หวังเป่าเล่ออยู่ด้านหนึ่ง มองดูทั้งสองคนตรงหน้าเขา เขาแค่รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย ทุกวันนี้เขาได้เห็นความจริงภายในดาราจักรไฟทั้งหมดได้อย่างชัดเจนมานานแล้ว
รู้ว่าศิษย์พี่สิบห้าที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ ที่จริงแล้วก็คือร่างอวตารของอาจารย์ ในตอนแรก ไม่ใช่เพียงครั้งเดียวที่ร่างอวตารนี้ชักจูงตนเองให้ตนพูดถึงอาจารย์ในทางไม่ดี แต่ก็ถูกตนเลี่ยงไป หลังจากรู้ความจริง ทุกครั้งที่อีกฝ่ายชักจูงเขาก็จะยิ่งรีบเอ่ยปากสรรเสริญทันที
ดังนั้นตั้งแต่ต้นจนจบเขาจึงไม่ได้ตกหลุมพราง แต่ตอนนี้…เห็นเซี่ยไห่หยางกำลังจะตกลงไปต่อหน้าต่อตา หวังเป่าเล่อก็รู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่ง
“อาจารย์รู้วิธีเล่นจริงๆ… ตีตัวเองก็ช่างเถอะ คำนับตนเองก็ยังพอเข้าใจได้ แต่นี่ขุดหลุมพรางดักศิษย์ ให้ศิษย์พูดถึงตนในทางไม่ดี นี่มันนิสัยของสำนักไหนกัน…” นอกจากหวังเป่าเล่อจะปวดหัวแล้ว ในช่วงเวลานี้เซี่ยไห่หยางก็ทำให้ตนพอใจเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงทนเห็นอีกฝ่ายติดกับดักไม่ได้ เขาจึงส่งเสียงไอขึ้น
“ไห่หยางเอ๋ย เจ้าดื่มมากไปแล้ว”
“มากหรือ เหล้าน้อยเท่านี้ข้าจะดื่มมากได้เท่าใด” เซี่ยไห่หยางได้ฟังก็เงยหน้าขึ้นทันที และความแค้นที่สะสมอยู่ในใจช่วงเวลานี้ดูเหมือนจะระเบิดออกแล้ว
“ดี!” เจ้าสิบห้าตบโต๊ะ ใบหน้าแสดงความชื่นชม ดวงตามีแววเพลิดเพลิน มองไปที่เซี่ยไห่หยาง แล้วเอ่ยปากชื่นชม
“ไห่หยาง ข้าชอบท่าทีของเจ้าเช่นนี้ ต้องรู้ว่าธรรมเนียมของดาราจักรไฟของพวกเรา คิดเช่นไรก็กล่าวเช่นนั้น ข้าจะบอกเจ้า ข้าไม่พอใจอาจารย์มานานแล้ว ที่นี่ไม่มีคนนอก เจ้าคิดจะกล่าวสิ่งใดก็กล่าวออกมาได้เลย”
“อาจารย์ปู่ผู้เฒ่า เขาก็หลอกข้า ลึกลับเกินไปแล้ว” เซี่ยไห่หยางอดทนมานานในที่สุดเวลานี้เขาก็กล่าวออกมาแล้ว หลังจากกล่าวจบ ดูเหมือนเขาจะโล่งใจไม่น้อย แล้วหยิบเหล้าขึ้นดื่มอึกใหญ่
เมื่อเห็นเช่นนี้ หวังเป่าเล่อก็จนด้วยหนทาง ได้แต่หลับตาและทำสมาธิอยู่ด้านข้าง และไม่สนใจคนทั้งสองอีก ก็เป็นเช่นนี้ ภายใต้การชักนำของศิษย์สิบห้า คำต่อว่าในใจของเซี่ยไห่หยางที่มีต่อปรมาจารย์แห่งไฟราวกับการเปิดประตู พรั่งพรูออกมาไม่หยุด ไม่ได้สังเกตในดวงตาของศิษย์สิบห้าเลยแม้แต่น้อยว่ากำลังส่องแสงเป็นประกาย
จนถึงวันรุ่งขึ้น…เป็นไปตามที่หวังเป่าเล่อคาดไว้ เซี่ยไห่หยางผู้ซึ่งตื่นจากอาการเมาค้างก็ได้รับคำสั่งจากปรมาจารย์แห่งไฟในทันที
เขาถูกให้ไปอาบน้ำให้เทพวัว… เรื่องนี้สำหรับหวังเป่าเล่อถือเป็นโอกาสในการฝึกฝนเวทผนึกดารา และเป็นวาสนา แต่หากไม่ได้ฝึกเวทผนึกดารา เช่นนั้นก็นับเป็นการลงโทษแล้ว
อย่างไรก็ตาม ร่างของวัวเฒ่าจะใหญ่โตมากเพียงใดขึ้นอยู่กับอารมณ์ของวัวเฒ่า และเห็นได้ชัดว่าวัวเฒ่านั้นอารมณ์ไม่ดี ดังนั้นเมื่อเซี่ยไห่หยางไปอาบน้ำให้ สิ่งที่เขาเห็นคือร่างที่ใหญ่กว่าที่หวังเป่าเล่อเคยเห็นมาก่อนถึงสิบเท่า
ร่างนี้ โดยพื้นฐานแม้เซี่ยไห่หยางจะมีฐานการฝึกตนที่ดี และถึงจะอาบน้ำให้ทั้งวันทั้งคืนอย่างไรก็ต้องใช้เวลามากกว่าครึ่งปีจึงจะเสร็จ
ดังนั้นภายใต้ความสับสนของเซี่ยไห่หยาง เขาเริ่มทำงานที่หนักหนาสาหัส…และเมื่อหวังเป่าเล่อได้เห็นทั้งหมดนี้ก็ได้แต่ทอดถอนใจ
“เซี่ยไห่หยางเอ๋ยเซี่ยไห่หยาง ข้าบอกเป็นนัยเจ้าไปแล้ว เรื่องนี้เจ้าจะโทษข้าไม่ได้…” ขณะที่หวังเป่าเล่อส่ายหน้า ก็เริ่มฝึกเวทผนึกดาราขั้นที่สอง
ในเวลาเดียวกันดาวเคราะห์ทั่วไปที่เซี่ยไห่หยางขอให้ลูกน้องจัดซื้อมาได้ส่งมาในภายหลัง ถูกหวังเป่าเล่อหลอมรวมเข้าสู่แผนที่ดวงดาวของตน ทำให้แผนที่ดวงดาวมีพลังเพิ่มมากขึ้น
สามเดือนผ่านไป ภายใต้การสนับสนุนของเซี่ยไห่หยาง ในที่สุดแผนที่ดวงดาวของหวังเป่าเล่อก็หลอมรวมดาวเคราะห์ทั่วไปกว่าหมื่นดวงอยู่ภายใน ในเวลาเดียวกันเวทผนึกดาราก็ฝึกฝนไปถึงขั้นที่สองได้อย่างราบรื่น
ขณะเดียวกันสิ่งที่เข้าคู่กันได้กับฐานการฝึกตนดาวพระเคราะห์ขั้นกลาง กฎพลังเทพดาวบรรพกาลเก้าดวงของหวังเป่าเล่อก็เพิ่มขึ้นไม่น้อยหลังมาถึงดาราจักรไฟและทบทวนคัมภีร์โบราณจำนวนมากของปรมาจารย์แห่งไฟ
กฎแห่งเพลิงเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในบรรดาทั้งหมด และเป็นสิ่งที่ปรมาจารย์แห่งไฟต้องการให้เป็นเช่นนั้น ดังนั้นหลังจากทดสอบการฝึกตนของหวังเป่าเล่อแล้ว ขณะที่เซี่ยไห่หยางอาบน้ำให้เทพวัวต่อไป เขาจึงสอนพลังเทพเฉพาะกลุ่มอัคคีให้แก่หวังเป่าเล่อ
ชื่อของมันคือ… คำสาปวิญญาณเพลิง!
