บทที่ 748 ไม่ต้องเจอกันอีก + ตอนที่ 749 ไม่ใช่ภาพลวงตา

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 748 ไม่ต้องเจอกันอีก + ตอนที่ 749 ไม่ใช่ภาพลวงตา โดย Ink Stone_Romance

 

ตอนที่ 748 ไม่ต้องเจอกันอีก

เซียวเซ่อกดอารมณ์หัวเสียของตัวเองตั้งแต่เห็นผู้ช่วยหญิงของเซียวจิ่งหมิง แต่เมื่อเห็นผู้ช่วยชายสองคนของคุณหนูใหญ่เฝิงอารมณ์ที่มีก็ปะทุขึ้นมาในทันที

เธอกระชากเหมยเหมยพุ่งตัวออกไปข้างนอกไม่แม้แต่คิดที่จะมองพ่อแม่ตัวของเอง

เหมยเหมยจะไปสู้แรงแม่หนูเซียวที่ฝึกวิชาป้องกันตัวมาตั้งแต่เด็กได้อย่างไร กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามไปอย่างทุลักทุเล หันกลับมาพูดกับเซียวจิ่งหมิงและคุณหนูใหญ่เฝิงอย่างรู้สึกผิด “ลุงเซียว น้าเฝิง หนูกับเซ่อเซ่อกลับบ้านก่อนนะคะ ไว้เจอกันใหม่ค่ะ!”

“เจอกันใหม่อะไร? ไม่ต้องมาเจอกันอีกตลอดไป!”

เซียวเซ่อตะคอกอย่างเดือดดาลและเร่งฝีเท้าไวกว่าเดิม เหมยเหมยกล้ากระตุกหนวดเสือเสียที่ไหน อยู่เงียบๆ ไม่ปริปากเลยสักนิดพลางเดินตามเซียวเซ่อออกไปอย่างเชื่อฟัง

เสียงเอะอะทางนี้ดึงดูดเหล่านักข่าวที่จมูกไว พอพวกเขาเห็นว่าเป็นเซียวจิ่งหมิงกับคุณหนูใหญ่เฝิงก็หูผึ่ง แห่กันมาราวกับฝูงผึ้ง

อดีตสามีภรรยาที่เตรียมตามออกไปเพื่ออธิบายให้ลูกสาวเข้าใจ จำต้องฉาบรอยยิ้มจอมปลอมแล้วรับมือกับเหล่านักข่าวพวกนี้

เซียวเซ่อวิ่งไปถึงร้านชำเล็กๆ ที่อยู่ข้างพิพิธภัณฑ์ศิลปะ กระดกน้ำอัดลมทีเดียวสามขวดสีหน้าถึงจะดูผ่อนคลายลงมาบ้าง

“กลับบ้านกัน!”

เซียวเซ่อเรอทีหนึ่ง เดินกัดฟันเข็นจักรยานไป โดยมีเหมยเหมยคอยเดิมตามอยู่ด้านหลังโดยไม่ส่งเสียงใดๆ

เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมเซียวเซ่อถึงได้มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับพ่อแม่ของเธอขนาดนี้!

สามีภรรยาคู่นี้ก็นะ…

ในขณะที่เหมยเหมยนึกเห็นใจต่อเซียวเซ่อก็แอบโล่งใจที่อย่างน้อยพ่อแม่ของเธอเองก็ยังพึ่งพาได้มากกว่า แม้บางครั้งอาจจะน่าขนลุกจนทนไม่ไหวสักหน่อยแต่ถ้าไม่มีตัวอย่างให้เปรียบเทียบก็คงไม่รู้ข้อดีข้อเสีย เทียบกับพ่อแม่ที่ไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกันของเซียวเซ่อแล้ว พ่อแม่ของเธอยังนับว่าดีกว่าเยอะ!

เดิมทีเธอคิดว่าจะปลอบใจดวงน้อยๆ ที่เจ็บปวดของเพื่อน  แต่พอเซียวเซ่อกลับบ้านก็ดูปกติ ทานทาร์ตไข่ฝีมือคุณป้าซูซือ ดื่มชาแดงหอมกรุ่นแล้วหยอกล้อกับพวกสัตว์เลี้ยง อย่าให้พูดเลยว่าดูสบายใจขนาดไหน

ต่างกับคนที่เพิ่งระเบิดอารมณ์ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะมาเมื่อสักครู่ราวกับเป็นคนละคนกัน!

เหมยเหมยเห็นว่าเธอไม่ได้ฝืนยิ้มแต่อย่างใดแค่ไม่สนใจจริงๆ ถึงกลับบ้านไปอย่างสบายใจ

สยงมู่มู่ที่อยู่ภายใต้การดูแลของเธอก็หายดีไม่น้อยแล้ว แม้อาการป่วยครั้งนี้จะรุนแรงและกะทันหัน แต่ก็ไม่ได้รักษาให้หายยากเหมือนเดิม แค่สองวันก็ลงจากเตียงได้แล้วเหลือแค่อาการไอเท่านั้นที่ยังไม่เห็นท่าว่าจะดีขึ้น

ด้านพวกจ้าวเสวียเอ๋อร์กลับยุ่งจนหัวหมุนเป็นเกลียว ต้องตกแต่งภายใน ต้องรับสมัครพนักงานโดยทุกอย่างต้องเสร็จสิ้นภายในหนึ่งเดือน เวลาเป็นเงินเป็นทอง เปิดร้านช้าหนึ่งวันพวกเขาก็ต้องเสียหายไปหนึ่งวัน จะไม่ให้ร้อนใจได้อย่างไร!

