เขี้ยวอสรพิษแต่ละซี่ล้วนแต่สูงตระหง่านราวขุนเขา แผ่กลิ่นอายสังหารอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงเกิดความเกรงกลัวด้วยสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิต
นี่ก็เป็นเรื่องปกตินัก เดิมทีเขี้ยวอสรพิษก็เป็น ‘อาวุธ’ ซึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่นอันน่าหวาดหวั่นใช้ต่อกรกับศัตรูอยู่แล้ว อย่าง ‘หุบเขาเขี้ยวหัก’ เหตุใดจึงได้ชื่อว่าเขี้ยวหักเล่า ก็เพราะว่าเทือกเขาอันยิ่งใหญ่นี้ มีฟันที่หักอยู่ซี่หนึ่ง และเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของดินแดนจิตโลกา! ตำนานกล่าวไว้ว่า บนยอดเขาซึ่งมีฟันที่หักอยู่นี้…ก็คือฟันซี่ที่ทำให้ ‘หยวน’ บาดเจ็บนั่นเอง หยวนจึงจงใจทำเช่นนี้
“เอ๊ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็พบความเปลี่ยนแปลง
เขาบินไปด้วยความเร็วสูงภายใต้การนำทางของยอดเคารพเฮ่ากู่ ได้ผ่านเขี้ยวอสรพิษไปแปดซี่แล้ว! เขี้ยวอสรพิษอยู่ทางซ้าย เมื่อทอดสายตามองไปก็จะเห็นเป็นสองแถวด้วยกัน ทางขวาก็มีสองแถวด้วยกัน!
หรือกล่าวได้ว่า ภายในปากของอสรพิษตัวนี้ มีเขี้ยวอสรพิษทั้งหมดสี่แถวด้วยกัน
บัดนี้เพิ่งบินผ่านไปแปดซี่เท่านั้น จะเห็นได้ว่าช้ามาก
“เฮ้อ ฟันแปดซี่ก่อนหน้านี้ล้วนแผ่กลิ่นอายดำมืดที่ชวนให้คนประหวั่นใจออกมา ส่วนเขี้ยวอสรพิษตรงหน้านี้ กลับให้ความรู้สึกคมกล้าอย่างไร้ที่สิ้นสุด” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูด้วยความงุนงง เขาทอดสายตามองออกไปยังฟันมหึมาสูงตระหง่านซี่หนึ่งที่อยู่ไกลออกไป ฟันที่อยู่ถัดออกไปจากนั้นอีก ก็มีรูปร่างฟันที่คมยิ่งขึ้น กลิ่นอายที่แผ่กำจายออกไปก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
……
เมื่อบินไปเรื่อยๆ
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็พบว่า ทุกๆ แปดซี่ กลิ่นอายของฟันก็จะเปลี่ยนแปลงไปครั้งหนึ่ง ฟันบางซี่ยังถึงขั้นมีรูปร่างเปลี่ยนแปลงไปด้วย
บินมานานแสนนาน
เขี้ยวอสรพิษที่ได้เห็นก็เกินกว่าแปดสิบซี่แล้ว
“นั่นมันอะไรน่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงนัยน์ตาเป็นประกาย เขี้ยวอสรพิษสีดำอันสูงตระหง่านที่ผุดขึ้นมาใหม่ไกลออกไปกลับมีรอยแยกมิติจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นโดยรอบ “วิถีอากาศหรือ”
เขาสัมผัสได้ว่า
เขี้ยวอสรพิษที่ผุดขึ้นมาใหม่นี้ แฝงไว้ด้วยการใช้วิถีอากาศเป็นรากฐานเป็นหลัก ทั้งยังมีระดับขั้นสูงกว่าด้วย
เพียงครู่เดียว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้สึกคันยุบยิบในใจ เขาอยากจะเข้าไปดู เข้าไปสำรวจใกล้ๆ เสียหน่อย!
