หลังจากผ่านไปหมื่นปี ในที่สุดข้าก็ได้เจอเจ้าอีกครั้ง
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์เป็นอัจฉริยะ ผ่านไปเพียงหมื่นปีนางก็บรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดแล้ว ซึ่งนั่นช่วยให้รูปลักษณ์ของนางไม่แก่ตัวแม้แต่น้อยแถมยังงดงามกว่าแต่ก่อนด้วย
นางเป็นสตรีที่งดงามที่สุดแห่งทวีปฮงเทียน และต่อให้เป็นบนทวีปฮงเทียนนางก็ยังนับว่าเป็นสตรีงามล่มเมืองอยู่ดี ไม่เช่นนั้นทายาทเชี่ยตงหลายคงไม่ตกหลุมรักนางตั้งแต่แรกพบ
ผ่านไปสักพักสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ก็รู้สึกเหมือนถูกใครจ้องมองอยู่และหันไปยังทิศทางของหลิงฮัน
“มีอะไรงั้นรึ?” ข้างๆสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์มีสตรีที่รูปลักษณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ยืนอยู่ นางเห็นว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์มีทางทีแปลกๆจึงได้เอ่ยถามขึ้นมา
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ยิ้มและส่ายหัว “ไม่อะไร!” นางเก็บความสงสัยไว้ในใจ หรือว่าตระกูลเชี่ยจะพบตัวนางได้ไวเพียงนี้?
หลิงฮันเฝ้ามองจนกระทั่งกองกำลังเล็กๆนี้เดินออกจากค่ายพักและเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
“เจ้าหนู อย่างเพิ่งลืมนายท่านโสม!” โสมเถ้าวิ่งไล่ตามมา สตรีงดงมนี่ล่ะคือสิ่งที่มันชอบที่สุด
เจ้ากระต่ายเค้นเสียงถอนหายใจและเดินตามไปเช่นกัน เนื่องจากทิศทางที่หลิงฮันมุ่งหน้าไปคือตำแหน่งส่วนลึกของสนามรบสองดินแดน มันจึงหวังไว้ลึกๆว่าหลิงฮันจะแก้แค้นให้มัน
ทั้งสาม‘คน’เดินกองกำลังเล็กๆไป อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของที่นี่แปลกประหลาดอย่างมาก การเดินทางอย่างเร่งรีบจึงไม่สมควรทำเท่าไหร่ เมื่อผ่านไปหนึ่งวันพวกเขาเดินทางได้เพียงหนึ่งพันไมล์เท่านั้น
พอตกค่ำกองกำลังขนาดเล็กได้หยุดเดินทางและตั้งค่ายพักแรมยามค่ำคืนเพื่อพักผ่อนให้ทุกคนมีสภาพร่างกายพร้อมที่สุด
พวกหลิงฮันทั้งสามหยุดเดินต่อและพักแรมเช่นกัน
โสมเฒ่ากระดี๊กระด๊าอยากจะลอบเข้าไปค่ายพักแรมของพวกนางอย่างมากแต่ก็ถูกหลิงฮันทุบตีเสียก่อน ล้อเล่นรึเปล่า? ค่ายพักแรมนั่นมีภรรยาของเขาอยู่ เขาจะยอมให้โสมเฒ่าลอบเข้าไปแอบดูนางได้อย่างไร?
“เจ้าหนู ทำไมเจ้าถึงขี้เหนี้ยวเช่นนี้ มีพี่สาวสวยๆมากมายจนาดนั้นเจ้าคิดจะเหมาคนเดียวไม่แบ่งนายท่านโสมเลยรึ?!” โสมเฒ่ากล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“เลิกไร้สาระได้แล้ว ไม่เช่นนั้นข้าจะจับเจ้าลงหม้อ!” หลิงฮันขู่
“เอาเลยๆ!” เจ้ากระต่ายน้ำลายไหล “ท่านกระต่ายเตรียมฟืนไว้พร้อมแล้ว!” มันโยนถ่านไม้มากมายออกมา ถ่านไม้ที่ว่าไม่ได้ทำจากไม้ทั่วไปแต่ทำจากไม้แดงแข็งซึ่งเป็นไม้ชั้นดีสำหรับหลอมเม็ดยา
ใช้ไม้ฟื้นชนิดนี้ทำอาหาร… ช่างเลิศหรูนัก
โสมเฒ่าชะงักและชี้ไปยังเจ้ากระต่าย “อะไรกัน! เจ้ากับข้าเอาชีวิตรอดเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาเมื่อตอนกลางวัน พวกเราเป็นดั่งพี่น้องกันแล้วเหตุใดเจ้ายังคิดจะกินนายท่านโสมอีก?”