เหมยเหมยเองก็ช่วยวางแผนไว้ดิบดี แม้เธอไม่รู้วิธีการบริหารเท่าไรนัก  แต่ชาติก่อนเธอเป็นลูกค้าประจำของเคเอฟซี มีรายละเอียดไม่น้อยที่พวกจ้าวเสวียเอ๋อร์มองข้ามไปก็ถูกเธอพูดชี้แนะออกมาให้เห็นได้ทีละข้อๆ

เหล่าพี่น้องตระกูลจ้าวชื่นชมเหมยเหมยอย่างยอมจำนนและนึกอายที่สู้ไม่ได้ อดคิดไม่ได้ว่าน้องสาวคนนี้สมแล้วที่หาเงินเก่งที่สุดในตระกูล สายตาที่ใช้มองปัญหาคู่นั้นคนปกติคงทัดเทียมไม่ได้!

เหมยเหมยที่รับฟังคำชมของเหล่าพี่ชายก็รู้สึกผิดขึ้นมาในใจ หลายครั้งที่ปฏิเสธไปแต่นั่นดันทำให้พวกจ้าวเสวียเอ๋อร์ชมหนักกว่าเดิม เธอจึงจำทนรับคำชมไว้หน้าด้านๆ และแกล้งบอกไปว่าเหยียนหมิงซุ่นสอนมา ยิ่งทำให้พวกจ้าวเสวียเอ๋อร์สงสัยในตัวชายหนุ่มที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาแต่อนาคตอาจเป็นถึงน้องเขยคนนี้

บนรถไฟที่แบ่งเป็นห้องๆ กำลังเดินทางจากเมืองจินไปยังเมืองหลวงนั้นเหยียนหมิงซุ่นลากกล่องใส่โทรทัศน์สีขนาดยี่สิบเอ็ดนิ้วออกมาจากใต้เตียง อีกไม่นานก็จะถึงสถานีแล้ว เขาต้องเตรียมสัมภาระไว้ล่วงหน้า

นอกจากโทรทัศน์สี เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้เตรียมของอย่างอื่นมาด้วยนอกจากกระเป๋าใบเล็กที่พกพาสะดวก ในนั้นมีเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนเพียงไม่กี่ชุด นอกนั้นก็คือเงินสดและสมุดบัญชี

…………………..

  ตอนที่ 749 ไม่ใช่ภาพลวงตา

เหมยเหมยตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมต้มโจ๊กให้สยงมู่มู่ น้ำที่ใช้ต้มโจ๊กไม่ใช่น้ำธรรมดาแต่เป็นน้ำจากภูเขาที่เหมยเหมยพบเมื่อสองปีก่อน ตอนนี้กลายเป็นน้ำวิเศษที่ให้เฉพาะนายใหญ่กับเหล่าคนใหญ่คนโตที่มีจำนวนจำกัดดื่มเท่านั้น ตระกูลจ้าวได้สองส่วนโดยที่ทุกเช้าจะมีคนเอาน้ำมาส่งให้

ก็ไม่มากเท่าไรแค่หนึ่งโอ่งหนักประมาณครึ่งกิโลกรัมกว่าๆ พอเอามาใช้ต้มโจ๊กหนึ่งหม้อได้

คนแก่ทั้งสองคนรักหลานชายเลยสละน้ำพวกนี้ให้สยงมู่มู่ที่ป่วยอยู่ แบบนี้ก็ดี ครั้งนี้สยงมู่มู่คงหายเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว คนตระกูลจ้าวต่างคิดว่าเป็นเพราะส่วนช่วยของน้ำเลยรู้สึกเฉยๆ ไม่สงสัยเลยสักนิด

สยงมู่มู่ยังไม่หายขาดดี เหมยเหมยกับเจ้าอ้วนน้อยเองก็ไม่มีอารมณ์ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหน ต่างดูโทรทัศน์กันอยู่ที่บ้าน

กลางวันคุณปู่จ้าวจะไม่ดูโทรทัศน์เพราะส่วนมากจะเป็นคุณย่าที่ยึดครองแต่เพียงคนเดียว เอาเข้าจริงแล้วเหมยเหมยก็ไม่ชอบดูโทรทัศน์ขาวดำ ดูได้แค่แป๊บเดียวก็ไม่อยากดูต่อแล้ว

ตอนนี้เธอนึกถึงเหยียนหมิงซุ่นอีกแล้ว ไม่รู้ว่าเขาส่งโทรทัศน์สีมาหรือยัง?

