ทันใดนั้น กลุ่มคนส่งเสียงเอะอะโวยวายขึ้นอีกครั้ง
หานสงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันรู้ นั่นต้องเป็นผู้หญิงของสหายลู่แน่นอน แย่งมาก็ต้องเป็นของนายสิ นายถีบจนเทียนชิงหยางเลือดไหลออกมาเลยนะ”
เด็กน้อยที่อยู่ข้างๆ ยื่นหน้าเข้ามาพูดว่า “อีกทั้งยังเป็นแบบที่เลือดพุ่งเป็นเมตรด้วยนะ”
ลู่ฝานพูดด้วยใบหน้ากลัดกลุ้ม “ไม่ได้เวอร์ขนาดนั้นหรอก”
หานสงพูดว่า “นี่เรียกว่าเวอร์เหรอ สหายลู่ฝาน นายลองไปฟังข้างนอกสิ ตอนนี้กำลังพูดกันว่านายเกือบถีบเทียนชิงหยางจนตายเลยนะ เดาว่าพูดกันอีกสักสองวัน จะกลายเป็นว่านายใช้กลิ่นเท้ารมควันเทียนชิงหยางจนตาย!”
ทุกคนหัวเราะลั่น ลู่ฝานไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว
ลู่ฝานกลับมาที่หลังภูเขาตระกูลหาน พร้อมกลุ่มคนที่ล้อมเขาจนแน่น เพิ่งเดินถึงตีนเขา ก็เห็นหานอู๋ซวงกับหานจุนเดินมาพร้อมกัน
ลู่ฝานพูดด้วยรอยยิ้ม “ลุงหาน คงไม่ได้จะไล่ฉันออกไปอีกใช่ไหม!”
หานอู๋ซวงหัวเราะลั่นแล้วพูดว่า “ไล่ออกไปเหรอ ตอนนี้ใครกล้าไล่นายออกจากตระกูลหาน ถ้าเด็กพวกนี้ไม่ไปสู้กับเขาจนตายถึงจะแปลก ไปดื่มชากับลุงสักแก้ว เด็กอย่างนายมีความสามารถจริงๆ เห็นว่าวันนี้ทำให้เทียนชิงหยางขายหน้า ตบหน้าเขาและทำให้คนตระกูลเทียนขายหน้า สะใจจริงๆ!”
หานอู๋ซวงใช้มือดึงหานสงไปด้านข้าง แล้วดึงลู่ฝานเดินไปด้านบน
เมื่อเดินมาได้ประมาณครึ่งไหล่เขา ลู่ฝานเห็นสิบสามกำลังฝึกบู๊อย่างหนักหน่วง ส่วนเจ้าดำหาวอยู่ข้างๆ ไม่หยุด
“เจ้านาย!”
เมื่อเห็นลู่ฝาน สิบสามพูดแล้วโค้งคำนับพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม คิดดูแล้วพวกเขาก็ไม่ได้เจอกันระยะหนึ่งแล้ว
เจ้าดำกระโจนเข้ามาทันที มันกอดไหล่ลู่ฝานไม่ยอมปล่อย
ลู่ฝานลูบหัวเจ้าดำแล้วเดินต่อไปด้านบนกับหานอู๋ซวง
พวกลูกหลานตระกูลหานที่อยู่ด้านหลัง โดนหานจุนขวางไว้ เขาโบกมือไปมาแล้วพูดว่า “ไปซะๆๆ ไม่มีอะไรทำเหรอ ไปฝึกบู๊ให้หมด!”
กลุ่มคนออกไปอย่างไม่เต็มใจ หานจุนเดินพลางตะโกนพูดกับลู่ฝาน “สหายลู่ฝาน อย่าลืมมาดื่มเหล้ากับฉันนะ!”
ลู่ฝานพยักหน้าตอบรับ
เมื่อใกล้ถึงยอดเขา หานอู๋ซวงพาลู่ฝานมายังศาลาแห่งหนึ่งบนเขา
ด้านบนศาลาเขียนชื่อของศาลาเอาไว้ ซึ่งชื่อมันก็คือ “ศาลา” แสดงให้เห็นสไตล์ของตระกูลหานอย่างชัดเจน
ตอนนี้ด้านในมีผู้อาวุโสนั่งอยู่สองคน ทั้งสองคนมองลู่ฝานเดินมาด้วยรอยยิ้ม ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดว่า “เมื่อกี้ได้ยินว่าคุณชายลู่ฝานแย่งสาวงามที่แม่น้ำหย่งอาน แล้วถีบเทียนชิงหยางด้วย แต่ทำไมตอนนี้คุณชายลู่ฝานกลับมาคนเดียวล่ะ”
หานอู๋ซวงที่อยู่ข้างๆ พูดแนะนำว่า “ลู่ฝาน นี่คือผู้อาวุโสตระกูลหานทั้งสองท่าน นายเรียกผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสรองก็ได้”
ลู่ฝานประสานมือคารวะแล้วพูดว่า “ยินดีที่ได้พบผู้อาวุโสทั้งสอง”
ผู้อาวุโสใหญ่ลูบเครา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นคนหนุ่มที่มีมารยาท แข็งแกร่งกว่าพวกเด็กเวรตระกูลหานของเรามาก นั่งสิๆๆ”
ลู่ฝานนั่งในศาลา ผู้อาวุโสทั้งสองเริ่มมองเขาอย่างประเมิน
“ไม่เลวๆ ช่างเป็นเด็กที่เหมาะกับการฝึกบู๊จริงๆ ลู่ฝาน ตอนนี้วิทยายุทธของนายระดับไหนแล้ว”
ผู้อาวุโสใหญ่พูดด้วยตาเป็นประกาย
ลู่ฝานตอบว่า “เพิ่งแดนปราณดินชั้นสอง ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสถามทำไมครับ”
ผู้อาวุโสใหญ่หัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่มีเรื่องใหญ่อะไรหรอก แค่อยากให้วิทยายุทธของนายพุ่งสูงขึ้นภายในไม่กี่วัน นายคิดว่ายังไง”
ลู่ฝานพูดอย่างประหลาดใจว่า “หมายความว่ายังไง”
หานอู๋ซวงที่อยู่ข้างๆ หัวเราะลั่นแล้วพูดว่า “นายเนี่ยนะ เวลาปกติฉลาดมาก ตอนนี้มาทำเป็นงงทำไม ความหมายของผู้อาวุโสใหญ่ก็คือนายจะก้าวหน้าขึ้น ผู้อาวุโสทั้งสองจะมอบพลังปราณให้นายนิดหน่อย”