บทที่ 1881 จัดตั้งค่ายกล

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1881 จัดตั้งค่ายกล

 

ทะเลตะวันออก

 

ที่นี่เป็นพื้นที่ทะเลขนาดใหญ่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทะเลปราณ!

 

ไม่มีน้ําในทะเลปราณแต่กระแสปราณจํานวนนับไม่ถ้วนพัวพันกันและก่อตัวเป็นทะเลปราณอันกว้างใหญ่

 

ย้อนกลับไปในยุคดึกดําบรรพ ทะเลปราณแห่งนี้เป็นแหล่งทรัพยากรบนเส้นทางแห่งพลังปราณอันดับหนึ่งของห้าภูมิภาค

 

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกสิ่งก็เปลี่ยนแปลง เส้นทางแห่งพลังปราณร่วงหล่นลง ทะเลปราณที่เคยได้รับความนิยมกลายเป็นสถานที่รกร้างอย่างที่สุด

 

มันมีปราณวารีเป็นส่วนประกอบหลัก แต่ในทะเลตะวันออก ที่ใดจะขาดแคลนปราณวารี?

 

มันง่ายที่จะรวบรวมปราณวารี แล้วเหตุใดผู้อมตะต้องมายังทะเลปราณเพื่อรวบรวมมัน?

 

แม้พวกเขาจะต้องการทรัพยากรบนเส้นทางแห่งพลังปราณ แต่การสํารวจทะเลปราณก็มีความเสี่ยงสูงเกินไป พวกเขายินดีซื้อทรัพยากรเหล่านั้นจากสวรรค์สีเหลืองมากกว่า

 

“ด้วยการจัดงานเลี้ยงครั้งนี้ ทะเลปราณจะกลับมามีชื่อเสียงในห้าภูมิภาคอีกครั้ง” ร่างหลักของฟางหยวนนั่งอยู่บนเก้าอี้เมฆและมองลงไปยังทะเลปราณ

 

จากมุมสูง ทะเลปราณเป็นสีฟ้าอ่อนซึ่งแตกต่างจากทะเลสีน้ําเงินเข้มที่อยู่รอบๆ

 

ผู้อมตะฉีเซียงของภาคใต้สร้างท่าไม้ตายอมตะทะเลปราณไร้ขอบเขตขึ้นมาโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากทะเลปราณแห่งนี้

 

ฟางหยวนเรียกตัวเองว่าบรรพชนทะเลปราณ นี่ไม่ใช่การตัดสินใจแบบสุ่มแต่เขาไตร่ตรองมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว

 

ตัวอย่างเช่นบรรพชนทะเลปราณควรมาจากที่ใด? เขาบ่มเพาะอย่างสันโดษอยู่ที่ใดในทะเลตะวันออก?

 

ฟางหยวนเลือกทะเลปราณสําหรับแผนการของเขา

 

สถานที่แห่งนี้ถูกทิ้งร้างมานาน แทบไม่มีผู้ใดมาที่นี่ มันเข้ากันได้ดีกับการบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพลังปราณของบรรพชนทะเลปราณ

 

หากเขาเล่าให้คนอื่นฟัง พวกเขาจะเชื่อกับความสมเหตุสมผลนี้

 

ลึกลงไปใต้ทะเลปราณ ร่างแยกมนุษย์มังกรคู่สวยของฟางหยวนลอบถ่ายทอดข้อความ “จัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะเรียบร้อยแล้ว”

 

งานเลี้ยงครั้งนี้มีความสําคัญต่อฟางหยวน เขาต้องเตรียมการมากมาย

 

นี้เป็นค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณที่ร่างแยกกาลเวลาใช้แสงแห่งปัญญาและความสําเร็จระดับปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งพลังปราณคิดค้นขึ้น

 

การจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะไว้ในทะเลปราณค่อนข้างยากแต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสําหรับฟางหยวน เขามีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลและทรัพยากรที่เพียงพอ นอกจากนี้เขาก็ไม่ได้พยายามสร้างค่ายกลที่ซับซ้อนเหมือนค่ายกลวิญญาณอมตะเก้าสิบเก้รูปแบบ

 

ร่างหลักของฟางหยวนใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ตรวจสอบและไม่พบปัญหา

 

ทะเลตะวันออกมีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด หากเขาทําสําเร็จ เมื่อห้าภูมิภาครวมเป็นหนึ่ง ฟางหยวนจะมีอิทธิพลต่ออีกสภูมิภาคที่เหลือ

 

ฟางหยวนเปิดเปลือกตาขึ้นและพิมพา “พวกเขากําาลังมา”