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เหมยเหมยกดรับสายอย่างเฉื่อยชา “สวัสดีค่ะ ที่นี่บ้านตระกูลจ้าว ไม่ทราบว่าโทรหาใครคะ?”

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มมุมปาก เพิ่งมาถึงเมืองหลวงก็ดูท่าจะโชคดีไม่น้อย!

เขายิ้มเจ้าเล่ห์ ไม่ได้ใช้เสียงเดิมแต่กดเสียงให้ต่ำลงเลยทำให้เสียงที่ออกมาฟังดูทุ้มปนแหบ ทำเอาเหมยเหมยฟังไม่ออกแม้แต่น้อย

“คุณจ้าวเหมยใช่มั้ยครับ?”

“ค่ะ ฉันเอง” เหมยเหมยชักสงสัย

“ผมมาจากไปรษณีย์ คุณมีของส่งมาจากเมืองจิน เดี๋ยวพนักงานเราจะให้คนไปส่งของให้คุณ ประมาณครึ่งชั่วโมงน่าจะถึง รบกวนคุณไปรอรับที่หน้าประตูหน่อยได้มั้ยครับ?”

จ้าวเหมยได้ยินก็รู้ทันทีว่าโทรทัศน์สีมาถึงแล้วเลยตอบตกลงไป “ได้ค่ะ ครึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ฉันจะไปรอรับที่หน้าประตูใหญ่นะคะ ลำบากหน่อยนะคะ”

พอวางหูไปเหมยเหมยก็เริ่มเอะใจถึงความผิดปกติ การขนส่งในยุคแปดศูนย์ก้าวหน้าขนาดนี้แล้วหรือ?

อีกอย่างของที่ส่งมาต้องไปรับเองที่ไปรษณีย์ไม่ใช่หรือ?

เปลี่ยนมาส่งให้ถึงหน้าประตูบ้านตั้งแต่เมื่อไรกัน?

แต่เหมยเหมยก็ไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนมากมาย หลงคิดว่าเป็นบริการพิเศษจากไปรษณีย์เมืองหลวงในเมื่อเป็นเมืองที่ผู้ปกครองประเทศอาศัยอยู่ การบริการจะครบครันคงไม่แปลก

“คุณย่า เดี๋ยวเราจะมีทีวีสีดูกันแล้ว ทีวีขาวดำนั่นให้คุณปู่ดูคนเดียวเถอะ เราจะได้ไม่ต้องแย่งกับคุณปู่แล้ว” เหมยเหมยโอบลำคอคุณย่าพลางหัวเราะคิกคัก

“หลานไปซื้อทีวีสีมาจากไหน? เมื่อกี้เป็นสายจากห้างสรรพสินค้าเหรอ? รีบบอกให้พวกเขาไม่ต้องส่งมาแล้ว คืนไปเถอะ เปลืองเงิน!” คุณย่าอดโบกมือปัดไม่ได้ รู้สึกไม่ค่อยพอใจนักที่เหมยเหมยใช้เงินฟุ่มเฟือย

โทรทัศน์หนึ่งเครื่องใช้เงินตั้งหนึ่งพันกว่าหยวน เธอยังทำใจเสียเงินไม่ลงแต่หลานสาวกลับไม่นึกเสียดายสักนิด ไม่รู้จักวางแผนการใช้ชีวิตเลย

แน่นอนว่าคุณย่าเองก็รู้สึกอบอุ่น ที่หลานสาวกำลังแสดงความกตัญญูต่อเธออยู่!

“คืนไปทำไมคะ ไม่ต้องเสียเงินสักหน่อย ไม่ต้องเสียสักหยวนเลย คุณย่าก็ดูให้สบายใจเถอะค่ะ!” เหมยเหมยแสดงท่าทีชอบใจขั้นสุด โยกศีรษะไปมาจนสยงมู่มู่ที่มองอยู่อดกลอกตาใส่ไม่ได้

ได้มาฟรีก็ไม่รู้จักให้คนสกุลเหยียนนั่นส่งมาเพิ่มสักสองเครื่อง ไอ้คนไร้หัวใจ!

คุณย่ากำลังจะถามถึงที่มาที่ไปแต่เหมยเหมยกลับวิ่งออกไปรอรับโทรทัศน์สีเสียก่อน

เหมยเหมยปั่นจักรยานไปเพิ่งจะถึงหน้าประตูใหญ่ก็เห็นแผ่นหลังอันคุ้นเคย รูปร่างผอมสูงที่แม้ใส่เพียงเสื้อเชิ้ตธรรมดาแต่กลับไม่แพ้ชุดนักรบเต็มพิกัดที่ยืนอยู่ข้างๆ เลยสักนิด

เธอขยี้ตาอย่างไม่เชื่อสายตา หลงคิดว่าตาฝาดไปเองเพราะความคิดถึง แต่ขยี้สองสามทีภาพตรงหน้าก็ไม่เปลี่ยน

เหยียนหมิงซุ่นเห็นเด็กสาวทำหน้างงก็อดหัวเราะไม่ได้ ยัยโง่เอ้ย!

……………..