เมื่อหวังเป่าเล่อเห็นด้วย รอยยิ้มบนใบหน้าเซี่ยไห่หยางก็ยิ่งสดใสขึ้น ตามที่หวังเป่าเล่อคิด การที่มาเจอจัตุรัสอวกาศของตระกูลเซี่ย เป็นการเตรียมการณ์ล่วงหน้าของเซี่ยไห่หยาง
สถานะของเซี่ยไห่หยางในตระกูลนั้นมีผลไม่เพียงพอต่อการขับเคลื่อนจัตุรัสอวกาศ อย่างไรก็ตาม จัตุรัสประเภทนี้น่าจะใช้สำหรับขนส่งคนระหว่างสถานที่สองแห่งที่กำหนดไว้มากกว่า ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในการค้าหลักของตระกูลเซี่ย ภายในจัตุรัสอวกาศแต่ละลำ ล้วนเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ของตระกูลที่สั่งการมานานปี และจะปฏิบัติตามคำสั่งจากผู้นำตระกูลเซี่ยยุคนี้เท่านั้น
แต่…ด้วยอิทธิพลของบิดาของเขา แม้จะไม่อาจขับเคลื่อนจัตุรัสได้ แต่พอจะนัดแนะจุดใดจุดหนึ่งในระหว่างเส้นทางของจัตุรัสอวกาศนี้ในช่วงเวลาที่กำหนดได้สักสองสาม
อย่างไรก็ตาม ในจัตุรัสอวกาศของตระกูลเซี่ยไม่ได้รักษาหรือตรงต่อเวลาอะไร เดิมทีการเดินทางในอวกาศก็เนิ่นนาน และมีตัวแปรมากมาย ดังนั้นด้วยความพยายามของเซี่ยไห่หยาง จึงย่อมเป็นไปได้ที่จัตุรัสอวกาศซึ่งแต่เดิมเดินทางไปดาวชะตานี้ จะปรากฏบนเส้นทางที่หวังเป่าเล่อต้องผ่าน
และการเตรียมการเช่นนี้เป็นสิ่งที่เซี่ยไห่หยางต้องการแสดงให้เห็นว่า เขารู้ซึ้งถึงข้อได้เปรียบซึ่งก็คือสถานะของตนในตระกูลเซี่ยรวมทั้งทรัพยากรนับไม่ถ้วนที่สามารถซื้อขายได้
เขามีอำนาจในการควบคุมทรัพยากรเหล่านี้ส่วนหนึ่ง ที่สามารถนำมาแลกเปลี่ยนมูลค่าให้แก่ตระกูล และยกสถานะของตนเอง และยังสามารถลงนามบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายของตนภายในขอบเขตอำนาจได้ และหักล้างกันผ่านทางส่วนแบ่งระยะยาวของตระกูลที่ให้คนภายในตระกูล
หากหักล้างไม่ไหวเขายังสามารถใช้ส่วนแบ่งของท่านพ่อได้ หรือกระทั่งสุดท้ายก็ทำให้เป็นหนี้สูญได้ ภายในมีช่องว่างมากมายในระหว่างปฏิบัติงาน นี่เป็นหลังจากที่ตระกูลเซี่ยได้พัฒนามาจนถึงทุกวันนี้ด้วยขั้นตอนที่แน่นอน ตระกูลก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตามด้วยการค้าที่มากขึ้นเรื่อยๆ ก็ย่อมปรากฏความฟุ่มเฟือยรวมทั้งปัญหาทางการเงินที่ไม่ชัดเจนเป็นธรรมดา
ไม่ใช่ว่าตระกูลเซี่ยไม่ต้องการแก้ปัญหานี้ แต่ไม่สามารถทำสิ่งใดได้ หากแก้ไขแล้วเกรงว่าทั้งตระกูลเซี่ยคงแตกสลาย และแก้ไขไม่ได้ ตราบใดที่รายได้มีการเติบโตอย่างเพียงพอ และมีกระแสไหลเวียน เช่นนั้นก็ยังอยู่ต่อไปได้
เซี่ยไห่หยาง ในฐานะคนของตระกูลเซี่ยเขาย่อมรับรู้ในปัญหาเหล่านี้ แต่ก่อนเขาก็ไม่ได้ทำเช่นนี้ แต่ตอนนี้ทางด้านท่านพ่อเกิดเงื่อนงำ ขาดผู้ดูแลตระกูล ทั้งยังมีผู้แอบเฝ้าดูอยู่ลับๆ ไม่น้อย ดังนั้นเซี่ยไห่หยางจึงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ นอกจากนี้ยังต้องการที่จะเอาใจหวังเป่าเล่อรวมทั้งดาราจักรไฟ ดังนั้นครั้งนี้จึงต้องมีการเสียเลือดกันบ้าง
