ตอนที่ 595 สมรู้ร่วมคิด

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 595 สมรู้ร่วมคิด โดย Ink Stone_Fantasy

ย่านไชน่าทาวน์ในซานฟรานซิสโกมีบ้านที่สร้างคล้ายเรือนสี่ประสานเรียงกันอยู่เป็นแถว พื้นที่โดยรวมทั้งหมดหลายพันตารางเมตร บ้านเก่าเหล่านี้ถูกห้อมล้อมด้วยร้านค้าแผงลอยมากมาย

เสียงโหวกเหวกซื้อขายต่อรองราคาดังขึ้นจากภายนอก ในเรือนสี่ประสานกลับเงียบสงบ บรรดาผู้เฒ่าผมขาวออกมานั่งสุมหัวกันโขกหมากรุก

มุมด้านตะวันออกมีบ้านหลังใหญ่ มีคนหนุ่มจำนวนเกือบร้อยกำลังฝึกฝนกันอย่างแข็งขัน ส่งเสียงอย่างพร้อมเพรียงกันดัง “ฮ่า…ฮ่า” ที่นี่เป็นตำหนักอาญาของสมาคมหงเหมิน

ชายวัยสี่สิบเศษรูปร่างสูงใหญ่กำลังเดินเข้าไปใกล้กลุ่มคนหนุ่มเหล่านั้น ดูท่าทางของบางคนที่ออกท่าทางไม่ถูกต้องแล้วเข้าไปสั่งสอนโดยใช้เท้าเตะหรือใช้มือดัน พอมีคนล้มคนหนึ่งจะมีเสียงหัวเราะตามมา

“ท่านหู่ โทรศัพท์ครับ คุณชายซ่งโทรมา!” ลูกน้องหนุ่มสวมชุดสูทหนังที่ดูแตกต่างจากคนอื่น ค่อยๆเดินเข้ามาหาชายวัยกลางคน

“เหวินกวง เจ้านั่นไม่ได้กลัวว่าการทรยศหักหลังของเขาจะถูกคนตระกูลซ่งจับได้ใช่ไหม?”

เหลยหู่ยิ้มเย็น พูดว่า “ตอนจะไปก็รีบๆร้อนๆ เหมือนกลัวว่าจะถูกโยงว่าเกี่ยวข้องกับสมาคมหงเหมินของเรา ทำไมอยู่ๆถึงโทรมาอีก?”

เหลยหู่รูปร่างสูงใหญ่เหมือนผู้เป็นบิดา ความสูงน่าจะประมาณ190เซนติเมตร แต่หน้าตาคมคายด้วยจมูกโด่งงองุ้มเหมือนเหยี่ยว ทำให้ไม่รับกับท่าทางหยากร้านของเขาเลย มองดูแล้วให้ความรู้สึกว่าเขาเป็นคนเลือดเย็นอำมหิต

แต่ ณ ตอนนี้เหลยหู่กำลังอยู่ในช่วงวัยที่แข็งแรง มีชีวิตมั่นคงและหวังถึงความเจริญรุ่งเรือง เนินข้างขมับทั้งสองนูนเด่น แววตามีประกายเข้มแข็ง ทำให้คนอื่นๆมักหลบสายตา อิริยาบถการเคลื่อนไหวแสดงว่าเคยฝึกกำลังภายใน

เขายืนอยู่ต่อหน้าคนในสำนักนับร้อย ให้ความรู้สึกราวกับเขาเป็นพญาอินทรีย์ในฝูงนกกา เรือนอันโอ่โถงแห่งนี้ดูไม่เพียงพอจะรองรับต่อความทะเยอทะยานของเขาได้เลย

“ท่านหู่ เจ้านั่นมันสารเลวขนาดนี้ยังอยากจะตั้งตัวเป็นใหญ่อีก เขาไม่เห็นมีอะไรดีสักอย่าง”

ลูกน้องหนุ่มข้างกายเหลยหู่แต่งตัวด้วยชุดสากล แต่เมื่อเอ่ยปากพูดล้วนเป็นถ้อยคำหยาบช้าทั้งนั้น ดูราวกับคนที่ไม่มีการศึกษา

“ฮ่าฮ่า เหวินกวง ฉันชอบคำพูดแกนะ…”

เหลยหู่ฟังจบก็หัวเราะออกมา ตบบ่าลูกน้องเบาๆ ตอบว่า “แกนี่ต่างกับพวกคนมีการศึกษามากจริงๆ สมแล้วที่เป็นศิษย์ของสำนักเรา”

ชายหนุ่มคนนี้ชื่อเผิงเหวินกวง พ่อของเขาเคยเป็นนักรบแนวหน้าของตำหนักอาญา สิบกว่าปีก่อนได้ต่อสู้เพื่อแย่งชิงพื้นที่จนถูกแทงทั่วร่างมากถึงสิบแปดแผลจนเสียชีวิต เผิงเหวินกวงจึงเติบโตขึ้นด้วยการเลี้ยงดูของคนในสมาคมหงเหมิน