“จ้าวหิมะเหิน ข้ารู้ว่าวิถีอากาศของเจ้าบรรลุถึงขั้นสุดยอดแล้ว” ยอดเคารพเฮ่ากู่ที่อยู่ข้างๆ เหลือบมองออกไปไกลแวบหนึ่ง เขาถ่ายเสียงพูดว่า “เขี้ยวอสรพิษแปดซี่นี้มีความเร้นลับของวิถีอากาศแฝงเอาไว้มากมายอย่างแท้จริง และมีโอกาสมากมายแฝงเอาไว้ภายในด้วย แต่การจะเข้าไปบุกฝ่านั้นต้องเผาผลาญพลังงานของไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษ เจ้าไปกับข้าเสียโดยดีเถิด รอข้ากลับไปแล้ว เจ้าค่อยมาใหม่ก็ยังไม่สาย”
“วางใจเถิด ในเมื่อข้ากับท่านสัญญากันแล้ว ข้าเองก็ตั้งสัตย์สาบานแล้ว ข้าก็ย่อมไม่ฝ่าฝืนอย่างแน่นอน” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
“จ้าวท่านเข้าใจก็ดีแล้ว” ยอดเคารพเฮ่ากู่มิได้พูดให้มากความอีกต่อไป อันที่จริงเขาเข้าใจดีอยู่แล้ว ว่าสำหรับผู้บำเพ็ญคนหนึ่ง โอกาสภายในทางเดินเขี้ยวอสรพิษนั้นหมายความว่าอะไร ดังนั้นจึงจงใจเตือนไว้
เขาไม่สามารถสิ้นเปลืองพละกำลังอีกสายหนึ่งเพิ่มเพื่อตงป๋อเสวี่ยอิงได้
“เขี้ยวอสรพิษอากาศแปดอัน”
“นี่ช่าง…”
ระหว่างที่ตงป๋อเสวี่ยอิงบินไปนั้น ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกคันไม้คันมือไปหมด แม้จะมองดูอยู่ไกลๆ เขาก็ยังสัมผัสรับรู้ได้รางๆ “รอให้อยู่เป็นเพื่อนยอดเคารพเฮ่ากู่เสร็จแล้ว ข้าจะต้องมาสำรวจที่นี่สักตั้งอย่างแน่นอน”
สวบๆ
ทั้งสองบินเหินไปอย่างต่อเนื่อง
ลำพังแค่เขี้ยวอสรพิษที่สามารถมองเห็นได้ก็บินผ่านมาถึงหนึ่งร้อยยี่สิบซี่แล้ว โดยไม่นับเขี้ยวอสรพิษ ที่อยู่ในน้ำวนอันดำมืดที่มองเห็นได้ไม่ชัดเหล่านั้น ในที่สุดเส้นทางการบินเหินของพวกตงป๋อเสวี่ยอิงก็มาถึงทางแยก
ทางแยกสายหนึ่งตรงต่อไปข้างหน้า ส่วนอีกสายหนึ่งขึ้นไปข้างบน
“ไปตามทางนี้”
ทางเดินกว้างขวาง
และยิ่งสงบขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งก็มีพายุคลั่งพัดผ่านมาบ้าง จึงทำให้พละกำลังของไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษเหนือผิวกายของพวกเขาถูกเผาผลาญไปบ้างเล็กน้อย
ยอดเคารพเฮ่ากู่และตงป๋อเสวี่ยอิงบินตรงขึ้นไปด้านบน ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับเหมือนคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงถามขึ้นว่า “ยอดเคารพ ตอนที่พวกเราเข้ามา พละกำลังของน้ำวนอันดำมืดนั้นน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก จนพวกเรามิอาจควบคุมเค้าร่างได้เลย ทั้งยังมิอาจบินเหินไปได้อีกด้วย ทำได้เพียงเข้ามาตามทางเท่านั้นเช่นนั้นตอนออกไปควรจะออกไปอย่างไรเล่า พวกเรามิอาจต้านน้ำวนออกไปได้หรอกกระมัง”
“ฮ่าฮ่า แน่นอนว่ามิอาจต้านน้ำวนออกไปได้อยู่แล้ว น้ำวนอันดำมืดเป็นทางเข้า พวกเราเข้ามาทางปากของอสรพิษ แต่ตอนออกไปกลับต้องออกไปตามทางเดินตรงรูจมูกของอสรพิษ” ยอดเคารพเฮ่ากู่พูดยิ้มๆ “ในปากของเขี้ยวอสรพิษนั้นก่อตัวเป็นน้ำวนดูดกลืนลงไป แต่รูจมูกกลับมีลมหายใจที่พ่นออกไปภายนอก เพียงแต่อานุภาพถูกน้ำวนอันดำมืดบดบังเอาไว้ก็เท่านั้น”
“ที่แท้แล้วเป็นเช่นนี้เอง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
“สำหรับจ้าวหิมะเหินแล้ว เกรงว่าคงไม่จำเป็นต้องออกไปอีกแล้วล่ะ” ยอดเคารพเฮ่ากู่พูดยิ้มๆ “นอกเสียจากจะได้สมบัติล้ำค่าอะไรบางอย่างแล้วอยากจะนำออกไป”
……
ทางเดินก็คือเส้นเลือดต่างๆ ที่ก่อตัวขึ้นภายในหัวอสรพิษ กลางทางเดินก็มีทางแยกมากมาย
แน่นอนว่า ‘จุดเชื่อมต่อ’ มากมายกลับมั่นคงมาก ถึงขั้นมีสถานที่หลายแห่งที่ไม่มีระลอกพายุคลั่งเลย หากรอคอยอยู่ตรงนั้น พละกำลังของไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษก็ไม่ถูกเผาผลาญแต่อย่างใด!
