ตอนที่ 981 ประหลาดใจหรือไม่ ?

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 981 ประหลาดใจหรือไม่ ?

จี้หยุนกุยเอ่ยคำถามเดิมกับชายอ้วนถึงสองครา “แท้จริงแล้วฝ่าบาทเป็นโอรสของท่านกับคุณหนูใช่หรือไม่ ! ”

คำถามนี้สำคัญมากยิ่งนัก ทั้งยังมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการคาดเดาของจี้หยุนกุยในบางเรื่อง

ชายอ้วนสาบานแล้วเอ่ยอย่างเด็ดขาดว่า “อู๋ฉางเฟิงคือน้องชายของข้า ส่วนสวี่หยุนชิงคือน้องสะใภ้ ข้าเป็นผู้เลวทรามต่ำช้าเยี่ยงสัตว์ป่าถึงเพียงนั้นเลยหรือ ? ข้าก็มีจิตสำนึก ! ข้าจะบอกเจ้าว่าแท้จริงแล้วฟู่เสี่ยวกวนเป็นบุตรของน้องชายข้าและสวี่หยุนชิง ! ”

เป็นเพราะคำตอบนี้จี้หยุนกุยจึงจมอยู่ในความคิดแล้วพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนเป็นเวลานาน ในที่สุดก็ตัดสินใจว่าเกาเสี่ยนเอ่ยโกหกและได้ข้อสรุปว่า จักรพรรดิเหวินมิน่าทำผิดพลาดคราใหญ่ในสนามรบ ณ เมืองเปียนเฉิง

พระองค์ย่อมต้องแจ้งไปยังซูฉางเซิงก่อนแน่นอน !

ทว่าซูฉางเซิงก็ยังมาช้าเพียงก้าวเดียว

มาช้าเพียงก้าวเดียว จนทำให้สวี่หยุนชิงถูกฝานอู๋เซียงโจมตีเข้าที่จุดสำคัญ

จี้หยุนกุยมิอาจมั่นใจได้ว่าคุณหนูยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ หากคุณหนูสวมชุดคราบจักจั่นเอาไว้ นางย่อมมิตกตายโดยง่ายอย่างแน่นอน

ทว่าเขาก็ยังมิเข้าใจเหตุผลของมันว่า…หากคุณหนูยังมิตายในตอนนั้น ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้สังหารฝานอู๋เซียงไปแล้ว ซูฉางเซิงก็ได้สังหารเหล่าพระนักรบแล้ว ทว่าเหตุใดนางยังต้องตายต่อหน้าทุกคนอีกเล่า ?

เหตุใดซูฉางเซิงต้องทำเช่นนี้ด้วย ?

หากคุณหนูตายแล้วจะมีผลอันใดต่อซูฉางเซิงกัน ?

หากซูฉางเซิงมีแผนการจริง มิใช่ว่าเขาควรลงมือกับฟู่เสี่ยวกวนมากกว่าหรือ ?

จี้หยุนกุยมิสามารถหาคำตอบนี้ได้ และยิ่งคิดก็ยิ่งมิเข้าใจ

จะว่าไปแล้วซูฉางเซิงก็เป็นศิษย์พี่ใหญ่ของคุณหนู ทั้งยังเป็นท่านอาจารย์ของฟู่เสี่ยวกวนอีกด้วย !

เขาสูดหายใจเข้าลึก กว่าคุณหนูจะผ่านมาได้มิง่ายเลย อาจจะเป็นไปได้ว่าคุณหนูไปล่วงรู้ความลับของซูฉางเซิงเข้า ดังนั้นการกำจัดนางจึงเป็นเรื่องใหญ่กว่าชีวิตของฟู่เสี่ยวกวน

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดาของจี้หยุนกุยและเพื่อพิสูจน์การคาดเดานี้ จึงจำต้องไปยังสุสานจักรพรรดิ ดูว่าแท้จริงแล้วคุณหนูนอนอยู่ในโลงศพจริงหรือไม่

ฟู่เสี่ยวกวนสูดหายใจเข้าลึก รู้สึกว่าท่านแม่ของตนนั้น…หากนางแกล้งตายอีกครา ๆ จริง นางคงจะเป็นตำนาน

เหตุใดต้องทำเช่นนี้ด้วยกัน ?

หากต้องมีเหตุผลมาประกอบ…เหตุผลก็คือถ้าสวี่หยุนชิงมิตายที่เมืองเปียนเฉิง ซูฉางเซิงอาจจะเป็นภัยต่อฟู่เสี่ยนกวน

หรือว่า…เพราะปืนยาวกระบอกนั้น ซูฉางเซิงถึงได้ปรากฏตัวออกมาหลังจากยิงปืนยาวที่เหลือกระสุนนัดสุดท้ายออกไป

บัดนี้ฟู่เสี่ยวกวนหวังว่าการคาดเดาของจี้หยุนกุยจะถูกต้อง อาจารย์สามารถตายได้ ทว่าท่านแม่จะต้องมีชีวิตอยู่

ทว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงหรือ ?

