ตอนที่ 2010 ถ่อมตัวบ้านคุณสิ!

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 2010 ถ่อมตัวบ้านคุณสิ!

แม้เขาจะรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เอาชนะเขาโดยใช้ศิลปะเพลงดาบเพียงอย่างเดียว แต่ก็อับอายเกินกว่าจะชี้ให้เห็นจุดนั้น เพราะถึงอย่างไรมันก็แย่พออยู่แล้วที่นักรบอมตะขั้นสูงอย่างเขาต้องพ่ายแพ้ให้กับนักรบเสมือนอมตะภายในอึดใจเดียว

“ฮ่าฮ่าฮ่า!” จางเซวียนหัวเราะร่าขณะหันขวับไปมองสมาชิกคนอื่นๆของสภาผู้อาวุโส เสียงของเขาดังก้องเข้าหูทุกคนที่อยู่ตรงนั้น

“ผมอยากรู้เหลือเกินว่าผมจะได้รับเกียรติให้ต่อสู้กับพวกคุณที่เหลือหรือเปล่า พวกคุณจะยอมให้ผมใช้ดาบซ้อมพวกคุณไหม?”

“คุณ…”

“อวดดีเกินไปแล้ว ผมไม่เคยอยากซ้อมใครมากเท่านี้มาก่อนเลย!”

“ตลอด 200 ปีที่ผมมีชีวิตอยู่ ได้พบอัจฉริยะมามากมายนับไม่ถ้วน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่อยากบีบคอใครสักคนมากขนาดนี้!”

“พวกเราคิดผิดหรือเปล่าที่พาเขามาที่นี่?”

ได้ยินคำนั้น หานเจี้ยนชิว ผู้อาวุโสเหอและคนอื่นๆกัดฟันกรอดด้วยความโมโห

ครั้งแรกที่พวกเขารู้ว่ามีใครคนหนึ่งทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้ ก็ตื่นเต้นเสียจนยอมละทิ้งทุกอย่าง ถึงกับฝ่าฝืนธรรมเนียมของสำนักเพื่อควานหาตัวผู้นั้น แต่ในที่สุด เมื่อเจอตัวแล้ว ก็กลับรู้สึกว่าได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต

พูดออกมาได้ว่าจะใช้ดาบซ้อมพวกเรา คุณหมายความว่าต่อให้พวกเราผนึกกำลังกันก็สู้คุณไม่ได้อย่างนั้นหรือ?

หลงตัวเองเกินไปแล้ว!

บังอาจ!

ถ่อมตัวบ้านคุณสิ!

ผู้อาวุโสเหอสูดหายใจลึก จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนและพูดว่า “พูดก็พูดเถอะ แม้เขาจะใช้ค่ายกลของสภาผู้อาวุโสเพื่อทำให้ตัวเองได้เปรียบ แต่ข้อเท็จจริงที่เขาเอาชนะผู้อาวุโสโฉวหั่วได้ในกระบวนท่าเดียวก็บ่งบอกแล้วว่าเขามีสัญชาตญาณการต่อสู้ที่เหนือชั้น ขอผมลองดูสักหน่อย…”

หานเจี้ยนชิวส่ายหน้าและลุกขึ้นยืน “ในเมื่อเขาอยากท้าทายพวกเราพร้อมกันหมดทุกคน เราก็อย่าเสียเวลาเลย สู้กับเขาพร้อมๆกันเถอะ”

“ท่านเจ้าสำนักหาน…”

เหล่าผู้อาวุโสที่อยู่โดยรอบมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากเจ้าสำนัก

พวกเขาคือผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปแห่งนี้ ถ้าใครต่อใครรู้ว่าแต่ละคนลดระดับวรยุทธลงมาเพื่อรับคำท้าของนักรบขั้นเสมือนอมตะ คงถูกนักรบรุ่นเดียวกันล้อเลียนเย้ยหยันไปชั่วชีวิต!