เมื่อทางเดินค่อยๆ แคบลงเรื่อยๆ และบินทะยานมาเป็นเวลานานเกินไปแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ถามขึ้นอย่างอดมิได้ว่า “ที่แท้แล้วพวกเราจะบินไปที่ใดกันแน่”
“ใกล้ถึงแล้ว” ยอดเคารพเฮ่ากู่ยิ้ม “อีกประเดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เอง อย่าตกใจนักล่ะ”
“ตกใจหรือ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงทำได้เพียงข่มความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้
แม้ทางเดินจะค่อยๆ แคบลงเรื่อยๆ แต่กลับยังคงกว้างถึงร้อยล้านลี้ เพียงแต่เมื่อเทียบกับความใหญ่โตของ ‘หัวอสรพิษ’ นี่ก็นับว่ายิบย่อยมากแล้ว
“นั่นมัน…”
ตรงหน้าคือผนังเยื่อสีแดงโลหิตขนาดมหึมา บดบังเส้นทางตรงหน้าเอาไว้
กล่าวว่าเป็นผนังเยื่อสีแดงโลหิต แต่อันที่จริงแล้วก็มีลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนเคลื่อนไหวอยู่ ราวกับม่านน้ำตกสีแดงโลหิตขนาดมหึมาอย่างไรอย่างนั้น
“ทะลุผ่านไป!” ยอดเคารพเฮ่ากู่ตื่นเต้นอยู่บ้าง
สวบๆ
ทั้งสองทะลุผ่านผนังเยื่อสีแดงโลหิตนั้นไปพร้อมกัน
ผนังเยื่อสีแดงโลหิตมิได้ขัดขวางแต่อย่างใด เพียงแต่มีพละกำลังพิเศษบางอย่างวาบผ่านร่างของตนไป พิเศษมาก ผนังเยื่อสีแดงโลหิตนั้นหนามาก บินผ่านไปหลายชั่วลมหายใจจึงทะลุผ่านไปได้ในที่สุด
“ถึงแล้ว!” ยอดเคารพเฮ่ากู่หัวเราะพลางหยุดลง
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปเบื้องหน้าด้วยความตกตะลึง
ตรงหน้าคือมิติกว้างใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งภายในมีทางเดินเส้นเลือดซึ่งแผ่รัศมีอันอบอุ่นสายแล้วสายเล่าออกมา! ทางเดินเส้นเลือดเหล่านี้พันพาดกัน และมีกลุ่มแสงมหึมาหลายร้อยกลุ่มกระจายตัวกันอยู่ภายในมิตินี้ กลุ่มแสงแต่ละกลุ่มล้วนมีทางเดินเส้นเลือดเส้นหนึ่งเชื่อมต่อเอาไว้ แม้กลุ่มแสงจะใหญ่โตมาก แต่ขนาดก็ยังคงเล็กใหญ่ต่างกันอยู่ดี
“นี่คือที่ไหนน่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงสงสัย ตามเส้นทางที่บินมา เขาก็วิเคราะห์ออกมาว่า “สมองของอสรพิษหรือ”
“สมองอสรพิษใหญ่กว่าที่นี่มากนัก หากพูดให้ถูกต้อง ควรจะเรียกว่าเป็นทะเลแห่งการรับรู้ของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่น่าหวาดหวั่นตนนี่ต่างหาก” ยอดเคารพเฮ่ากู่กล่าว
“ทะเลแห่งการรับรู้หรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึง
ทะเลแห่งการรับรู้ของสิ่งมีชีวิตตนหนึ่งคือส่วนที่พิเศษที่สุด
“ไป มุ่งหน้าไปยังกลุ่มแสงแรกกันก่อน” ยอดเคารพเฮ่ากู่เต็มไปด้วยความรอคอย เขาพาตงป๋อเสวี่ยอิงบินมุ่งหน้าต่อไป
