เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1180
ผู้อาวุโสใหญ่ตอบว่า “ฉันว่าใช่ ดูไม่ออกจริงๆ ว่าตอนเด็กเจ้าเด็กลู่ฝานจะเป็นคนไม่เอาไหน บางทีเขาอาจฝึกจิตใจที่แข็งแกร่งสุดยอด มาจากการดูหมิ่นเยาะเย้ยในวัยเด็กก็ได้ ดังนั้นเขาจึงเริ่มต้นทีละก้าวจนถึงตอนนี้ กลายเป็นนักกระบี่แห่งตงหวาที่รู้จักกันไปทั่วทั้งประเทศอู่อาน ฉันกล้าพูดฟันธงเลยว่าขอแค่เขาไม่ตาย ต่อไปเขาต้องเป็นเซียนบู๊แห่งยุคแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นคนหรือนักบู๊ รูปลักษณ์ท่าทางภายนอก ฐานะชาติตระกูล ระดับขั้นวิทยายุทธ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งจอมปลอม สิ่งสำคัญที่สุดยังอยู่ที่ความตั้งใจ ถ้าวันใดวันหนึ่ง นายสามารถเข้าสู่แดนปราณฟ้าได้ นายจะรู้เองว่าไม่ว่าความยิ่งใหญ่ทรงพลังอะไร ก็เทียบไม่ได้กับความยิ่งใหญ่ทรงพลังภายในจิตใจ”
ริมฝีปากหานหยวนหนิงสั่นระริก เขาหลับตาลงทั้งสองข้าง
ผู้อาวุโสใหญ่มองตัวหานหยวนหนิงที่สั่นเบาๆ กับมือขวาที่กำจนแน่น จากนั้นยิ้มออกมาบางๆ
ตัวหานหยวนหนิงขดอยู่ในเก้าอี้ผ้าใบ เหมือนกำลังสะกดกลั้นความเจ็บปวดนับไม่ถ้วน
หานอู๋ซวงและคนอื่นพากันเดินเข้ามา แต่ผู้อาวุโสใหญ่ส่ายหน้าเบาๆ บอกให้ทุกคนไม่ต้องพูด แล้วแยกย้ายกันออกไปเงียบๆ
ทุกคนออกไปหมดแล้ว ลานประลองบู๊แห่งนี้เหลือหานหยวนหนิงเพียงคนเดียว
ขณะนั้นมีเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังขึ้นเบาๆ น้ำตาและน้ำมูกเปียกโชกตรงแก้มหานหยวนหนิง
หานหยวนหนิงที่ร้องไห้จนเสียงแหบแห้งกัดฟันพูดว่า “ทำไมฉันถึงอ่อนแอขนาดนี้! ทำไม นี่ไม่ใช่ฉัน!”
น้ำเสียงโศกเศร้าน่าเวทนา แต่กลับไม่มีใครได้ยิน
และหานหยวนหนิงนอนอยู่ตรงนี้ เป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ……
หลังผ่านไปหนึ่งวัน
ลู่ฝานฝึกหมัดอยู่ที่หน้าประตูอีกแล้ว เวลาหนึ่งวัน ในที่สุดเขาก็สามารถควบคุมพลังของตัวเองได้พอประมาณแล้ว เมื่อวานตอนกลับมา ลู่ฝานเกือบทำห้องพัง เขาเปิดประตูอย่างระมัดระวังสุดขีดแล้ว แต่ก็ยังดึงจนประตูไม้หลุดออกมา
พูดตามตรง การเพิ่มขึ้นของพลังในครั้งนี้ ทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อจริงๆ ตอนนี้สิ่งที่ลู่ฝานรู้ก็คือร่างกายของตัวเอง คงแข็งแกร่งทนทานกว่าของวิเศษทั่วไปเป็นอย่างมาก
พลังของหมัดที่ต่อยออกไป เรียกว่าเบิกภูเขาทลายแม่น้ำก็ไม่เกินจริง
สิ่งเดียวที่เสียดายคือปราณชี่ไม่ได้ยกระดับขึ้นมากเท่าไร ยังไม่เพียงพอให้เขาทะลุระดับถึงแดนปราณดินชั้นสาม
แต่สิ่งที่ได้รับเช่นนี้ ทำให้เขาพึงพอใจอย่างยิ่งแล้ว เทียบกับการยกระดับปราณชี่ อันที่จริงลู่ฝานชอบการยกระดับพลังของร่างกายมากกว่า
ยังไงปราณชี่ก็มีขีดจำกัด แต่พลังร่างกายคือพื้นฐานที่ทำให้สามารถสู้และต้านทานได้
ตอนนี้นักบู๊แดนปราณชีวิตทั่วไป ไม่สามารถต้านทานหมัดที่เขาซัดออกมาเล่นๆ ได้ นักบู๊แดนปราณดินจะรับหมัดของเขาก็ไม่ง่ายเช่นกัน
ตอนนี้ลู่ฝานยิ่งมีความมั่นใจในการเอาชนะเทียนชิงหยาง ถ้าไม่ใช่เพราะมุกซานไห่เป็นสมบัติของตระกูลหาน เขาจึงพูดอะไรยาก ไม่งั้นเขาอยากยืมมุกซานไห่มาเล่นอีกสักสองสามวัน สามารถยกระดับได้เท่าไรก็เท่านั้น
ร่างกายผ่อนคลาย ระหว่างที่นิ้วมือลู่ฝานเคลื่อนไหวไปมา ลมระเบิดขึ้นเป็นแถบ
เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน ลู่ฝานปรับตัวเข้ากับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของตัวเองได้แล้ว เขาจึงกล้าออกมาฝึกหมัด
อย่างน้อยตอนนี้ เขาก็ไม่ได้ผลักคนเล่นๆ แต่กลับทำให้คนกระเด็นออกไปอีกแล้ว เมื่อมองสิบสาม ตอนนี้สิบสามยังหลบอยู่ไกลๆ เมื่อวานแค่ตบไหล่เขาเบาๆ เอง
เอ๊ะ ทำไมวันนี้ดูเหมือนไหล่สิบสามเอียงๆ ล่ะ อืม ต้องจงใจแสร้งทำแน่นอน
ลู่ฝานกำลังฝึกฝนอย่างมีความสุข จู่ๆ มีเงาคนเดินเข้ามาช้าๆ
ฝีเท้าช้ามาก สีหน้าซีดเผือด คนที่มาคือหานหยวนหนิง คิดไม่ถึงว่าเขาจะลุกขึ้นเดินได้แล้ว
ลู่ฝานได้ยินเสียงฝีเท้าของหานหยวนหนิง จึงหยุดการฝึกหมัด มองหานหยวนหนิงที่มาถึง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นายลงจากเตียงได้แล้วเหรอ น่ายินดีมาก”