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะบินมาจากขอบฟ้า มันดูเหมือนช่าแต่ในความเป็นจริงมันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง

 

เมื่อคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้มาถึง หญิงสาวในชุดคลุมยาวลายเมฆสีรุ้งก็ปรากฏตัวขึ้น

 

“ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลฮัว ฮัวช่ายหยุนคารวะบรรพชนทะเลปราณ” ฮัวช่ายหยุนเป็นผู้อมตะระดับแปดแต่นางยังต้องแสดงออกอย่างสุภาพต่อหน้าบรรพชนทะเลปราณ

 

หลังจากนั้นผู้อมตะอีกหลายคนของตระกูลฮัวก็เดินตามออกมาจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะและแสดงความเคารพฟางหยวน

 

“พวกท่านมาถึงก่อนเวลา เชิญนั่ง” ฟางหยวนผายมือขณะที่กระแสปราณควบรวมเป็นเก้าอี้เมฆ

 

ฮัวช่ายหยุนเก็บคฤหาสน์วิญญาณอมตะไว้ในมิติช่องว่างของนางและนั่งลงบนเก้าอี้เมฆ ผู้อมตะคนอื่นๆของตระกูลฮัวยืนอยู่ด้านหลังนาง

 

“ข้าตื่นเต้นมากที่ได้พบผู้อาวุโสเป็นครั้งแรก นี่เป็นของขวัญจากตระกูลฮัว โปรดรับมันไว้” ฮัวช่ายหยุนกล่าวขณะที่ผู้อมตะที่อยู่ด้านหลังนางน่าของขวัญออกมาด้วยมือทั้งสองข้าง

 

มันเป็นก้อนพลังปราณที่มีเสียงฟ้าร้องดังออกมา ด้านในสามารถมองเห็นฝนตก แดดออก หรือหิมะโปรยปรายลงมาเป็นครั้งคราว

 

ดวงดาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขารู้ว่ามันคือสิ่งใด

 

นี่คือก่อนปราณสวรรค์ระดับเก้ที่หายาก

 

ก้อนปราณสวรรค์ใช้งานง่ายมาก ผู้อมตะเพียงต้องกระจายมันออกไปเท่านั้น โดยปกติผู้อมตะจะซื้อก้อนปราณสวรรค์จากสวรค์สีเหลืองเพื่อจัดการมิตช่องว่างของพวกเขา

 

นั่นจะทําให้ทรัพยากรที่อยู่ในมิติช่องว่างของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปในทางใดทางหนึ่ง

 

ธุรกรรมส่วนใหญ่ในสวรรค์สีเหลืองมักเป็นก่อนปราณสวรรค์ระดับหกหรือระดับเจ็ด ก่อนปราณสวรรค์ระดับแปดหายากมาก ขณะที่ก่อนปราณสวรรค์ระดับเก้าแทบไม่เคยปรากฏ มันอาจปรากฏขึ้นเพียงครั้งเดียวในรอบหลายพันปีเท่านั้น

 

ฮัวช่ายหยุนมอบก่อนปราณสวรรค์ระดับเก๋ให้บรรพชนทะเลปราณ นี่แสดงให้เห็นถึงความจริงใจของนาง ท้ายที่สุดตระกูลฮัวก็มีความเชี่ยวชาญพิเศษบนเส้นทางแห่งเมฆา พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสํารวจสวรรค์ขาวและสวรรค์สีดํา

 

ในเวลาเดียวกันที่สายธารแห่งกาลเวลา

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะสี่หลังบินอยู่เหนือผิวน้ํา

 

พวกมันประกอบด้วยวิหารอดีตปัจจุบัน รังกระเรียนใบไม้ร่วง ฉลามล่องคลื่น และโรงละครแห่งความทรงจํา

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสี่หลังนําผู้อมตะของวังสวรรค์และผู้อมตะภาคกลางเดินทางไปยังจุดหมายเดียวกัน นั่นคือเกาะบัวหิน!

 

ภายในวิหารอดีตปัจจุบัน ผู้อมตะระดับแปดผู้หนึ่งยืนอยู่และเฝ้ามองสายธารแห่งกาลเวลา

 

คนผู้นี้อยู่ในชุดสีแดงขาว เขายืนตัวตรงเหมือนหอก คิ้วของเขาคมราวกับดาบ มีแสงลึกลับซ่อนอยู่ในดวงตาของเขา เขาปลดปล่อยกลิ่นอายที่สงบและสง่างามออกมา ตอนนี้เขากําลังมองไปในระยะไกลและทําความเข้าใจบางสิ่ง

 

มันคือฟงจิวเก้อ!