“ผู้ที่ทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จจะสามารถเข้าถึงเทพเจ้าด้วยคมดาบของเขา การที่พวกเราทุกคนจะเผชิญหน้ากับเขาพร้อมๆกันไม่ใช่เรื่องน่าอับอายนะ” หานเจี้ยนชิวตอบอย่างสุขุม

เหล่าผู้อาวุโสลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนในที่สุดจะพยักหน้า

ทวีปที่ถูกลืมคือดินแดนที่ถูกละเลยจากเหล่าเทพเจ้า การที่ใครสักคนทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จ ก็หมายความว่าความเชี่ยวชาญในศิลปะเพลงดาบของผู้นั้นเข้าถึงระดับที่สามารถประชันขันแข่งได้แม้แต่กับเทพเจ้า

แม้ระดับวรยุทธของพวกเขาจะสูงกว่าเจ้าหนุ่มคนนั้นมาก แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอีกฝ่ายมีบางอย่างอยู่ในตัวที่เหนือชั้นกว่าพวกเขา ไม่อย่างนั้น คงไม่มีแค่ผู้ก่อตั้งเพียงคนเดียวที่สามารถทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้ตลอดระยะเวลาหลายพันปีนับตั้งแต่ก่อตั้งสำนักดาบเมฆเหินมา

ฟึ่บ!

ผู้อาวุโสกลุ่มหนึ่งเดินมาที่บริเวณพื้นที่โล่งใจกลางสภาผู้อาวุโส พร้อมกับดาบในมือ

พวกเขาคือเจ้าสำนักหานเจี้ยนชิว ผู้อาวุโสเหอ ผู้อาวุโสไป๋เย่ และผู้อาวุโสอีก 2 คน รวมแล้วก็มี 5 คน

ทั้งห้าคือผู้ที่มีประสิทธิภาพการต่อสู้สูงสุดในสำนักดาบเมฆเหิน แต่ละคนรั้งอันดับหนึ่งในจำนวนนักรบสามสิบอันดับแรกที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปที่ถูกลืม

“รอเดี๋ยวนะ…” แม้จะมีนักดาบผู้ไร้เทียมทานยืนประจันหน้า จางเซวียนก็ดูไม่วิตกกังวลแม้แต่น้อย ดูเหมือนเขาจะถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะเปรยออกมา “พวกคุณรู้สึกว่าการต่อสู้แบบธรรมดามันน่าเบื่อไปหน่อยไหม? ไหนๆเราก็จะสู้กันแล้ว น่าจะทำอะไรสักหน่อยให้ดูน่าสนใจกว่านี้!”

“คุณจะวางเดิมพันหรือ?” ผู้อาวุโสไป๋เย่เลิกคิ้วขณะเกิดลางสังหรณ์เลวร้ายขึ้นมา

เจ้าหนุ่มหน้าเงินคนนี้คงไม่คิดจะปล้นพวกเขาจนหมดตัวหรอกนะ ใช่ไหม?

ในฐานะเจ้าสำนักและ 4 ผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งที่สุดของ 1 ใน 6 สำนักใหญ่ หากพวกเขาถูกปล้นทั้งๆที่ผนึกกำลังกันแล้ว…ผู้อาวุโสไป๋เย่ไม่แน่ใจว่าเขาจะยังเหลือกำลังใจมากพอที่จะมีชีวิตต่อหรือไม่

ทุกคนคงกลายเป็นตัวตลกที่เลื่องลือกันไปอีกยาวนานตลอดประวัติศาสตร์ของทวีปที่ถูกลืม!

“เดิมพัน? คุณจะใช้เดิมพันแบบไหน?” หานเจี้ยนชิวตั้งคำถาม

“ถ้าผมชนะดวล ผมมีบางเรื่องที่อยากถามคุณ ซึ่งถ้าคุณรู้คำตอบล่ะก็ ผมก็หวังว่าคุณจะตอบมันออกมาตามตรง แต่ถ้าผมแพ้ ผมจะกล่าวคำขอโทษสำหรับกิริยาไม่สุภาพที่ผมแสดงออกไปก่อนหน้านี้” จางเซวียนตอบ

ได้ยินคำนั้น หัวใจของผู้อาวุโสไป๋เย่ค่อยสงบลงเล็กน้อย เอาเถอะ อะไรก็ได้*…ตราบที่ไม่มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง*

พูดกันตามตรง เขาเจ็บช้ำเต็มทีแล้วกับคำว่า ‘เดิมพัน’ ทุกครั้งที่มีใครเอ่ยคำนี้ขึ้นมา เขาจะตัวสั่นด้วยความพรั่นพรึง

“คุณมีคำถามหรือ? ต่อให้คุณแพ้ดวล ผมก็ไม่เห็นว่าจะเสียหายอะไรหากผมจะตอบข้อสงสัยของคุณ” หานเจี้ยนชิวพูด “อีกอย่าง ไม่จำเป็นต้องกล่าวคำขอโทษกับการที่คุณแสดงกิริยาไม่สุภาพหรอก ขอแค่คุณไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ในวันนี้ให้ใครฟังก็พอแล้ว!”

“อย่างนั้นก็ได้” จางเซวียนพยักหน้า

“ตามนั้น” หานเจี้ยนชิวยิ้ม “เริ่มการดวลได้!”

จางเซวียนสูดหายใจลึก เขาชักดาบออกจากฝัก

เหตุผลที่เขาเสนอเดิมพันก่อนหน้านี้ก็เพื่อหาข้อมูลเรื่องหลัวลั่วชิง ซึ่งในเมื่ออีกฝ่ายตอบตกลงแล้ว ทั้งหมดที่เขาต้องทำในเวลานี้ก็คือเอาชนะการดวลให้ได้

แม้หานเจี้ยนชิวจะพูดว่าต่อให้จางเซวียนแพ้ เขาก็ยินดีตอบคำถาม แต่จางเซวียนก็รู้ดีว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลัวลั่วชิงน่าจะเป็นความลับสุดยอดของทวีปที่ถูกลืม เพราะการที่ตำหนักของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณมีคำว่า ‘เทพเจ้า’ อยู่ในชื่อของมันก็บ่งบอกถึงความสำคัญและความยิ่งใหญ่ของมันแล้ว

ด้วยเหตุนี้ จางเซวียนจึงไม่คิดจะพึ่งพาความปรารถนาดีของหานเจี้ยนชิว เขาต้องการเหตุผลที่มีน้ำหนักพอที่จะบีบให้อีกฝ่ายยอมตอบคำถาม จะไม่ยอมพ่ายแพ้ในการดวลครั้งนี้เป็นอันขาด!

แม้ที่ผ่านมา จางเซวียนจะวางท่าสบายๆเหมือนไม่คิดอะไร แต่ก็รู้ดีว่าการเอาชนะคู่ต่อสู้กลุ่มนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย หากรับมือกับพวกนั้นทีละคนก็ยังพอจะได้อยู่ แต่หากรับมือกับทุกคนพร้อมกันก็คงยุ่งยากไม่น้อย

ในตอนนั้น หานเจี้ยนชิวชำเลืองมองผู้อาวุโสอีก 4 คนและพูดว่า “เขาคือผู้ที่ทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จ คงเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงหากจะสบประมาทเขา พวกเราต้องทุ่มสุดตัวตั้งแต่เริ่ม!”

“ตามนั้น” ผู้อาวุโสอีก 4 คนตอบอย่างเคร่งขรึม

พวกเขาก็เข้าใจเรื่องนี้เช่นกัน ลำพังแค่การที่จางเซวียนเอาชนะโฉวหั่วได้ในกระบวนท่าเดียวก็เป็นเครื่องพิสูจน์ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขาแล้ว

บึ้มมมม!

ดาบของหานเจี้ยนชิวระเบิดออกขณะที่เขาสำแดงกระบวนท่าแรก

แม้เขาจะลดระดับวรยุทธลงเป็นนักรบเสมือนอมตะระดับล่าง เจตจำนงเพลงดาบของเขาก็ยังพวยพุ่งออกมาราวกับมหาสมุทรที่ไร้ขอบเขต การปรากฏตัวของเขาทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกเหมือนร่วงหล่นลงไปในหลุมดำที่หยั่งไม่ถึง การจะหลบหนีย่อมเป็นไปไม่ได้

เห็นภาพนั้น จางเซวียนหรี่ตาอย่างระแวง

สมแล้วที่เป็นเจ้าสำนัก ความเชี่ยวชาญในศิลปะเพลงดาบของหานเจี้ยนชิวสูงกว่าผู้อาวุโสโฉวหั่วเมื่อครู่นี้มาก

ทันทีที่หานเจี้ยนชิวเคลื่อนไหว จางเซวียนรู้สึกได้ถึงแรงกดดันหนักหน่วงที่ถาโถมเข้าใส่

ข้อบกพร่อง*!* จางเซวียนเพ่งสมาธิ

เหตุผลหลักที่เขาท้าทายผู้อาวุโสทุกคนพร้อมกันในคราวเดียวก็เพื่อจะวิเคราะห์ข้อบกพร่องของคนเหล่านั้น นี่เป็นโอกาสอันสมบูรณ์แบบที่เขาจะได้ทำอย่างที่คิด

วิ้งงงง!