การฝึกตนของปรมาจารย์แห่งไฟที่มีพื้นฐานมาจากกฎแห่งไฟได้มาถึงขั้นสุดยอดแล้ว และได้แตกแขนงออกไปหลายสำนักสาขาและประเภทเวทคำสาป มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น
เช่นในปีนั้น หน้ากากที่หวังเป่าเล่อได้รับจากการปฏิบัติภารกิจ สามารถลดระดับดาวเพระคราะห์ลงไป แต่เป็นเพียงช่องทางเวทคำสาปเท่านั้น
“เวทคำสาปที่แท้จริง ข้าจะให้มันชื่อว่า…สวรรค์บันดาลตามปรารถนา!” ปรมาจารย์แห่งไฟจ้องไปที่หวังเป่าเล่อที่อยู่ตรงหน้า กล่าวเสียงทุ้มลึก
หวังเป่าเล่อจิตใจสดชื่น อันที่จริงสิ่งที่ดึงดูดเขามากที่สุดในตอนเริ่มต้นคือคาถาแห่งคำสาปของปรมาจารย์แห่งไฟ เพียงแต่หลังจากมาถึง อาจารย์ไม่เคยกล่าวถึง แม้หวังเป่าเล่อจะเคยถามถึงแต่ปรมาจารย์แห่งไฟก็ไม่มีคำตอบ
ตอนนี้ เมื่ออาจารย์เอ่ยปาก จึงทำให้ดวงตาหวังเป่าเล่อสว่างขึ้นทันที
“โดยรวมแล้ว ข้าแบ่งมันออกเป็นสามระดับ ระดับที่หนึ่งคือ ปรารถนามิอาจสงบ” เมื่อเขาสังเกตเห็นแสงในดวงตาของหวังเป่าเล่อ ปรมาจารย์แห่งไฟมีสีหน้าอ่อนโยน แต่ในไม่ช้าสายตาก็ส่อแววเคร่งขรึม
“ระดับที่สอง คือแค้นมิอาจดับ!”
“สำหรับระดับสุดท้าย เพราะความปรารถนาของข้าไม่สงบยากที่จะดับแค้น ทำได้แต่ให้สวรรค์บันดาลให้ข้าสมปรารถนา สรรพสิ่งบนโลกทั้งหมดในจักรวาล ไม่ว่าจะเป็นกฎเกณฑ์หรือข้อกำหนด ดวงจิตนับไม่ถ้วนล้วนเคลื่อนไหวไปตามที่ข้าสวดท่อง ตามปรารถนาของข้าจึงสงบ!”
“เป่าเล่อ นี่คือวิถีของการเป็นอาจารย์ ด้วยมีไฟเป็นพื้นฐาน และในที่สุดก็พัฒนาออกมาเป็น… วิถีแห่งเวทคำสาป!” เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ แม้คำพูดของปรมาจารย์แห่งไฟจะสงบ แต่หัวใจของหวังเป่าเล่อก็สั่นอย่างรุนแรง
“ใจมิอาจสงบ แค้นมิอาจดับ…” หวังเป่าเล่อเงียบไปครู่หนึ่ง เขาคิดถึงสิ่งที่แม่นางน้อยกล่าวเกี่ยวกับอดีตของอาจารย์ คิดถึงวีรกรรมบนดาวเอกเพลิงนี้
ความปรารถนามิอาจสงบ!
ความแค้นมิอาจดับ!
“แม้ว่าทั้งสามระดับนี้ อาจารย์ก็ยังไม่ถึงขั้นสวรรค์บันดาลปรารถนา ยังอยู่ระดับแค้นมิอาจดับมานานเหลือเกิน แต่…แม้ศิษย์พี่สำนักแห่งความมืดของเจ้าเฉินชิงจื่อ หากไม่จำเป็นจริงๆ ก็ไม่ยินยอมหยอกล้อกับตาเฒ่า ก็เพราะ…”
“ข้ามีสามคำสาปใหญ่ หากสำแดงออกมา ไม่กลัวการร่วมมือ ก็สามารถทำลายจักรพรรดิสวรรค์ได้ นี่ก็เป็นสาเหตุที่ตระกูลไม่รู้สิ้นรู้ว่าข้าเป็นผู้สังหาร แต่สาเหตุที่มีอยู่กลับนิ่งเงียบ เพียงแต่ว่าสามคำสาปใหญ่มีค่าตอบแทนที่ต้องเสียเมื่อสำแดง…คือร่างของข้าพินาศอย่างสมบูรณ์ในภพชาติ ไม่อาจกลับมาอีกในภพนี้!”