ทางเดินเส้นเลือดของทะเลแห่งการรับรู้เล็กละเอียดขึ้นเรื่อยๆ แม้เส้นทางที่พวกเขาโบยบินไปจะเป็นเส้นที่กว้างที่สุดแล้ว แต่กลับกว้างแค่ล้านลี้เท่านั้น ทางเดินเส้นเลือดก็พันพาดกันและมีจุดเชื่อมต่อเช่นกัน ตรง ‘จุดเชื่อมต่อ’ กลับสงบเงียบมาก ไม่มี ‘พายุดำ’ ใดๆ รุกราน! ใช่แล้ว ภายในทะเลแห่งการรับรู้ ก็ยังคงมีพายุดำพัดหวีดหวิว รุกล้ำร่างกายของพวกตงป๋อเสวี่ยอิง
บินเหินไปครู่หนึ่ง
ยอดเคารพเฮ่ากู่จึงหยุดลงตรงจุดเชื่อมต่อแห่งหนึ่งก่อนจะชี้ไปยังกลุ่มแสงกลุ่มหนึ่งที่อยู่ห่างออกไป “ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่ เจ้ามุ่งหน้าต่อไป เข้าไปในกลุ่มแสงนั้น ข้าสามารถสัมผัสได้ถึงเสียงที่กลุ่มแสงนั้นเพรียกหาข้า เป็นแรงดึงดูดชีวิตข้า! แต่ว่าภายในทะเลแห่งการรับรู้ของอสรพิษ กลุ่มแสงแต่ละกลุ่มล้วนมีแรงกดดันวิญญาณทั้งสิ้น ซึ่งแรงกดดันก็มีทั้งอ่อนแอและแข็งแกร่ง ข้ามิอาจเข้าไปในกลุ่มแสงตรงหน้ากลุ่มนี้ได้เลย! ระดับขั้นอานุภาพกดดันของมันเทียบเท่ากับทะเลสาบใบไม้ดำ คิดว่าเจ้าจะต้องเข้าไปได้แน่”
“อ้อ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกระจ่างแจ้งขึ้นมา
กลุ่มแสงภายในทะเลแห่งการรับรู้ ล้วนแต่มีแรงกดดันวิญญาณอยู่อย่างนั้นหรือ
มิน่าเล่า มิน่าเล่าจึงให้ตนมาด้วย
“จำเอาไว้ว่าสัตย์สาบานของเจ้ากล่าวเอาไว้ว่า ทั้งหมดจะฟังที่ข้ากำชับ” ยอดเคารพเฮ่ากู่กล่าว “หลังจากเจ้าเข้าไปแล้ว หากพบสิ่งที่สามารถนำออกมาได้ ก็นำออกมาให้ข้าให้หมด หากเก็บซ่อนอะไรเอาไว้ หรือมิได้พยายามนำออกมาอย่างสุดกำลังแล้วล่ะก็ เช่นนั้นก็จะเป็นการฝ่าฝืนสัตย์สาบาน”
ยอดเคารพเฮ่ากู่ตักเตือนอีกครั้ง
เขาส่งไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษเม็ดหนึ่งให้ตงป๋อเสวี่ยอิง เพื่อให้เขาช่วยเหลือ
“ได้ ยอดเคารพวางใจได้เต็มที่ ถึงตอนที่ข้าออกมา ท่านสามารถค้นตัวได้เลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ ล้อเล่นหรือ ก็แค่ของนอกกายเท่านั้น จะทำให้เขาฝ่าฝืนสัตย์สาบานได้อย่างไรกัน ต่อให้เป็นอาวุธเทพคละถิ่น ก็ไม่มีคุณสมบัติพอให้เขาฝ่าฝืนสัตย์สาบานได้ เพราะถึงอย่างไรหากฝ่าฝืน เกรงว่าเส้นทางการบำเพ็ญก็คงจะถูกตัดขาดไป
ฟิ้ว
ตงป๋อเสวี่ยอิงทะยานมุ่งหน้าไปยังกลุ่มแสงตรงหน้า ตามทางเดินเส้นเลือดที่เล็กลงเรื่อยๆ
“ฟิ้วๆๆ” พายุดำก็พัดหวีดหวิวลงบนร่าง แสงสีดำชั้นหนึ่งเหนือผิวกายสกัดกั้นเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย เพียงแต่พละกำลังของไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษก็ถูกเผาผลาญไปช้าอย่างยิ่ง
“เอ๊ะ” เมื่อห่างออกไปเพียงล้านลี้ เขาก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันวิญญาณ เมื่อบินเข้าไปใกล้ แรงกดดันวิญญาณนี้ก็พุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ข้าจะดูสิว่า ที่แท้แล้วภายในกลุ่มแสงนี้คืออะไรกันแน่” ตงป๋อเสวี่ยอิงบินไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก
……………………………..