“เอาน่า อย่างไรเจ้าก็ไม่ตกนรกหรอก เพราะอย่างไรเจ้าก็เสียชีวิตเพราะยอมเสียสละร่างกายให้พวกข้ากิน ท่านกระต่ายผู้นี้จะจดจำวีรกรรมของเจ้าเอาไว้ไม่ลืมเลย! ฮันน้อย เจ้าว่าเราต้องล้างโสมต้นนี้ก่อนรึเปล่า?”
“ล้างน้องสาวเจ้าสิ!” โสมเฒ่ารีบเผ่นไปหลบอยู่ไกลๆ มันกลัวว่าทั้งสองจะจับมันต้มกินจริงๆ
หลิงฮันเลิกสนใจคู่หูสองตัวและหันมาคิดว่าจะหาทางคุยกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ยังไงดี
วันต่อมา กองกำลังก็เดินทางต่อไปได้อีกพันไมล์
หลังจากผ่านไปสี่วันพวกนางก็ไปถึงส่วนลึกของสนามรบสองดินแดน สภาพแวดล้อมของที่นี่ยิ่งแย่ไปกว่าเดิม พลังวิญญาณน้อยนิดแถบจะไม่มี แถมอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ก็ยังเสียสมดุลอย่างรุนแรงอีก บางจุดก็เป็นอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ บางจุดก็เป็นของดินแดนใต้พิภพ
เพราะงั้นแล้วหากเกิดสงครามระหว่างของดินแดนขึ้นที่นี่ แต่ละฝ่ายจะต้องเลือกตำแหน่งจุดยืนให้ดี ไม่เช่นนั้นจะเสียเปรียบได้
ในวันนี้เอง ในที่สุดกองกำลังของกองทัพจันทราม่วงก็พบกับกองกำลังจากดินแดนใต้พิภพ
อีกฝ่ายเป็นกองกำลังขนาดเล็กเช่นกัน เมื่อทั้งสองฝ่ายพบกันก็ไม่มีฝ่ายใดพูดพร่ำทำเพลงและเข้าปะทะกันทันที
นี่ล่ะคือโอกาสของเขา!
หลิงฮันพุ่งออกไปและลงมือสังหารกองกำลังของดินแดนใต้พิภพ
เมื่อเจอสิ่งมีชีวิตจากดินแดนใต้พิภพทุกคนมีหน้าที่จัดการพวกมันอยู่แล้ว และหลังจากที่การต่อสู้จบลงเขาจะหาโอกาสนทนากับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ได้ไม่ยาก
สิ่งมีชีวิตใต้พิภพแตกต่างจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์
รอบตัวพวกมันอบอวลไปด้วยกลิ่นอายชั่วร้ายและมืดมน มองแค่แวบเดียวก็รู้ว่าพวกมันต่างจากมนุษย์
ถ้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นหยาง ดินแดนใต้พิภพก็เป็นหยิน ถ้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นไฟ ดินแดนใต้พิภพก็เป็นน้ำ ดินแดนทั้งสองเปรียบได้กับกระดาษด้านหน้าและด้านหลัง
สิ่งมีชีวิตใต้พิภพของกองกำลังนี้มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ หัวของพวกมันมีเขาแท่งยาวสองข้างและมีหาวยาวงอกออกมา เนื่องจากรอบกายพวกมันอบอวลไปด้วยกลิ่นอายชั่วร้าย พวกมันจึงแตกต่างจากสัตว์อสูรของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่แปลงร่างเป็นมนุษย์
พวกมันแต่ละตัวบ้างก็ใช้หอก บ้างก็ใช้ดาบ กระบี่ในการต่อสู้ ระดับพลังของพวกมันมีตั้งแต่ระดับภูผาวารีไปจนถึงสุริยันจันทรา