เกิดเสียงหึ่งเบาๆก่อนที่หนังสือเล่มหนึ่งจะปรากฏในหอสมุดเทียบฟ้า จางเซวียนรีบพลิกดูขณะข้อมูลที่อยู่ในนั้นไหลเข้าหัวสมอง

“หานเจี้ยนชิว เจ้าสำนักดาบเมฆเหินคนที่ 23, นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ เชี่ยวชาญศิลปะเพลงดาบสายน้ำมรกตพลิ้วไหว ทำให้มีธรรมชาติของศิลปะเพลงดาบที่หลั่งไหลออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง มีข้อบกพร่องทั้งหมด 23 ข้อ กล่าวคือ…”

นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์*?* จางเซวียนพยักหน้า เพราะฉะนั้น นั่นก็คือวรยุทธขั้นที่เหนือกว่านักรบอมตะขั้นสูง*…*

เขารู้สึกได้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่าหานเจี้ยนชิวมีพละกำลังเหนือชั้นกว่าผู้อาวุโสไป๋เย่และผู้อาวุโสเหอ ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ

แม้จะมีคำว่า ‘กึ่ง’ นำหน้า แต่เรื่องจริงก็คือมันมีคำว่า ‘สรวงสวรรค์’ อยู่ด้วย บ่งบอกถึงความน่าสะพรึงของเขาได้เป็นอย่างดี

แต่ถึงหานเจี้ยนชิวจะทรงพลังแค่ไหน เมื่อลดระดับวรยุทธลงมาเป็นนักรบขั้นเสมือนอมตะ ก็ไม่มีทางเทียบชั้นกับจางเซวียนได้

เพียงแค่ข้อบกพร่องที่หอสมุดเทียบฟ้าประมวลไว้ก็มากพอจะทำให้จางเซวียนเอาชนะเขาได้โดยปราศจากปัญหา

จางเซวียนตวัดดาบเข้าใส่จุดอ่อนจุดหนึ่งที่ปรากฏในศิลปะเพลงดาบของหานเจี้ยนชิว

กระบวนท่าของเขางามสง่าราวกับมังกรผงาด ศิลปะเพลงดาบนั้นมีรังสีอันไร้เทียมทานของเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้า

เพราะขีดจำกัดของระดับวรยุทธ จางเซวียนจึงไม่อาจสำแดงอานุภาพของเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าออกมาได้เต็มที่ แต่ด้วยระดับวรยุทธของเขาที่เพิ่มขึ้นเป็นนักรบเสมือนอมตะสรวงสวรรค์ มันได้หลอมรวมเข้ากับกายเนื้อของเขา ทำให้เขาสำแดงพละกำลังที่แท้จริงออกมาได้ราว 70-80 เปอร์เซ็นต์

“ฮะ?”

หานเจี้ยนชิวคิดไม่ถึงว่าจางเซวียนจะมองทะลุจุดอ่อนในการเคลื่อนไหวของเขาได้ด้วยการเห็นเพียงแวบเดียว เขาชะงักและถอยไปก้าวหนึ่ง พร้อมกับรีบส่งสัญญาณเรียกคนอื่นๆให้เข้ามา “โจมตีเขาพร้อมกันเถอะ!”

ถึงตอนนี้ ทุกคนต่างก็เตรียมตัวเสร็จแล้ว ดาบ 4 เล่มพุ่งเข้าใส่จางเซวียนจาก 4 ทิศทาง เสียงโลหะที่แหวกอากาศดังคล้ายเสียงภูตผีปีศาจ มันดังกึกก้องไปทั่วทั้งห้อง

ข้อบกพร่อง!

ด้วยการขยับไปด้านข้างเล็กน้อย จางเซวียนก็หลบเลี่ยงการผนึกกำลังของการโจมตีนั้นได้อย่างง่ายดาย พร้อมกันนั้น หนังสือ 4 เล่มก็ปรากฏขึ้นในหอสมุดเทียบฟ้า

ไม่ช้าเขาก็มองเห็นข้อบกพร่องของผู้อาวุโสทั้ง 4

นอกเสียจากเจ้าสำนักหานเจี้ยนชิว ผู้อาวุโสเหอคือผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม เขาเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์เช่นกัน

ส่วนผู้อาวุโสไป๋เย่กับผู้อาวุโสหวงชิงเป็นนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ อีกเพียงก้าวเดียวก็จะสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์แล้ว