“มันก็แค่ทรัพยากร ข้าไม่มีสิ่งใดนอกจากเงิน!” เมื่อมองไปที่จัตุรัสอวกาศที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ นัยน์ตาของเซี่ยไห่หยางก็เป็นประกาย เขารู้สึกว่าแม้ใช้เงินไปยิ่งมาก แต่ขอเพียงได้สร้างความสัมพันธ์กับดาราจักรไฟและเฉินชิงจื่อ ทุกอย่างก็คุ้มค่า
ด้วยความคิดเช่นนี้ หลังจากที่หวังเป่าเล่อก้าวเข้าสู่จัตุรัสอวกาศของตระกูลเซี่ย เขาก็ย่อมไม่รู้สึกอึดอัด
เรือขนาดใหญ่กว่าสิบลำเหล่านี้เทียบได้กับดวงดารา ในจัตุรัสประกอบด้วยร้านรวงต่างๆ ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของพื้นที่ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยผู้ฝึกตนที่ซื้อตั๋วเรือ เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้จัตุรัสอวกาศเป็นที่นิยมกันอย่างมาก และครึกครื้้นราวกับเป็นอารยธรรมพิเศษอย่างหนึ่ง
ในเวลาเดียวกัน เนื่องจากจุดหมายปลายทางของมันคือดาวชะตา ดังนั้นนอกจากตระกูลและสำนักชั้นสูงที่เดินทางด้วยวิธีของตนเองแล้ว ผู้ฝึกตนที่ไปร่วมพิธีฉลองอายุจำนวนหนึ่งในคราวนี้ ส่วนมากก็จะเดินทางโดยเรือชนิดเดียวกัน ดังนั้นภายในจัตุรัสอวกาศของตระกูลเซี่ยครั้งนี้จึงได้จัดเรือลำใหญ่ขึ้นโดยเฉพาะ และค้าขายของหายากหลายชนิด ทำให้หลังจากที่ซื้อแล้วสามารถใช้เป็นของขวัญฉลองอายุได้เลย
เมื่อเห็นว่าที่นี่มีผู้คนมากมาย ไม่เพียงแต่ผู้ฝึกตนจำนวนมาก แต่ยังมีที่มาที่ไปที่หลากหลาย นอกจากผู้ฝึกตนที่เป็นมนุษย์แล้ว ยังมีจำพวกสัตว์และรวมทั้งพฤกษาที่บำเพ็ญตนด้วย อย่างเช่นทันทีที่หวังเป่าเล่อขึ้นเรือก็เห็นดอกทานตะวันช่อหนึ่งเดินผ่านหน้าไป…ขณะเดียวกันก็ยังมีร่างต่างๆ ที่ดูเหมือนประกอบขึ้นมาเป็นมนุษย์ เช่นมนุษย์ศิลา มนุษย์เพลิง เขาเห็นแม้กระทั่งร่างกายที่คล้ายมนุษย์ แต่กลับเป็นผู้ฝึกตนที่มีหัวเป็นปลา
ในหมู่นั้นยังมีพวกที่มีปีก หรือหลายหัว และพวกมีหลายแขนอยู่ทุกหนทุกแห่ง และที่ยิ่งประหลาดกว่านั้นก็ยังมีเสื้อคลุมสีดำทั้งร่าง แต่ถ้ามองให้ดี ภายในเสื้อคลุมดำนั้นว่างเปล่า แต่กลับลอยผ่านข้างๆ เขาไป และส่งระลอกความผันผวนทำให้หวังเป่าเล่อใจสั่น
“นี่คือผู้ฝึกตนของดาวซากมรณะ พวกมันมิใช่ไร้ร่างกาย แต่เนื่องจากความแตกต่างของคลื่นปราณ ระดับข้ามองไม่เห็น นอกจากจะมีฐานฝึกตนถึงขั้นดารานิรันดร์ จึงจะเห็นร่างแท้จริงของพวกมัน ”
“นี่คือผู้ฝึกตนแห่งเซอร์รอตติ ที่บ้านเกิดของพวกเขา มีทะเลที่กล่าวกันว่าสามารถกัดกร่อนได้ทุกสิ่ง พวกมันถือกำเนิดที่นั่น และสามารถควบคุมกฎแห่งน้ำได้แต่กำเนิด และแต่ละคนก็ไม่อ่อนแอเลย!” เซี่ยไห่หยางแนะนำเขาเสียงเบา ตามสายตาหวังเป่าเล่อที่กวาดผ่านไป