 

“ช่วงเวลาที่ผ่านมาข้าเฝ้ามองสายธารแห่งกาลเวลามาตลอด ข้าเห็นความเจริญรุ่งเรืองและความเสื่อมถอยของยุคสมัย ข้าเห็นความปั่นป่วนของอดีตและปัจจุบัน พรหมลิขิตเปรียบเหมือนคลื่น มันมีขึ้นและลง มีช้าและเร็ว มันมีความลึกซึ้งที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคําพูดข้าทําได้เพียงขับร้อง

 

ฟงจิวเก้อกําลังทําความเข้าใจเพลงพรหมลิขิต

 

แตกต่างจากชีวิตก่อนหน้า ครั้งนี้ฟงจิวเก้อมีความคืบหน้าเกี่ยวกับเพลงพรหมลิขิตเป็นอย่างมาก

 

เขาแพ้ฟางหยวนในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เขาถูกส่งตัวกลับมาโดยเฉินอี้ด้วยท่าไม้ตายอมตะเคลื่อนกรรม เขาได้รับแรงบันดาลใจเกี่ยวกับเพลงพรหมลิขิต

 

สิ่งนี้เกิดขึ้นรวดเร็วกว่าชีวิตก่อนหน้า

 

หลังจากได้รับแรงบันดาลใจ ฟงจิวเก้อเดินทางมายังสายธารแห่งกาลเวลาเพื่อทําความเข้าใจมัน

 

สายธารแห่งกาลเวลาเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพแต่ฟงจิวเก้อสามารถใช้วิหารอดีตปัจจุบันเฝ้ามองชีวิตของผู้คนในอดีตและปัจจุบัน เขาเห็นฉากเหตุการณ์ที่หลากหลาย

 

นี่เป็นความช่วยเหลือชั้นยอดในการทําความเข้าใจเพลงพรหมลิขิต

 

ตอนนี้เพลงพรหมลิขิตของเขาเสร็จไปแล้วหกสิบส่วน นี่มากกว่าชีวิตก่อนหน้าในช่วงวเลาของการต่อสู้เพื่อฟื้นฟูวิญญาณชะตการรมถึงสิบส่วน

 

เพลงพรหมลิขิตของข้าพรรณนาถึงพรหมลิขิตของสิ่งมีชีวิตไว้แล้วแต่พรหมลิขิตไม่ได้เป็นเพียงเรื่องผิวเผินเหล่านั้น

 

“ก่อนหน้านี้ข้าเห็นธงสามฝันของเทพปีศาจคลั่งในวังสวรรค์ ข้ายังไม่เข้าใจ ข้าหวังว่าการเดินทางไปยังเกาะบัวหินครั้งนี้จะช่วยให้ข้ามีความคืบหน้าในการแต่งเพลงพรหมลิขิต”

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้อมตะคนอื่นๆตะโกน

 

“เรามาถึงแล้ว มันอยู่ที่นี่!”

 

“เกาะบัวหิน มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง!”

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสี่หลังหยุดอยู่ใกล้ๆกับนาวานิรันดร์ที่รออยู่ก่อนแล้ว

 

นาวานิรันดร์พบเกาะบัวหิน พวกเขาแจ้งข่าวกลับไปยังวังสวรรค์ จากนั้นคฤหาสน์วิญญาณอมตะอีกสีหลังก็ติดตามมา

 

ฟงจิวเก้อมองไปข้างหน้าด้วยสายตาคาดหวัง

 

กู้หลิวรู่แสดงออกด้วยความรู้สึกซับซ้อน

 

“ในที่สุดเราก็พบมัน การทํางานหนักของวังสวรรค์ไม่สูญเปล่า หลังจากผ่านวันเวลามาอย่างยาวนานสุดท้าย พวกเราก็ได้รับผลตอบแทน” กู้หลิวรู่ถอนหายใจ

 

หลังจากนั้นเขาก็สงบจิตใจลง

 

เขานั่งบนรถเข็นและออกคําสั่ง “จัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหิน ข้ากับฟงจิวเก้อจะอยู่ที่นี่พร้อมกับโรงละครแห่งความทรงจําและวิหารอดีตปัจจุบัน นาวานิรันดร์จะไปเฝ้าอยู่ที่ทางเข้าสายธารแห่งกาลเวลา ฉลามล่องคลื่นและรังกระเรียนใบไม้ร่วงจะลาดตระเวนอยู่รอบๆ หากเกิดสิ่งใดขึ้น แจ้งข้าทันที!”

 

“รับทราบ!” กลุ่มผู้อมตะตอบรับและเคลื่อนไหวทันที