บทที่ 922 ร่วมมือกัน

Mars เจ้าสงครามครองโลก

Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 922 ร่วมมือกัน
เหย้ซูหลิงพยักหน้าและพูดว่า: “ถูกต้อง นายไม่เพียงแต่จะต้องไปติดต่อสัมพันธ์กับตระกูลเซียว ยังจะต้องทำให้สรวงสวรรค์รู้สึกว่านายกับตระกูลเซียวนั้นสมรู้ร่วมคิดกันด้วย แบบนี้ถึงจะสามารถปกป้องสถานะตัวปลอมของนายได้ ในขณะเดียวกัน นายจำต้องเคลื่อนไหวสร้างความวุ่นวายขึ้นกับทางตระกูลเซียว ทำให้คนของสรวงสวรรค์เกิดความตึงเครียดขึ้น แบบนี้แล้วแผนการสถานะตัวปลอมถึงจะมีความหวังขึ้นมาบ้าง”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ คู่ดวงตาที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลของเหย้ซูหลิงก็ได้จ้องมองที่ไปที่เย่เซิ่งเทียน และพูดขึ้นว่า: “หากนายยังมีวิธีอื่นอีก ก็พยายามหาทางสร้างความวุ่นวายให้รุนแรงขึ้น ยิ่งหนักหนาเท่าไรก็ยิ่งดี เพื่อจะได้ดึงดูดความสนใจของสรวงสวรรค์ไปทั้งหมดจะเป็นการดีที่สุด แล้วสุดท้ายนายก็แกล้งตายเพื่อเอาชีวิตรอด โดยต้องให้คนของสรวงสวรรค์เห็นกับตาของตนเอง ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว สถานะตัวปลอมของนายในตระกูลเหย้ของฉันนั้นถึงจะเกิดผลลัพธ์สูงสุดได้”

เย่เซิ่งเทียนหรี่ดวงตาลง นี่คือแผนการที่มีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก

แต่หากว่าแผนการนี้ประสบความสำเร็จ ถ้าอย่างนั้นเขาก็สามารถหลุดเอาตัวรอดออกมาจากการจับตามองของสรวงสวรรค์ได้ ปรับเปลี่ยนสถานะจากเดิมที่อยู่ในที่สว่างไปสู่ที่มืด

แอบกระทำการในที่มืดลับตา ย่อมดีกว่าลงมือกระทำการในที่สว่างเป็นไหน ๆ

สถานการณ์ในเวลานี้คือ เขาอยู่ในที่สว่าง ส่วนสรวงสวรรค์อยู่ในที่มืด ทำให้เขาเสียเปรียบอย่างมาก

หากว่าแผนการดังกล่าวของเหย้ซูหลิงสำเร็จลุล่วง ก็จะสามารถเพิ่มโอกาสในการเอาชนะสรวงสวรรค์ได้มากขึ้นไปอีก

เพียงแต่ว่า เหย้ซูหลิงจะยอมช่วยเหลือเขาอย่างจริงใจย่างนั้นเหรอ?

นางปีศาจคนนี้คิดวางแผนอะไรอยู่กันแน่?

เหย้ซูหลิงเห็นว่าเย่เซิ่งเทียนจ้องมองมาที่ตัวเอง จึงพูดขึ้นอย่างเอ้อระเหยว่า: “มีอะไรเหรอ อยากรู้ใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงต้องช่วยเหลือนายด้วย? กำลังคิดอยู่ว่าฉันมีแผนการอะไรใช่ไหม? ”

“ถูกต้อง”

เย่เซิ่งเทียนไม่ปฏิเสธ โดยเขาเองไม่ค่อยจะเชื่อมั่นในตัวของเหย้ซูหลิงสักเท่าไร

เหย้ซูหลิงยิ้มอย่างมีเลศนัยและพูดขึ้นว่า: “หากฉันบอกว่า ฉันต้องการให้นายเป็นพ่อเลี้ยงของลูกฉันล่ะจะว่าอย่างไร? ”

เย่เซิ่งเทียนพูดขึ้นโดยไม่แสดงท่าทีอะไร: “อย่างนั้นฉันคงต้องขอโทษด้วยแล้ว ฉันไม่สามารถทำผิดต่อภรรยาของฉันได้”

เหย้ซูหลิงหัวเราะฮ่าฮ่าเสียงดัง จนน้ำตาไหลออกมาเลยทีเดียว

“ดูสิทำให้นายตกใจขนาดนี้เลยเหรอ หากว่าฉันให้นายทำแบบนี้จริง ๆ ล่ะก็ ภรรยาของนายที่ชอบหึงหวงนั้น คงจะต้องฆ่าตัวตายกันเลยทีเดียว”

คราวนี้เหย้ซูหลิงพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า: “เงื่อนไขของฉันก็คือ นายช่วยให้ฉันสำเร็จเป็นเทพ ว่าอย่างไร เงื่อนไขนี้คงไม่สูงเกินไปหรอกนะ? ”

เย่เซิ่งเทียนเขม่นคิ้วและจ้องมองไปยังเหย้ซูหลิง: “เธอก็ต้องการที่จะสำเร็จเป็นเทพอย่างนั้นเหรอ?การสำเร็จเป็นเทพมันมีความสำคัญมากขนาดนั้นเลยเหรอ? ”

