บทที่ 784 จะมีผู้ใดสามารถหยุดยั้งเหลียงหยวนเตาได้บ้าง?

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 784 จะมีผู้ใดสามารถหยุดยั้งเหลียงหยวนเตาได้บ้าง?

เฮ้อ

หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมา

ให้ตายสิ

ไม่ต้องกล่าวถึงเลยว่าตลอดการต่อสู้ที่ผ่านมา เหลียงหยวนเตาแสดงออกถึงความแข็งแกร่งมากมายขนาดไหน นอกจากมีทักษะในการลอกเลียนแบบวิทยายุทธ์ของฝ่ายตรงข้ามแล้ว เหลียงหยวนเตายังมีความสามารถในการรักษาอาการบาดเจ็บขั้นสุดยอด ต่อให้เป็นผู้มีพลังขั้นเซียนตัวจริงมารับมือ ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถต่อกรกับไอ้หมูตอนนรกผู้นี้ได้

แต่สุดท้าย หลิงเฉินกลับใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ก็สามารถเอาชนะเหลียงหยวนเตาได้แล้ว

เฮ้อ หลิงเฉิน เจ้านี่แข็งแกร่งจริงๆ เลยนะ

หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาอีกครั้งและรีบออกคำสั่งว่า “เร็วเข้า รีบมารับตัวฮูหยินใหญ่ของพวกเจ้า… เอ๊ย ไม่ใช่ รีบมารับตัวคุณหนูหลิงไปเดี๋ยวนี้…”

บัดนี้ แค่ต้องรู้สึกเหมือนมีเข็มแหลมทิ่มแทงอวัยวะภายในทั้งห้าส่วนก็เจ็บปวดทรมานมากพอแล้ว ถ้าให้ต้องประคองกอดใครอีกคนหนึ่งตลอดเวลา หลินเป่ยเฉินคงได้กระอักเลือดตายกันพอดี

เฉียนเจินรีบเข้ามารับตัวหลิงเฉินกลับไปปฐมพยาบาลในพื้นที่ปลอดภัย

หลินเป่ยเฉินกัดฟันข่มความเจ็บปวดและมองไปข้างหน้า

เพียงแวบเดียวเท่านั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

แอ่งโลหิตบนพื้นดินขยายอาณาเขตมากขึ้นอีกครั้ง

บัดนี้ มันแทบไม่ต่างจากทะเลสาบขนาดย่อม

ซากศพของมือปราบอินทรีธูมรณะผู้ทำการระเบิดพลีชีพตนเองถูกกลืนกินลงไปในแอ่งโลหิต ทำให้ในขณะนี้มีแขนขามนุษย์ลอยว่อนอยู่บนผิวน้ำสีแดง แต่สภาพโดยรวมก็คือผิวน้ำยังราบเรียบราวกับแผ่นกระจก ไม่มีคลื่นพลังลมปราณหรือกลิ่นไอปีศาจพุ่งขึ้นมา

แอ่งโลหิตมีสภาพราวกับเป็นกระจกขนาดมหึมาที่แปดเปื้อนคราบสกปรกบานหนึ่ง

สายลมเย็นพัดผ่าน

หลินเป่ยเฉินพลันเกิดความคิดบางอย่าง

ทุกครั้งที่ฟื้นคืนชีพ เหลียงหยวนเตาจะกลับขึ้นมาจากแอ่งโลหิตเสมอ

แล้วพลังในแอ่งโลหิตมาจากไหน?

ก็ในเมื่อตอนที่เหลียงหยวนเตาตกลงไปในแอ่งโลหิตมีสภาพถูกสับเละเทะไปแบบนั้น?