จอมยุทธของกองกำลังของกองทัพจันทราม่วงก็มีพลังใกล้เคียงกัน ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือด
หลิงฮันเดินเข้ามาโดยไม่กล่าวอะไรและเริ่มล่าสังหารหมู่ทันที
เขาไม่ใช้ดาบอสูรนิรันดร์แต่เลือกที่จะใช้หมัดแทน
แม้เขาวิถีหมัดจะไม่ใช่วิถีที่เขาถนัดที่สุด แต่เขาก็ทำความเข้าใจเศษเสี้ยวของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ได้แล้ว หมัดแต่ละหมัดของเขาล้วนแต่แฝงไว้ด้วยอำนาจที่ทรงพลัง หากไม่ใช่จอมยุทธที่แข็งแกร่งทัดเทียมเขา แค่โดนหมัดเพียงหมัดเดียวย่อมหนีไม่พ้นความตาย
หลิงฮันโจมตีราวกับเป็นเครื่องจักรสังหาร หลังจากสังหารเสร็จตัวหนึ่งเขาก็เหวี่ยงหวัดสังหารอีกตัวต่อทันทีและเก็บร่างพวกมันเข้าไปในหอคอยทมิฬ ซากศพของสิ่งมีชีวิตใต้พิภพสามารถใช้แลกเป็นแต้มสังหารได้เขาย่อมไม่ทิ้งไปเฉยๆ
หลังจากสังหารสิ่งมีชีวิตใต้พิภพไปหลายสิบตัว ในที่สุดเขาก็ตกเป็นเป้าสนใจของสิ่งมีชีวิตใต้พิภพตัวที่แข็งแกร่ง สิ่งมีชีวิตใต้พิภพตนนั้นสวมเกราะเต็มตัว มันจ้องมองและเหวี่ยงหอกเข้าใส่เขา
“ฮึ่ม!” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์เค้นเสียงและเข้ามาแทรก ด้านหลังของนางมีปีกนกอมตะยาวหลายร้อยไมล์สยายไปมาและปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง เพียงนางกระพือปีกเปลวเพลิงอันร้อนระอุก็แพร่กระจายไปหลายพันไมล์
ปีกของนางปลดปล่อยขนนกเพลิงนับร้อยนับพันเข้าใส่สิ่งมีชีวิตใต้พิภพที่แข็งแกร่งตนนั้น
“ตรงนี้ข้าจัดการเอง เจ้าไปตรงอื่น!” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์กล่าว
หลิงฮันหัวเราะและไม่โต้เถียงนาง เขาปล่อยหมัดพุ่งเข้าใส่สิ่งมีชีวิตใต้พิภพตนอื่น
ด้วยการช่วยเหลือของนาง สิ่งมีชีวิตใต้พิภพในระดับสุริยันจันทราขั้นต่ำต่างถูกสังหารอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เหลืออยู่เพียงเจ็ดตัวที่มีพลังเทียบเท่าระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด พวกมันไม่สู้ต่อแต่เลือกที่จะล่าถอย
กองทัพจันทราม่วงไล่ล่าพวกมันอยู่ชั่วครู่แต่ก็ไม่สามารถสังหารพวกมันได้ มีเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บหนัก
“น้องชาย ขอบคุณเจ้ามาก!” สตรีจากกองกำลังกองทัพจันทราม่วงมองการสูญเสียของฝั่งตัวเองก่อนที่จะกล่าวขอบคุณหลิงฮัน
“ทุกคนมีหน้าที่สังหารสิ่งมีชีวิตใต้พิภพอยู่แล้ว” หลิงฮันกล่าวและมองไปยังสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ “ขอบคุณแม่นางเช่นกันที่เมื่อครู่ช่วยข้าเอาไว้”