เขาต่างจากสมาชิกคนอื่นๆที่ชอบฝึกดาบฝึกกระบอง เผิงเหวินกวงตั้งใจศึกษาเล่าเรียนตั้งแต่เด็ก ต่อมาสอบเข้ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สาขากฎหมายได้ เมื่อเรียนจบแล้วก็ติดตามเหลยหู่ จนกลายเป็นสมาชิกรุ่นใหม่ที่มีความสามารถสูงคนหนึ่ง

แต่ด้วยความที่โตมาในสังคมชั้นล่าง เผิงเหวินกวงแม้ภายนอกจะดูเหมือนบัณฑิตทรงภูมิ หากแต่เวลาเอ่ยถ้อยคำออกมานั้นกลับฟังดูเหมือนคนชั้นล่างที่ไม่เคยเรียนหนังสือ เขาเป็นที่ชื่นชอบของเหลยหู่มาก

เมื่อเดินเข้าไปในโถงด้านในแล้วเหลยหู่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย “เสี่ยวหลง ไม่ใช่ว่าช่วงนี้ไม่ให้ติดต่อกันหรอกหรือ? ทำไมนายถึงโทรมาหาลุงหู่ได้เล่า?”

แม้เลือกที่จะร่วมมือกับซ่งเสี่ยวหลง แต่กับคนที่มีใจคิดทรยศอย่างซ่งเสี่ยวหลงแล้ว เหลยหู่ยังรู้สึกดูถูกดูแคลน เพราะการกระทำเยี่ยงนี้เป็นกฎข้อห้ามของสมาคมหงเหมิน

“ลุงหู่ ได้ยินว่าอาหญิงของผมไปถึงซานฟรานซิสโกแล้วหรือ?”

เสียงของซ่งเสี่ยวหลงแหบต่ำ ดูท่าเขาน่าจะไปถึงที่แอฟริกาที่อากาศร้อนระอุแล้ว ตอนกลางคืนเขาเปิดเครื่องปรับ อากาศเย็นเกินไปจึงเป็นหวัดเล็กน้อย

“เรื่องนี้ฉันรู้แล้ว พี่หลันพักอยู่ที่โรงแรมฮิลตัน”

ในซานฟรานซิสโกไม่มีเรื่องไหนจะรอดพ้นสายตาของคนในสมาคมหงเหมินไปได้ ตั้งแต่ซ่งเวยหลันลงจากเครื่องบิน เหลยหู่ก็ทราบข่าวทันที แต่เขาคิดไม่ถึงว่าตู้เฟยจะไปรับซ่งเวยหลันด้วยตัวเอง ทำให้แผนการของเขาเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเล็กน้อย

ความจริงแล้วซ่งเวยหลันและเหลยหู่รู้จักกันมายี่สิบกว่าปีแล้ว เขาอ่อนวัยกว่าเธอไม่กี่ปี จึงเรียกว่าพี่หลันจนชินแล้ว

“ลุงหู่ แล้ว…ถ้างั้นทำไมลุงไม่รับอาหญิงไปที่สมาคมหงเหมินเสียเลย?”

เสียงของซ่งเสี่ยวหลงฟังดูสั่นคลอน เขารู้ดีว่าซ่งเวยหลันมีอำนาจในหมู่ตระกูลซ่งที่อยู่ต่างประเทศ ถ้าเธอไปที่นิวยอร์คได้ การก่อความวุ่นวายครั้งนี้ก็จะถูกเธอกำราบลง

แม้เงินจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์จะอยู่ในมือ แต่เขายังต้องแบ่งให้เหลยหู่ครึ่งหนึ่ง? อีกทั้งในมือของซ่งเวยหลัน ยังกุมทรัพย์สินเอาไว้อีกหลายแสนล้าน

ซ่งเสี่ยวหลงตระเตรียมคนเอาไว้แล้ว พร้อมที่จะเข้าควบคุมกิจการที่ซ่งเวยหลันสร้างมาทั้งหมดได้ทุกเมื่อ แน่นอนว่าต้องให้เหลยหู่ควบคุมตัวซ่งเวยหลันเอาไว้และบีบบังคับให้เธอลงชื่อในเอกสารโอนหุ้นทั้งหมดให้ได้เสียก่อน

“ฉันจะทำอะไร ต้องให้นายสอนด้วยเหรอ?”