เหย้ซูหลิงพูดขึ้นอย่างมีเหตุผลว่า: “ไร้สาระ ใครบ้างล่ะที่ไม่อยากสำเร็จเป็นเทพ? ภายใต้แดนเทพทุกสิ่งอย่างล้วนเป็นเพียงแค่พวกมดแมลง คนที่ไม่สำเร็จเป็นเซียนสุดท้ายก็ต้องกลายเป็นเถ้าถ่าน”

เย่เซิ่งเทียนพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ว่า: “ตอนนี้ฉันเองก็ยังเอาตัวไม่รอดเลย แล้วจะช่วยเธอได้อย่างไร? แม้แต่วิชาความสามารถที่เหนือกว่าแดนเหนือโลกีย์นั้นฉันเองก็ยังไม่มี ส่วนแดนที่สูงขึ้นไปกว่าแดนเหนือโลกีย์นั้นก็ยังคลุมเครือไม่ชัดเจน ที่พวกเธอพูดกันว่าแดนเทพอะไรนั้น พวกคนธรรมดาสามัญชนอย่างพวกเราไม่รับรู้รับทราบอะไรเลย แล้วฉันจะไปช่วยเหลือเธอได้อย่างไร? ”

“หากเธอสามารถช่วยฉันต่อกรรับมือกับสรวงสวรรค์ได้ และหากฉันมีวิธีการสำเร็จเป็นเทพจริง ๆ ล่ะก็ ฉันจะต้องช่วยเธออย่างแน่นอน”

เหย้ซูหลิงไม่ได้สนใจ และพูดว่า: “เวลานี้ไม่ได้ต้องการให้นายช่วยอะไร ที่จริงแล้วพวกเราเองก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จเป็นเทพได้อย่างไร เงื่อนไขข้อนี้พักเอาไว้ก่อน ฉันจะพูดเงื่อนไขข้อที่สองคือ ฉันต้องการให้ตระกูลเหย้ของพวกเรา กลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งแห่งตระกูลลี้ลับ หากในอนาคตสามารถที่จะทำลายสรวงสวรรค์ลงไปได้แล้ว แน่นอนว่าจะต้องมีตระกูลอื่นมาช่วงชิง ดังนั้นฉันจึงต้องการให้นายบันทึกไว้เป็นหลักฐานว่า หลังจากที่ทำลายล้มล้างสรวงสวรรค์แล้ว นายจะต้องช่วยเหลือตระกูลเหย้ให้ขึ้นเป็นตระกูลอันดับหนึ่ง”

เย่เซิ่งเทียนยิ่งมองไม่ออกเหย้ซูหลิงเข้าไปใหญ่ ก่อนหน้านี้รู้สึกเพียงว่าผู้หญิงคนนี้ชั่วร้าย ตอนนี้รู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว

เริ่มแรกได้เสนอความคิดที่จะใช้แผนซ้อนแผน จากนั้นก็บอกเป้าหมายความต้องการที่แท้จริงออกมา

พูดกันตามตรง ก็คือจะใช้เย่เซิ่งเทียนเป็นหมากตัวหนึ่ง ถึงขั้นว่าเป็นหมากตัวรุก

เย่เซิ่งเทียนเกิดความคิดมากมายขึ้นในหัวสมอง เขาไม่ทราบอย่างชัดเจนว่าเวลานี้ตระกูลลี้ลับมีสถานการณ์เป็นอย่างไร ดังนั้นจึงไม่สามารถที่จะทำอะไรบุ่มบ่ามได้ในตอนนี้

“พูดแบบนี้หมายความว่าเธอได้เลือกฉันเพื่อมาเป็นหมากตัวหนึ่งตั้งนานแล้วล่ะสิ? ทำไมถึงต้องเลือกฉันด้วย? ”

เย่เซิ่งเทียนเองก็ไม่ได้โง่เขลา เมื่อนำเรื่องราวมากมายมาร้อยเรียงกัน ก็สามารถคิดและเข้าใจได้ถึงแผนการของเหย้ซูหลิง

เพียงแต่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยที่จะให้ความสนใจมาก่อน

พูดได้ว่า ตั้งแต่ที่เหย้ซูหลิงปรากฏตัวขึ้น เธอก็พยายามที่จะโน้มน้าวชักนำให้เขาไปยังทางตระกูลลี้ลับ

แม้ว่านางปีศาจคนนี้จะพูดถึงวัตถุประสงค์ของเธออย่างชัดเจน แต่เย่เซิ่งเทียนก็ยังคงไม่เชื่ออยู่บ้าง

เขารู้สึกว่า เบื้องหลังของสองเป้าหมายที่ช่วยให้เธอสำเร็จเป็นเทพและช่วยพัฒนาให้ตระกูลเหย้ขึ้นเป็นตระกูลอันดับหนึ่งนั้น เหย้ซูหลิงยังคงมีเป้าหมายอะไรที่ยิ่งใหญ่ที่ยังปกปิดอยู่เอาไว้เป็นแน่

เพียงแต่ว่าในเวลานี้เขายังคาดเดาไม่ออก