“สำหรับพวกที่มีหลายหัวและหลายแขน ส่วนใหญ่มีสายเลือดสัมพันธ์กับตระกูลไม่รู้สิ้น ดังที่ท่านทราบ ตระกูลไม่รู้สิ้นอยู่ในฐานะจ้าวแห่งจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น ด้วยตระกูลของเขามีผู้คนมากมายและมีอีกหลายเผ่าพันธุ์ ในหลายปีมานี้ล้วนมีการขยายพันธุ์มากขึ้น ดังนั้นจึงปรากฏชนรุ่นหลังที่แปลกประหลาดเหล่านี้ …”
หวังเป่าเล่อฟังการแนะนำของเซี่ยไห่หยาง รู้สึกว่าตนเองนับว่าได้เปิดหูเปิดตา อันที่จริงหลายปีมานี้เขาใช้ชีวิตอยู่จักรวาลนอกสหพันธรัฐ ความรู้ก็นับว่าไม่น้อยแล้ว แต่หลังจากที่ได้มาถึงจัตุรัสอวกาศตระกูลเซี่ยนี้แล้ว ยังคงรู้สึกว่าได้เปิดหูเปิดตากว้างขึ้นบ้างแล้ว
ในไม่ช้าสายตาของหวังเป่าเล่อก็ละออกจากร่างผู้ฝึกตนแต่ละชนิด ด้วยการร่วมทางของเซี่ยไห่หยางรวมทั้งดารานิรันดร์แปดท่านที่ติดตามคุ้มกันอยู่ด้านหลัง เดินเตร่อยู่ในจัตุรัสนี้แล้วเข้าไปในร้านค้าร้านหนึ่ง
นี่เป็นร้านที่จำหน่ายโอสถบำรุงโดยเฉพาะ มีทั้งหมดสองชั้น มีโอสถบำรุงหลายชนิดอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ดารานิรันดร์ต้องการ หรือใช้เพื่อควบแน่นลมหายใจ มีมากมายหลากหลายชนิด และยังมีของล้ำค่าบางอย่างที่หาได้ยากจากภายนอก และสิ่งที่ยิ่งทำให้รู้สึกฟุ่มเฟือยก็คือที่ใจกลางห้องโถงชั้นหนึ่งวางหม้อหลอมโอสถขนาดห้าคนโอบไว้ ภายในมีควันสีเขียวลอยตลบอบอวนออกมา
เมื่อสูดควันนี้เข้าไปก็สามารถกระตุ้นปราณอมตะภายในร่างได้ หากอบร่างอยู่ในนั้นเป็นเวลานาน ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อการฝึกตน กำยานเช่นนี้เป็นของราคาสูง แต่ที่นี่กลับมีให้โดยไร้ค่าตอบแทน ด้วยเหตุนี้จึงสามารถเห็นได้ว่าเส้นสนกลในของร้านนี้ลึกล้ำ เวลาเดียวกันอาจเป็นด้วยเหตุนี้ ภายในร้านนี้จึงมีผู้ฝึกตนมากมาย โดยทั่วไปแล้วก็มีการซื้อขายกันอยู่ตลอดเวลา
ไม่ว่าจะเป็นผู้ซื้อหรือคนงาน ก็ดูเหมือนยุ่งไปหมด
แต่เช่นนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ธรรมดาและเป็นร้านที่การค้าเฟื่องฟู หลังจากหวังเป่าเล่อเข้าไป ด้วยเสียงกระแอมของเซี่ยไห่หยาง ชายชราผู้หนึ่งก็รีบเดินออกมาจากข้างในร้านทันที ฐานฝึกตนของชายชราผู้นี้เป็นระดับดารานิรันดร์ หลังจากเห็นเซี่ยไห่หยาง เขาก็ยิ้มน้อยๆ และเมื่อเซี่ยไห่หยางเห็นตาเฒ่าก็เข้ามาโค้งคำนับ
“คารวะผู้เฒ่าโอสถ”
ชายชราพยักหน้าและมองไปที่หวังเป่าเล่ออีกครั้ง หวังเป่าเล่อมองไปด้วยรอยยิ้ม หลังจากประสานหมัดคำนับแล้ว ชายชราก็รีบคำนับกลับทันที จากนั้นเขาก็กวาดตามองไปยังดาวนิรันดร์ทั้งแปดที่อยู่เบื้องหลังหวังเป่าเล่อ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม แล้วเขาก็หันไปพูดกับคนรอบข้าง…
“สหายเต๋าทุกท่าน โปรดออกไปก่อน ร้านของเราจะต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและปิดร้านเป็นเวลาครึ่งชั่วยาม!”