ฟู่เสี่ยวกวนเฝ้ารอคอยด้วยความกังวลใจและเป็นคราแรกที่เขาอยากสืบหาความจริงของเรื่องนี้

รถม้าเดินทางมาถึงสุสานจักรพรรดิในที่สุด

จากนั้นฟู่เสี่ยวกวนก็สั่งให้ทหารเฝ้ายามประจำสุสานเปิดประตูบานใหญ่ออก

ตามมาด้วยเสียง เอี๊ยด… ! ดังออกมาจากประตู ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างที่มิเคยเป็นมาก่อน

สวี่หยุนชิง…แท้จริงแล้วท่านตายหรือยังมิตายกันแน่ ?

พวกเขามาถึงหลุมฝังศพของจักรพรรดิเหวิน ฟู่เสี่ยวกวนและชายอ้วนก็ได้ลอยตัวขึ้นไปยังแท่นสูง สีหน้าของฟู่เสี่ยวกวนหวั่นไหวจนเริ่มแดงก่ำขึ้นมา อารมณ์เช่นนี้เขามิเคยเป็นมาก่อน บัดนี้ยามที่มือของเขาวางอยู่บนฝาจื่อกงแสนหนักอึ้ง แม้แต่มือก็สั่นเทาขึ้นมาเล็กน้อย

แม้ว่าจะมิใช่มารดาที่แท้จริงของตนเอง

ทว่าสำหรับมารดาผู้นี้ เขารู้สึกใกล้ชิดอย่างหาที่สุดมิได้

ถ้านางยังมีชีวิตอยู่ก็มิอาจปล่อยให้นางต้องเสี่ยงอันตรายใด ๆ ได้เป็นอันขาด เขาเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ มิว่าศัตรูจะแข็งแกร่งมากเพียงใด ก็ไร้ความสามารถที่จะมาสู้รบกับตน !

นางควรอาศัยอยู่ในวังหลวงด้วยซ้ำ หากประสงค์ก็สามารถเลี้ยงหลานอยู่ในวังได้ หากมิประสงค์เลี้ยงหลานก็สามารถเล่นไพ่นกกระจอกกับพวกเวิ่นหวินได้

นี่คือความสุขของครอบครัวที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน สำหรับฟู่เสี่ยวกวนผู้ซึ่งเคยเป็นเด็กกำพร้าในชาติก่อน เขาอยากมีท่านแม่ให้กราบเท้าเพื่อแสดงความกตัญญูต่อนาง จากนั้นก็ฟังการสั่งสอนหรือคำบ่นจากมารดา…นี่แหละชีวิต

สำหรับแผนการสถาปนาประเทศใหม่และเป็นเจ้าของใต้หล้า… ก็เป็นเพียงการหาสิ่งของมาประดับชีวิตเท่านั้น

ชายอ้วนเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของฟู่เสี่ยวกวนดี เขาจ้องมองมือที่สั่นของเสี่ยวกวนและก็อยากรู้มิต่างกัน หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จึงยื่นมือไปผลักฝาจื่อกงออก

ฟู่เสี่ยวกวนสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็กลั้นหายใจแล้วยื่นศีรษะชะโงกลงไปดู ฟู่เสี่ยวกวนตื่นตกใจขึ้นมาทันพลัน เขาเบิกตากว้างแล้วจ้องมองจื่อกงนี้อย่างรอบคอบ อารมณ์ตื่นเต้นค่อย ๆ สงบลง

จากนั้นใบหน้าของเขาก็ปกปิดความผิดหวังเอาไว้มิอยู่…ทั้งสองยังคงนอนอยู่ในจื่อกง

ทั้งสองที่ว่าก็คืออู๋ฉางเฟิงและสวี่หยุนชิง

นางตายแล้วอย่างแท้จริง

นางมิได้แสร้งตายเพื่อปลีกตัวออกมาดั่งที่จี้หยุนกุยเอ่ย

ในเวลานั้นชายอ้วนก็ชะโงกศีรษะลงไปดู จากนั้นก็มองไปรอบ ๆ ความกังวลในใจหายไปจนหมดสิ้น… แสร้งตายคราเดียวก็มากพอแล้ว เหตุใดต้องทำถึงสองคราด้วยเล่า ?

สุดท้ายชายอ้วนก็ผิดหวังและเกรงว่าเสี่ยวกวนจะรู้สึกแย่อีกครา

จี้หยุนกุยเงยหน้าขึ้นมองไปที่ฟู่เสี่ยวกวนด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ทันใดนั้นเขาก็ได้คำตอบจากสีหน้าของฟู่เสี่ยวกวน จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

ชายอ้วนส่ายศีรษะไปมา “กลับกันเถิด”

ฟู่เสี่ยวกวนนั่งพิงจื่อกง เขาเงียบไปชั่วครู่ แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “พวกท่านกลับไปก่อนเถิด ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนนางที่นี่”

เสี่ยนกวนกลับมาอยู่ในห้วงอารมณ์หมองเศร้าอีกครา ตอนนี้เขาต้องการความเป็นส่วนตัว ชายอ้วนจึงผละออกไป

ทว่าสิ่งที่ชายอ้วนมิรู้ก็คือหลังจากที่ออกไปแล้ว อยู่ ๆ ฟู่เสี่ยวกวนก็ลุกขึ้นยืนและเกือบจะชนเข้ากับใครบางคน… คนผู้นั้นคือสวี่หยุนชิงที่เดินออกมาจากจื่อกง !

ใบหน้าของสวี่หยุนชิงซีดเผือดเล็กน้อย ทว่าก็มีรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความรักปรากฏอยู่บนใบหน้าซีดเซียวนั้น… แท้จริงแล้วจังหวะที่ชายอ้วนผลักฝาจื่อกงออก ฟู่เสี่ยวกวนที่ยื่นศีรษะไปดูเป็นคนแรก เห็นนิ้วชี้ของสวี่หยุนชิงเลื่อนขึ้นมาวางอยู่ที่ริมฝีปากของนาง !

นางยังมีชีวิตอยู่ !

ทว่านางมิอยากให้ผู้ใดทราบว่านางยังมีชีวิตอยู่ นอกจากฟู่เสี่ยวกวน !

แม้แต่ชายอ้วนก็เชื่อว่านางตกตายไปแล้วอย่างสนิทใจ

ในแววตาของฟู่เสี่ยวกวนทั้งตกตะลึงและยินดีจนยากจะบรรยายได้ด้วยวาจา จากนั้นเขาก็เห็นสวี่หยุนชิงหยิบขนมออกมาจากกระเป๋าแขนเสื้อ…นั่นคือขนมดอกกุ้ยฮวาจากร้านหวู่ฟางไจ !

นางหยิบมันเข้าปากด้วยความหิวโหย “ลูกชายเอ๋ย รอสักประเดี๋ยว แม่จะตายเพราะความหิวอยู่แล้ว ! ”

จากนั้นฟู่เสี่ยวกวนก็หัวเราะร่าออกมาทันที เขาเห็นสวี่หยุนชิงสำลักขนม เขาจึงยื่นมือออกไปช่วยตบที่แผ่นหลังของนางเบา ๆ “ค่อย ๆ ทานเถิด”

“…ก็ข้าหิวนี่”

“มาเถิด เจ้าก็ลองทานดูสิ” จากนั้นสวี่หยุนชิงก็หยิบขนมดอกกุ้ยฮวาป้อนเข้าปากของฟู่เสี่ยวกวน ทั้งสองแม่ลูกนั่งอยู่ข้างจื่อกงพลางทานขนมดอกกุ้ยฮวาโดยไร้บทสนทนาใด ๆ

ผ่านไปราวครึ่งถ้วยชา ยังทานมิทันอิ่ม ทว่าขนมดอกกุ้ยฮวาก็หมดเสียแล้ว

สวี่หยุนชิงตบเศษขนมในมือออกแล้วเช็ดริมฝีปาก จากนั้นก็หันไปมองฟู่เสี่ยวกวนด้วยดวงตาสดใส

“จี้หยุนกุยบอกเจ้าเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้า “ท่านแม่…”

“อือ…” เมื่อสวี่หยุนชิงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกยินดีมากยิ่งนัก นางยื่นมือออกมาแล้วจับใบหน้าของฟู่เสี่ยวกวน ดวงตาของนางเปล่งประกายขึ้นมาทันใด

“ลูกเอ๋ย… จี้หยุนกุยผู้นี้ช่างจุ้นจ้านเสียจริง เดิมทีแม่คิดจะอยู่กับท่านพ่อของเจ้าให้นานกว่านี้สักหน่อย เมื่อการประชุมใหญ่ประจำราชสำนักถูกจัดขึ้นอีกครา แม่ก็จะไปปรากฏตัวในพระราชวังจินเตี้ยน… หากเป็นเช่นนี้เจ้าจะรู้สึกประหลาดใจหรือไม่ ? ”