ฟังซ่งเสี่ยวหลงพูดจบเหลยหู่หัวเราะเสียงเย็น “เสี่ยวหลง เรื่องบางเรื่องน่ะใจร้อนไม่ได้ พี่หลันเป็นใคร? ถ้าเรื่องที่ฉันไปกักตัวเธอแพร่งกระจายออกไปละก็ จะต้องส่งผลต่อสังคมชั้นสูงในอเมริกาแน่นอน”

“แต่ว่าลุงหู่ โอกาสหาได้ยากนะ ถ้าอาหญิงไปถึงนิวยอร์คแล้ว เรื่องที่พวกเราลงทุนลงแรงไปตอนแรกก็จะเสียเปล่านะ อีกอย่าง อีกอย่างเงินก้อนนั้นผมก็โอนไปให้ลุงไม่ได้ด้วย”

ซ่งเสี่ยวหลงร้อนใจ จึงหลุดปากพูดคำข่มขู่ออกไป เงินก้อนที่ว่าเป็นเงินทุนมูลค่าสูงถึงเกือบหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐจะตกอยู่ในมือเขาทั้งหมด  คนแซ่เหลยจะไม่ได้ส่วนแบ่งสักบาท

“เอ๋? เสี่ยวหลง นี่นายกำลังขู่ฉันเหรอ?” เหลยหู่หน้าหักลง น้ำเสียงเรียบเย็นกว่าตอนแรก

ซ่งเสี่ยวหลงรู้ตัวว่าเขากำลังพูดจาล่วงเกิน จึงรีบอธิบาย “ผมมีหรือจะกล้า? ลุงเหลย ถ้าอาหญิงพูดให้คนในสำนักงานให้ความร่วมมือในการสืบสวนได้สำเร็จ เป็นไปได้จะทำการแช่แข็งเงินก้อนนั้นไว้ ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วผมจะเอาเงินที่ไหนส่งให้ลุงละครับ?”

สิ่งที่ซ่งเสี่ยวหลงพูดเป็นความจริง ถึงแม้การกระทำของเขาในครั้งนี้เกือบจะไม่มีช่องโหว่ แต่เงินเป็นพันเป็นหมื่นล้านนั่นไม่ได้อยู่ๆก็หายไปเฉยๆ แต่ผ่านการค่อยๆโอนออกไปทีละไม่มากจนหมด

แต่ด้วยเวลาอันสั้น เงินก้อนนี้ยังสามารถสืบหาเบาะแสได้ ด้วยชื่อเสียงและเส้นสายของซ่งเวยหลันในอเมริกา  ไม่แน่ว่าอาจจะตามเงินคืนมาได้ทั้งหมด

“ยังมีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?”

เหลยหู่ชะงักไป หันไปมองเผิงเหวินกวงทีหนึ่ง เห็นเผิงเหวินกวงพยักหน้าให้ สีหน้าจึงดูผ่อนคลายลงบ้าง ตอบกลับว่า “เอาล่ะ เรื่องนี้ฉันรู้แล้ว นายวางใจเถอะ พี่หลันออกไปจากซานฟรานซิสโกไม่ได้แน่นอน!”

“เหวินกวง เจ้านั่นมันพูดจริงหรือ?” ในสมาคมหงเหมินมักจะใช้โทรศัพท์แบบนี้คือ เสียงจากปลายสายฝ่ายตรงข้ามจะดังอย่างชัดเจน เหลยหู่รู้ว่าเผิงเหวินกวงต้องได้ยิน

“ก็อาจมีความเป็นไปได้”

เผิงเหวินกวงพยักหน้า ถามต่ออย่างกังขาว่า  “ท่านหู่ ทำไมท่านถึงไม่ควบคุมตัวซ่งเวยหลันไว้ตั้งแต่ลงจากเครื่องบินเสียเลยเล่า? ท่านตู้คงจะไม่กล้าหาเรื่องท่านหรอกครับ?”

เหลยหู่ส่ายหัวตอบว่า “พี่เฟยกับฉันครอบครัวเราสนิทกันมาก ฉันไม่อยากให้เรื่องนี้ทำให้ขัดแย้งกับเขา”

แม้ว่าตู้เฟยจะออกจากสมาคมหงเหมินไปสิบกว่าปี แต่พวกลูกน้องสมัยตอนที่บิดาของตู้เฟยนั่งตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ ตอนนี้ต่างมีอิทธิพลเข้มแข็งในสมาคมหงเหมินกันเสียส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นกำลังที่ไม่อาจประมาทได้

แม้เหลยหู่จะไม่ได้เกรงกลัวตู้เฟย การต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งกำลังอยู่ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ การผลักดันให้ตู้   เฟยกลายจากมิตรเป็นศัตรูหรือยิ่งไปกว่านั้นคือการทำให้เรื่องราวใหญ่โต อาจจะหนีไม่พ้นหูพ้นตาของเหลยเจิ้นเยว่

“ท่านหู่ แล้วตอนนี้จะทำอย่างไรดี?” เผิงเหวินกวงถาม

“ทำยังไง? ยังต้องถามอีกเหรอ?”

