่อาจเทียบกับทวีปอื่นได้ แต่ขอแค่ผู้ฝึกตนของแจกันสมบัติทวีปได้เลื่อนขั้นเป็นห้าขอบเขตบนก็ยิ่งไม่ใช่ตะเกียงที่ประหยัดน้ำมันอะไรเลย ยกตัวอย่างเช่นหลิวเหล่าเฉิงแห่งทะเลสาบซูเจี่ยน รวมไปถึงลูกรักแห่งสวรรค์อย่างเว่ยจิ้นแห่งศาลลมหิมะที่ต่างก็ถือว่าเป็นบุคคลประเภทที่แบ่งเอาโชคชะตาส่วนหนึ่งของทวีปไป หากจับคู่เข่นฆ่ากับผู้ฝึกตนขอบเขตเดียวกันของอุตรกุรุทวีปหรือใบถงทวีป โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลที่มีชีวิตสุขสบายทั้งหลาย โอกาสที่หลิวเหล่าเฉิงและเว่ยจิ้นจะชนะกลับมีสูงมาก

—–