“ดังนั้นตราบใดที่ข้าไม่รุกล้ำเส้นของพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่รุกรานทั้งหมด และควบคุมสถานการณ์ให้ดี เช่นนั้นก็จะไม่มีจักรพรรดิสวรรค์ผู้นั้นกล้ามาแลกชีวิตกับข้า!”
“ดังนั้นอาจารย์ปกป้อง อาจารย์บ้าคลั่ง เพราะอาจารย์ไม่เกรงกลัวสิ่งใด!” ในขณะที่ปรมาจารย์แห่งไฟกล่าว ก็ระเบิดพลังโครมใหญ่สะเทือนไปทั่วดาราจักรไฟ ทำให้หวังเป่าเล่อหายใจถี่รัว เวลานี้จึงได้รู้จักปรมาจารย์แห่งไฟอย่างแท้จริง
“เป่าเล่อ สิ่งที่สอนเจ้าในวันนี้ ก็คือพื้นฐานของระดับที่หนึ่ง คำสาปวิญญาณเพลิง!” พูดพลาง ปรมาจารย์แห่งไฟก็ยกมือขวาขึ้น สัมผัสไปที่หว่างคิ้วของหวังเป่าเล่อทันที
เวลานี้วิชาสืบทอดส่วนใหญ่เกี่ยวกับคำสาปนี้ก็ถ่ายทอดสู่สมองของหวังเป่าเล่อในทันที ทำให้เกิดเสียงดังขึ้นในส่วนศีรษะของเขา สมองเหมือนถูกเฉือนออกและข้อมูลมากมายก็ปรากฏขึ้น
อีกนานกว่าที่หวังเป่าเล่อจะฟื้นคืนสติแล้วจึงหายใจถี่รัว เมื่อเงยหน้าขึ้นมา เขาก็มองไม่เห็นแม้แต่เงาของปรมาจารย์แห่งไฟแล้ว มีเพียงคำพูดของอาจารย์ที่ดังอยู่ข้างหูซึ่งส่งมาจากความว่างเปล่า
“เป่าเล่อ เจ้ามีเวลาเพียงครึ่งปี หลังจากครึ่งปีเจ้าจงไปสักการะประมุขกฏสวรรค์ ในฐานะนายน้อยดาราจักรไฟ ที่นั่น ข้าได้แลกมาให้เจ้าส่วนหนึ่งแล้ว นั่นคือชะตาวาสนา!”
หวังเป่าเล่อร่างสั่นเทิ้ม ประสานหมัดคำนับไปยังเบื้องหน้าที่ว่างเปล่า
“ขอบคุณท่านอาจารย์”
ไม่มีการตอบรับใดๆ หวังเป่าเล่อรอเป็นเวลานาน จากนั้นเขาก็ออกจากหอคอยของอาจารย์ด้วยความตกใจที่เกิดจากความเข้าใจก่อนหน้านี้ของเขาเกี่ยวกับเวทคำสาป และในขณะเดียวกับที่เขาจากไปท่ามกลางท้องฟ้า เทพวัวที่เซี่ยไห่หยางกำลังอาบน้ำให้ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ลึกลงไปในดวงตากลับแฝงแววเศร้าโศก
“อาจารย์นั้นขี้ขลาด…เพราะไม่อาจตัดใจแสวงหาการร่วมเป็นร่วมตายด้วยได้ ด้วยเพราะแค้นยากดับ ด้วยเพราะข้าทำได้เพียงล้มจักรพรรดิสวรรค์ผู้เดียว แต่ไม่อาจล้มทั้งตระกูลไม่รู้สิ้น!”
วัวเฒ่าพึมพำ พูดคำที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้ยิน แม้เซี่ยไห่หยางที่อาบน้ำให้เขาอยู่ใกล้ๆ แต่ก็ไม่อาจได้ยิน ได้แต่อาบน้ำไปพลาง รู้สึกว่าดูเหมือนอีกฝ่ายกำลังกล่าวอะไรอยู่
“ท่านวัวอาวุโส ท่านกล่าวสิ่งใดหรือ?”
“ข้าพูดว่าเจ้าเด็กเวร ยังไม่ล้างก้นให้ข้าวัวเฒ่าอีก ไม่เห็นหรือว่าตรงนั้นมันสกปรก! ”
……………………………….