เหลยหู่หรี่ตาลงพูดต่อว่า  “ให้อาหงพาคนห้าสิบคนไป ยับยั้งพี่หลันเอาไว้ให้ได้…”

ปกติเหลยหู่เป็นคนไม่ค่อยมีน้ำใจอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นคงจะไม่ปิดบังบิดาของตนกับซ่งเสี่ยวหลงถึงแผนการกักตัวซ่งเวยหลันเอาไว้

ตอนแรกเพราะเห็นแก่หน้าของตู้เฟย เหลยหู่ไม่อยากทำเรื่องเกินเลย แต่ถ้ามันเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินจำนวนมหาศาลนั้น เขาก็จะไม่สนใจคนอื่นแล้ว ถ้าไม่มีเงิน คำสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะกับเหล่าสมาชิกในสมาคมหงเหมินที่ตนเคยให้ไว้จะกลายเป็นแค่เรื่องน่าขันในสายตาของคนอื่น

เห็นเผิงเหวินกวงรับคำแล้วหันหลังจะเดินออกไป แต่ถูกเหลยหู่เรียกเอาไว้พูดว่า “ใช่แล้ว ให้อาหงพาคนไป ขอแค่อย่าทำร้ายคนในสมาคมหงเหมิน ส่วนคนอื่นที่อยู่กับพี่หลันนั้นไม่ต้องเกรงใจ”

หลังจากเรื่องนี้จบลง สมาคมหงเหมินกับตระกูลซ่งจะไม่ได้ญาติดีกันอีก เหลยหู่ไม่สนใจว่าจะลงมือเหี้ยมโหดเกินไป

คำโบราณว่าไว้ บัณฑิตได้พบกับทหารแล้วหลักการต่างๆจะอธิบายไม่ออก เหลยหู่เดิมเป็นนักเลงเก่า เขาไม่ได้คิดถึงผลกรรมที่จะได้รับจากสิ่งที่ทำกับซ่งเวยหลัน บนโลกนี้มีคนอยากให้เขาตายอีกมาก แต่เขาก็ยังใช้ชีวิตเสพสุขอย่างดีอยู่ไม่ใช่หรือ?

………………-

“เจ้านาย ข้างนอกปลอดภัยดีครับ!”

ขณะที่เหลยหู่กำลังออกคำสั่ง ทางกลุ่มของซ่งเวยหลันก็กำลังออกจากห้องสูทของโรงแรม แต่พวกเขาไม่ได้ลงลิฟท์ไปที่ชั้นล่างเหมือนเคย แต่ไปที่ชั้นสี่ แล้วเปลี่ยนไปใช้ลิฟท์พนักงาน และออกจากโรงแรมไปทางประตูด้านหลัง

รถเบนซ์ที่ดูธรรมดาคันหนึ่ง แต่ติดตั้งกระจกกันกระสุนและตัวถังรถเป็นเหล็กกล้าหนาจอดเทียบท่ารอยู่ที่ประตูหลังของโรงแรม ห่างจากรถคันนั้นไปสิบกว่าเมตรมีกลุ่มชายฉกรรจ์เจ็ดแปดคนที่ใบหน้าบวมแดงยืนดูอยู่

ภายใต้การคุ้มครองของพวกเฟร็ด ซ่งเวยหลันและแอนนาขึ้นไปนั่งบนรถเบนซ์แล้ว

“คุณชายน้อย…” เสียงที่เรียกทำเอาเยี่ยเทียนที่กำลังจะก้าวขาขึ้นรถรีบหดขากลับแทบไม่ทัน

“คุณชายน้อย ผมเป็นคนไม่เอาไหน คนของเหลยหู่กำลังมาที่นี่ คุณหนีไปหลบที่นิวยอร์คก่อนก็ดี”

ต่อหน้าเยี่ยเทียนตู้เฟยแสดงสีหน้าละอายใจอย่างสุดซึ้ง ในดวงตาปรากฏแววของความผิดหวัง เขาคิดว่าเยี่ยเทียนจะเปลี่ยนใจติดตามซ่งเวยหลันไปด้วย

แม้ตู้เฟยจะไม่ได้ตั้งความหวังเรื่องตำแหน่งหัวหน้าสมาคมหงเหมินมากนัก แต่คำพูดของเยี่ยเทียนกลับทำให้เขาเกิดความคิดใหม่ขึ้นมา แต่ถ้าตอนนี้เยี่ยเทียนจากไป เขาก็จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว

“ผมไม่ไปหรอก รอให้ผมส่งแม่เสร็จก่อน แล้วผมจะกลับมา”

เยี่ยเทียนมองดูตู้เฟย แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า “ที่นี่อยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว คุณช่วยหาที่อยู่ใหม่ให้ผมที คืนนี้ผมค่อยโทรหาคุณ”

………………………………………………..