ทันทีที่กล่าวออกมา ผู้ฝึกตนทั้งหมดในร้านก็เปลี่ยนท่าที เมื่อพวกเขามองไปยังกลุ่มของหวังเป่าเล่อ คนงานภายในร้านก็ทำตามคำสั่งของชายชราและเชิญทุกคนออกไปอย่างสุภาพทันที
แม้จะมีผู้ฝึกตนบางคนไม่พอใจแต่ก็มิอาจทำสิ่งใดได้ ไม่นานก็ไม่เหลือลูกค้ารายอื่นในร้านนี้ ยกเว้นกลุ่มของหวังเป่าเล่อ เมื่อประตูปิดลงหวังเป่าเล่อก็รู้สึกใจสั่น
อันที่จริงเขาเพิ่งได้รับการต้อนรับเช่นนี้เป็นครั้งแรก รู้สึกจิตใจอิ่มเอิบ แต่ภายนอกเขายังคงขมวดคิ้ว จ้องไปที่เซี่ยไห่หยาง
“หยางเอ๋อร์ ไม่ต้องทำถึงเช่นนี้”
“อาจารย์อาสิบหกที่เคารพอย่างสูง ข้ากังวลว่าจะถูกรบกวน จึงได้ตัดสินใจด้วยตนเอง ขออาจารย์อาลงโทษด้วย!” ไม่ว่าเซี่ยไห่หยางจะคิดอย่างไรในใจแต่ใบหน้าเขาดูจริงใจ
“เจ้าอย่าได้ทำเช่นนี้อีก” หวังเป่าเล่อส่ายหน้า และหลังจากพูดเบาๆ เขาก็หันไปหาผู้ดูแลของร้านนี้ ก็คือผู้เฒ่าโอสถผู้นั้น แล้วกำหมัดคำนับ
“ขอบคุณผู้อาวุโสเฒ่าโอสถ”
แม้ว่าเฒ่าโอสถจะทำเพื่อเห็นแก่หน้าของเซี่ยไห่หยางด้วยการมอบการต้อนรับเช่นนี้ แต่เวลานี้เมื่อเห็นอย่างชัดเจนว่าหวังเป่าเล่อที่มีฐานะสูงส่งแต่กลับสุภาพต่อตนเองก็รู้สึกยินดี ดังนั้นหลังจากยิ้มและพยักหน้าแล้วจึงเรียกศิษย์หญิงที่ไม่ว่าจะเป็นท่าทางหรือรูปลักษณ์ก็ล้วนเป็นเลิศ ให้พวกนางมาแนะนำโอสถบำรุง
ศิษย์หญิงสองคนนี้เห็นได้ชัดว่าอยากรู้เกี่ยวกับหวังเป่าเล่อ ถึงกับสามารถทำให้เซี่ยไห่หยางที่เป็นนายน้อยผู้หนึ่งมาดูแลได้ และยังปิดร้านต้อนรับ ทั้งหมดนี้ล้วนแสดงถึงความสูงส่งของหวังเป่าเล่อ
ดังนั้นโฉมงาม อีกทั้งคำพูดก็อ่อนหวานยิ่ง หอมแม้แต่ลมหายใจขณะที่กล่าวแนะนำ ในไม่ช้าพวกนางก็พบว่าขอเพียงให้อีกฝ่ายมองโอสถบำรุงนานสักหน่อยก็ไม่จำเป็นต้องเอ่ยสิ่งใด นายน้อยที่อยู่ข้างๆ ก็จะรีบหยิบโอสถนั้นลงกระเป๋าคลังเก็บในทันที…
……………………………………