ไม่ปกติ

เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับที่เหลียงหยวนเตาตั้งใจส่งลูกสมุนของตนเองออกมาตายแน่นอน

ไม่แน่ว่าเลือดเนื้อและซากศพของคนตายอาจส่งพลังให้แก่แอ่งโลหิต และทำให้เหลียงหยวนเตาไม่คิดเสียใจ แม้จะต้องเสียสละชีวิตมือปราบอินทรีธูมรณะกลุ่มสุดท้ายของตนเองก็ตาม

เพราะเขามาที่นี่เพื่อฆ่า

ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายศัตรูหรือฝ่ายตนเอง

ยิ่งมีคนตายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีเท่านั้น

ไม่ว่าจะเป็นโลหิตที่ไหลทะลัก ไม่ว่าจะเป็นซากศพของผู้คนที่ล้มตาย ไม่ว่าจะเป็นความโกรธแค้น ความหวาดกลัว หรือความรู้สึกด้านลบก่อนเสียชีวิต สิ่งเหล่านี้อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างให้เหลียงหยวนเตาฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า

ในนิยายออนไลน์ที่หลินเป่ยเฉินเคยอ่าน ก็มีหลายเรื่องที่ใช้พล็อตแบบนี้ไม่ใช่หรือ?

ถึงจะรีบสั่งให้ผู้คนมาเก็บกวาดซากศพในตอนนี้มันก็สายไปเสียแล้ว

หลินเป่ยเฉินร่างกายเปียกชุ่มด้วยหยาดเหงื่อ ใบหน้าขาวซีด เจ็บปวดจนร่างกายสั่นเทาไร้ซึ่งเรี่ยวแรง

เฉียนเหมยและยอดฝีมือคนอื่นๆ ยืนดูด้วยความกระวนกระวาย แต่ถ้าหลินเป่ยเฉินยังไม่ออกคำสั่ง พวกเขาก็ไม่กล้าลงมือทำอะไรโดยพละการ สองสาวรับใช้จ้องมองเด็กหนุ่มด้วยดวงตาที่มีน้ำตาคลอเต็มเบ้า เช่นเดียวกับเหล่ายอดฝีมือและคนสนิทของเขาทุกคนที่แสดงสีหน้าวิตกกังวลอย่างชัดเจน…

ในทันใดนั้น…

ปุดปุดปุด!

ผิวน้ำของแอ่งโลหิตที่ราบเรียบราวกระจกกลับมีฟองอากาศผุดพราวขึ้นมาอีกครั้ง อุณหภูมิพุ่งขึ้นสูง เกิดเป็นหมอกควันสีแดงลอยฟุ้งขึ้นสู่ท้องฟ้า รวมตัวกันเป็นก้อนเมฆสีแดงในอากาศ

บรรยากาศแปลกประหลาดพิกล

คล้ายกับว่าประตูมิติแห่งภพภูมิอสูรกายได้เปิดออกอีกครั้ง

ก้อนเมฆสีโลหิตที่รวมตัวอยู่บนท้องฟ้าไม่ต่างจากแอ่งโลหิตที่ลอยอยู่กลางอากาศ

หัวใจของทุกคนกระตุกวูบด้วยความหวาดกลัว

และในแอ่งโลหิตขณะนี้ก็ยังคงมีฟองอากาศผุดพราวขึ้นมาไม่หยุดยั้ง ผิวน้ำเกิดความปั่นป่วนรุนแรง ราวกับว่าสัตว์ประหลาดที่อยู่ข้างใต้กำลังตะเกียกตะกายหมายมุ่งพุ่งขึ้นมา

ผู้คนพากันถอยหนีด้วยสัญชาตญาณ

บรรดาขุนนางใหญ่ มหาเศรษฐีและยอดฝีมือระดับเจ้าสำนักก็ไม่สามารถยืนดูอยู่จุดเดิมได้แล้วเช่นกัน

พวกเขาทราบแล้วว่าเหลียงหยวนเตาจะต้องฟื้นคืนชีพกลับมาแน่นอน

ไม่มีผู้ใดรู้เลยว่าการฟื้นคืนชีพครั้งนี้ของเหลียงหยวนเตาจะทำให้ชายอ้วนผู้วิกลจริตมีความน่ากลัวขนาดไหน?

จะมีผู้ใดสามารถหยุดยั้งเหลียงหยวนเตาได้บ้าง?

ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะไม่ภักดีต่อผู้ที่มีฐานะเป็นท่านเจ้าเมือง แต่เหลียงหยวนเตาในขณะนี้กลายเป็นปีศาจโดยสมบูรณ์แบบ ไม่ใช่เหลียงหยวนเตาคนเดิมที่พวกเขาเคยรู้จักอีกต่อไป

ตู้ม!

เสาโลหิตขนาดใหญ่พุ่งขึ้นมาจากใจกลางแอ่งโลหิต

ม่านหมอกเลือดสาดกระจายในอากาศ

เกิดเสียงอุทานดังขึ้นรอบบริเวณ

“หืม?”

หลินเป่ยเฉินพยายามเงี่ยหูฟัง

บัดนี้ ดูเหมือนเสียงฟองน้ำที่เดือดปุดอยู่ในแอ่งโลหิตจะหายไปแล้ว

หลินเป่ยเฉินจ้องมองม่านหมอกเลือดในอากาศด้วยความวิตกกังวล

ตอนนี้ร่างกายของเขาเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนกับว่าอวัยวะภายในทั้งห้าส่วนกำลังจะถูกฉีกทิ้งออกเป็นเสี่ยงๆ นอกจากศีรษะเพียงส่วนเดียวแล้ว อวัยวะแทบทุกส่วนในร่างกายเกิดความเจ็บปวดราวกับมีเข็มแหลมทิ่มแทงจำนวนหลายล้านเล่ม และมันก็เป็นความรู้สึกเจ็บปวดที่คงอยู่อย่างนั้นไม่จางหายไป…

นี่ชาติที่แล้วเขาเกิดเป็นกระสอบทรายหรือไงนะ?

หลินเป่ยเฉินกัดฟันกรอดเพื่อข่มความเจ็บปวด

สิ่งที่เขาควรทำในขณะนี้ คือหันหลังกลับวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด และนั่นก็คือสิ่งที่หลินเป่ยเฉินอยากทำมากที่สุดเช่นกัน

แต่คุณชายหลินรู้ดีว่าตนเองหลบหนีไม่ได้

เมื่อเหลียงหยวนเตาฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง ระดับพลังของมันก็จะสูงส่งมากกว่าเดิม และไม่มีโอกาสที่เขาจะหนีรอดได้สำเร็จ

จึงเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์ที่จะหาหนทางหลบหนี

แต่จะให้อยู่สู้ต่อไป ไม่ว่าเขาหรือใคร ก็คงรับมือไม่ไหวอีกแล้ว

หลินเป่ยเฉินกําหมัดแน่น

ทันใดนั้น ม่านหมอกเลือดที่แผ่หมกคลุมในอากาศก็ค่อยๆ จางหายไป

สัตว์ประหลาดที่มีความสูงหลายสิบเซี๊ยะปรากฏขึ้นในคลองสายตาของทุกคน

สัตว์ประหลาดตัวนี้มีหัวกับลำตัวเป็นมนุษย์ แต่แขนขามีกล้ามเนื้อปูดโปนเกินกว่าจะเรียกว่าเป็นอวัยวะมนุษย์ได้อีกแล้ว ต่อให้เป็นพวกนักเพาะกายฉีดฮอร์โมนบนโลกมนุษย์ หลินเป่ยเฉินก็ยังไม่เคยเห็นใครมีแขนขาโป่งพองด้วยมัดกล้ามเนื้อมากขนาดนี้มาก่อน

ศีรษะของสัตว์ประหลาดมีผมสีเทาที่ถูกชโลมด้วยโลหิตสีแดงสด

โลหิตไหลหยดลงมาจากเส้นผม

โครงหน้าเป็นมนุษย์ หู ตา ปากเป็นมนุษย์ มีเพียงจมูกอย่างเดียวเท่านั้นที่มีลักษณะคล้ายกับจมูกนก ยามเมื่อผู้คนจ้องมองใบหน้าของมัน ก็จะรู้สึกได้ถึงความเป็นอันตรายโดยสัญชาตญาณ

และที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยก็คือปีกขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังเหลียงหยวนเตา มันเป็นปีกผังผืดขนาดใหญ่ เปียกชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงสด หากยังไม่ได้กางออกกว้าง ก็จะดูน่าตลกขบขันและแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง