ตูม!

แจกันวิเศษหยกขาวที่ลั่วเจียเรียกมามีแสงศักดิ์สิทธิ์สีเงินบาดตาพรั่งพรู ประหนึ่งธารดาราไหลบ่าลงมา ความน่าหวาดกลัวแห่งอานุภาพทำเอาซื่ออวิ๋นหน้าเปลี่ยนสี จำต้องทิ้งศุภโชคหันมาโต้กลับ

ฟุ่บ!

ขณะเดียวกัน บุคคลแห่งยุคอย่างพวกมู่เจี้ยนถิงออกเคลื่อนไหว ต่างหมายฉวยโอกาสชิงศุภโชคอันดับหนึ่งบนโต๊ะ

ทันใดนั้นทั่วบริเวณโกลาหล เกิดการสู้รบพัลวันดุเดือดหาใดเปรียบ

รุนแรงและอลหม่านเหลือประมาณ บุคคลแห่งยุคมากมายไม่เพียงต่างสำแดงความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุด ยังลอบสร้างพันธมิตร ทำให้สถานการณ์ไม่น่าไว้ใจและล่อแหลมอันตราย

แต่หากกล่าวถึงความดุเดือดเลือดพล่าน ต้องยกให้การประลองของหลินสวินและอวี่หลิงคง

ทั้งคู่ต่างปรากฏไอสังหาร หมายฆ่าอีกฝ่ายโดยเร็ว ทันทีที่เปิดศึกก็ใช้กระบวนท่าสังหารแล้ว

ผู้แข็งแกร่งอื่นแม้กำลังต่อสู้ชุลมุน แต่เมื่อเห็นว่าไม่อาจชิงศุภโชคอันดับหนึ่งในทันที ล้วนต่างระวังตัว ออมแรงไว้อยู่บ้าง ด้วยห่วงว่าจะเกิดเรื่องอย่างการถูกมือที่สามชุบมือเปิบหลังต่อสู้กันจนบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย

เมื่อเห็นการประลองของหลินสวินและอวี่หลิงคงกับตา ผู้แข็งแกร่งไม่น้อยแทบอยากให้ทั้งคู่สู้กันจนตายไปข้าง บาดเจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่าย

ครืน…

ระหว่างทั้งคู่ แสงศักดิ์สิทธิ์ครวญคร่ำ พลังเจตจำนงแห่งมรรคแผ่คลุม โรมรันห้ำหั่น เปิดฉากการประลองแห่งยุค

“เทพมารหลินอะไรกัน ไม่เห็นจะแน่เท่าไหร่!” อวี่หลิงคงส่งเสียงเฉยชา อำมหิตไร้ปรานีดุจเซียนกระบี่ไร้เทียมทาน กระบี่มรรคสว่างดุจหิมะทะลวงเมฆา ฟันแสงกระบี่บาดตาลงมา

แสงกระบี่นั้นเปี่ยมเจตจำนงแห่งมรรคลุ่มลึก เผยปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่น่ากลัวถึงขีดสุด ตัดเส้นผมหลินสวินออกมา ทำผิวหนังแสบร้อน

หลินสวินใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งเคลื่อนหลบการจู่โจม ควบคุมดาบหักสำแดงศาสตร์ลับแห่งหกกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้า สะท้านกลับหนักหน่วง

ที่แห่งนี้ปราณกระบี่โลดแล่นไปทั่ว แสงดาบตัดสลับ สั่นสะท้านฟ้าดิน

ผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งละแวกใกล้เคียงล้วนจำต้องถอยหนี เพราะการปะทะเช่นนี้สะเทือนใต้หล้าเกินไป อาจถูกลูกหลงได้

ตูม!

ขณะเดียวกันหลินสวินเผยเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ พุ่งทะยานเข้าไป พลังหมัดเรียบง่ายดุจว่างเปล่า ส่องประกายลานตา พุ่งเข้าหาอวี่หลิงคงอย่างดุดันหาใดเปรียบ ไม่มีสิ่งใดไม่ทลาย

อวี่หลิงคงนัยน์ตาฉายแววเจิดจ้า คล้ายหยามเหยียดอย่างที่สุด ไม่หลบหนีแต่ปะทะเข้าไป

ฝ่ามือเขาดั่งคมดาบ ฟาดผ่าฉับพลัน

ฟุ่บ!

ดาบฝ่ามือสีม่วงโฉบออกมา บ้าบิ่นน่าหวาดกลัว ส่องแสงมรรคชวนประหวั่น

ผู้แข็งแกร่งมากมายที่อยู่ใกล้เคียงในใจสั่นสะท้าน สายตาถูกดึงดูด ตระหนักได้ว่านี่คือวิชามรรคอย่างหนึ่ง น่าสะพรึงไร้ขอบเขต

ดาบแสงม่วงมังกรโลกันตร์!

ท่ามกลางความเลือนราง ประดุจมีมังกรฟ้าสีม่วงตัวหนึ่งทะยานจากขุมนรกโลกันตร์ แผดเสียงมังกรคำราม สลัดพันธนาการฟ้าดิน กรงเล็บมังกรกุมภูผาธารา พลานุภาพสะท้านทั่วสรรพทิศ

นี่คือวิชาลับที่สืบทอดในตระกูลอวี่ ผสานมหามรรคมังกรศึกและคัมภีร์ยอดมังกรม่วงอย่างสมบูรณ์แบบ รวมเป็นวิชามรรคไร้เทียมทานนี้

บัดนี้ทันทีที่สำแดงกระบวนท่า แสงม่วงทะลวงเมฆาเผยลักษณ์มังกรทะยานฟ้า สะท้านทุกผู้คนโดยพลัน

หลินสวินนัยน์ตาหดรัด รับรู้ถึงความน่ากลัวของการโจมตีนี้ เห็นชัดว่าคู่ต่อสู้มีความรู้ในวิถียุทธ์เหนือธรรมดา วิถีกระบี่ไม่เพียงน่าอัศจรรย์ ยังครองวิชามรรคชั้นยอดมากมาย

ระยะห่างประชิดเกินไป ไม่อาจหลีกหลบโดยสิ้นเชิง

ก็เห็นทั่วร่างหลินสวินส่งเสียงกัมปนาท ระเบิดพลังเจตจำนงแห่งมรรคไร้สิ้นสุดมาต้านทาน

เพียงชั่วพริบตา ในพลังหมัดของเขาโคจรความเร้นลับแห่งเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ทั้งมวล อานุภาพสะท้านฟ้าสะเทือนดิน

ตูม!

ห้วงอากาศดั่งผืนผ้าที่ไม่อาจทานทน ถูกฉีกกระชากทรุดลงฉับพลัน เสียงครวญคร่ำอึกทึกกึกก้อง ผู้แข็งแกร่งไม่น้อยหน้าเปลี่ยนสี ถอยหลบอีกครา

การปะทะครั้งนี้น่าตกตะลึงและน่าหวาดกลัวเกินไป แค่เพียงกลิ่นอายก็ชวนให้รู้สึกใจสั่นระรัว ขนพองสยองเกล้า

แม้แต่พวกจี้ซิงเหยา ลั่วเจียล้วนเผยสีหน้าตระหนก ในฐานะผู้ดำรงอยู่ในระดับเดียวกัน พวกนางสัมผัสได้ว่าอานุภาพของการโจมตีบรรลุถึงขั้นยอดมกุฎแล้ว!

ในระดับกระบวนแปรจุติ นี่คือการประลองชั้นยอดแห่งยุคสมัยโดยไม่ต้องสงสัย เป็นตัวแทนของระดับสูงสุดที่ผู้ฝึกปราณรุ่นเดียวกันสามารถบรรลุถึง

ในที่นั้นหลินสวินและอวี่หลิงคงต่างถอยร่น ฝ่ายแรกร่างซวนเซ ผิวสั่นสะท้านเล็กน้อย ฝ่ายหลังผมดำแผ่สยาย บนหน้าหล่อเหลางามสง่าแดงเรื่อเลือดลมตีกลับ

เห็นชัดว่าการปะทะครั้งนี้ไม่มีใครได้เปรียบ

แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ยังพาให้สั่นสะท้าน เทพมารหลินแข็งแกร่งถึงขั้นสามารถต่อกรกับอวี่หลิงคงแล้วหรือ

นี่ทำให้ผู้คนยากจะเชื่อ!

ดาบแสงม่วงมังกรโลกันตร์พลังสังหารน่าทึ่งยากป้องกัน แต่คราวนี้กลับถูกหลินสวินสยบคลี่คลาย นี่น่าตกตะลึงยิ่งนัก

แต่ไม่ว่าสำหรับหลินสวินหรืออวี่หลิงคง การประลองครั้งนี้ต่างทำให้พวกเขาประหลาดใจสงสัย ต่อมาไอสังหารภายในใจพลันเข้มข้นยิ่งกว่าเดิม

ฟุ่บ!

กลางนภากาศ กระบี่มรรคและดาบหักยังประชันขันแข่ง แต่อวี่หลิงคงกลับชิงลงมือก่อน เงาร่างดุจศรพ้นเกาทัณฑ์ ระเบิดแสงมรรคศักดิ์สิทธิ์สีม่วง รวบนิ้วกำหมัดโจมตีลงมาจากกลางเวิ้งฟ้า

พริบตานั้นเขาสำแดงวิชามรรคไร้เทียมทานอีกอย่าง พลังหมัดห้อมล้อมอสนีสีม่วงส่องสว่าง ทลายแหวกห้วงอากาศ ไอสังหารสะเทือนใต้หล้า

นี่…

ผู้แข็งแกร่งไม่น้อยอ้าปากค้าง

“หมัดสยบอัมพรม่วง!” ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะต่างฮึกเหิม แววตาเผยความชื่นชม

นี่คือยอดวิชามรรคของแดนพิสุทธิ์อมตะ หลอมเจตจำนงแห่งมรรคอสนีม่วงไว้ในพลังหมัด มีพลังทำลายล้างทะลวงหยินหยาง ดับทำลายสรรพวิญญาณ

เหล่าผู้กล้าใจสั่นสะท้าน อวี่หลิงคงน่ากลัวเกินไปแล้ว เบื้องลึกเบื้องหลังน่าอัศจรรย์ดังคาด!

ไม่ว่าดาบแสงม่วงมังกรโลกันตร์หรือหมัดสยบอัมพรม่วง ล้วนแต่เป็นวิชามรรคยิ่งใหญ่เหนือกาลเวลา เรียกได้ว่าไร้เทียมทาน บุคคลแห่งยุคทั่วไปครอบครองเพียงหนึ่งก็สามารถผงาดเหนือโลกหล้าแล้ว

แต่บัดนี้ล้วนถูกอวี่หลิงคงยึดกุม ด้วยเหตุนี้จึงเห็นได้ถึงความน่าสะพรึงของอวี่หลิงคง

ตูม!

ห้วงอากาศทรุดตัวลง แปรปรวนแตกซ่าน ทั่วร่างอวี่หลิงคงแสงม่วงแผ่ปกคลุม พลังหมัดห้อมล้อมด้วยแสงอสนีคดโค้งเป็นประกาย พิฆาตหลินสวินจากเบื้องบน

แข็งแกร่ง

ดุดัน

ผงาดผยอง!

นัยน์ตาดำของหลินสวินเยียบเย็น ก้าวออกไปหนึ่งก้าว ชือน้ำแข็งที่ขาวดุจหิมะก็ทะยานนภา ชวนประหวั่นหาใดเปรียบ ขณะเดียวกันเขายังสำแดงผนึกป้าเซี่ยและประทับปี้อั้นไปพร้อมกัน

ความเร้นลับของสองวิชาลับหลอมรวมเข้าด้วยกัน มีแก่นอัศจรรย์แห่งการผนึกสรรพสิ่ง ทั้งมีอานุภาพทลายฟ้าดิน

ยามอยู่ในเขตขีดจำกัด การฝึกยุทธ์ของเขาเกิดการแปรสภาพพลิกฟ้าพลิกดิน ยกระดับจากขั้นสูงสุดถึงขั้นสมบูรณ์ สำหรับความเร้นลับในวิชามรรคที่ตนครอบครองล้วนเข้าใจปรุโปร่งนานแล้ว ใช้ได้อย่างชำนาญ แฝงท่วงทำนองสูงสุดคืนสู่สามัญ เปลี่ยนสิ่งไร้ค่าเป็นอัศจรรย์

เสียงครืนดังสนั่น ทั้งสองประลองกันอีกครั้ง ชั่วพริบตาก็สู้กันมาแล้วกว่าร้อยกระบวนท่า ต่อมาต่างฝ่ายต่างถูกกระเทือนถอยแยกออกจากกันกลางอากาศ

ใบหน้าหมดจดของหลินสวินซีดเผือด

ส่วนอวี่หลิงคงเองก็ซวนเซโงนเงน หน้าผากเผยเส้นเลือดดำเด่นชัด

ทั้งสองต่างตกตะลึง!

เพราะพวกเขาต่างสำแดงกระบวนสังหาร แต่ผลยังสูสีอย่างคาดไม่ถึง นี่ทำให้พวกเขาต่างเปลี่ยนเป็นจริงจัง ต่างฝ่ายต่างสบตา ไอสังหารชวนประหวั่นยิ่งกว่าเดิม

“มรรคาแห่งมกุฎแม้เรียกได้ว่าราชันแห่งระดับ แต่บนหนทางนี้ เจ้าสู้ข้าไม่ได้!” หว่างคิ้วอวี่หลิงคงเปี่ยมความเย็นชาหยิ่งผยอง

ขณะกล่าว สองมือของเขาทำมุทราออกมาเป็นประทับฝ่ามือสีม่วงดูคล้ายดอกบัว แฝงท่วงทำนองแห่งมรรคแปลกประหลาด เคลื่อนกวาดออกมา

วู้ม…

ประทับฝ่ามือดั่งบรรพต ราวสามารถบดอัดสรรพสิ่ง

นี่คือยอดวิชามรรคอีกแขนง!

นามรอยประทับสมบัติสมประสงค์ แสงเรืองรองเจิดจรัส ไม่มีสิ่งใดที่ไม่อาจทำลาย

เหล่าผู้กล้าที่กำลังรบพุ่งห่างออกไปในใจสั่นสะท้านยิ่งกว่าเดิม ไม่อาจจินตนาการว่าหากตนประลองกับอวี่หลิงคงจะสามารถเป็นคู่ต่อกรเขาได้หรือไม่

เจ้าหมอนี่เรียกได้ว่าพลิกฟ้า เจิดจรัสรุ่งโรจน์!

ขณะนี้หลินสวินกลับเปลี่ยนเป็นนิ่งสงบ ในใจเขาว่างเปล่าดุจโลกีย์ไม่อาจแปดเปื้อน ผ่อนคลายร่างกาย เผยความเร้นลับแห่งมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรและเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์

ทุกกระบวนท่าล้วนเรียบง่ายธรรมดา แต่กลมกลืนกับธรรมชาติ สอดคล้องกับมรรค ก่อเกิดอิทธิพลยิ่งใหญ่แห่งฟ้าดิน

ทั้งคู่ห้ำหั่นกันอีกครั้ง ห้วงอากาศ ณ ที่นั้นอลหม่าน ปรากฏลักษณ์ประหลาดสะเทือนใต้หล้านานัปการ สั่นสะท้านจิตใจคน

“ไม่มีทาง!”

อวี่หลิงคงในใจเดือดดาล ต่อสู้มานานแต่ไม่อาจเผด็จศึก ทำเอาเขารู้สึกเสียหน้า แค่เด็กหนุ่มจากโลกชั้นล่างคนหนึ่งเท่านั้น แต่กลับต่อสู้กับเขาได้ถึงป่านนี้ หากแพร่งพรายออกไปผู้คนจะคิดอ่านเยี่ยงไร

ตูม!

แค่ชั่วพริบตาเขาเผยวิชามรรคนานัปการ ทั่วร่างถูกแสงศักดิ์สิทธิ์สีม่วงอบอวล มีท่วงท่าแหวกสังหารทศทิศ กวาดล้างเก้าชั้นฟ้า

อวี่หลิงคงที่เดือดดาลพลังอำนาจชวนประหวั่นยิ่งกว่าเดิม ประดุจเทพเซียนจากสวรรค์ พลานุภาพครอบคลุมทั่วบริเวณ ไม่มีสิ่งใดเทียบเทียม

แต่ขณะเดียวกัน พลังทั่วร่างหลินสวินก็เกิดการเปลี่ยนแปลง โคจรวิชาลับโทสะหยาจื้อ พลังต่อสู้พลันทะยานขึ้นอีกช่วงใหญ่!

พริบตานั้นทั้งตัวเขาประดุจเตาหลอมผลาญพิภพ กดกำราบลงมา ทำลายแนวป้องกันของอวี่หลิงคงอย่างแกร่งกร้าว

ปึง!

แขนขวาอวี่หลิงคงชาไปหมด แม้ต้านทานการโจมตีได้ แต่อาภรณ์ช่วงแขนกลับแหลกกระจุยฉับพลัน พื้นผิวทุกอณูฉีกขาดหลั่งโลหิต เจ็บปวดสาหัสยากอธิบาย แขนขวาเกือบแหลกละเอียด!

ผู้แข็งแกร่งคนอื่นต่างตกตะลึง เทพมารหลินถึงกับทำอวี่หลิงคงบาดเจ็บก่อน?

ตั้งแต่เริ่มเปิดศึก การต่อสู้ระหว่างทั้งคู่พอฟัดพอเหวี่ยงสูสีกันตลอด แต่ทว่ามาบัดนี้ กลับเป็นเทพมารหลินที่ชิงขึ้นนำ ทำร้ายอวี่หลิงคงบาดเจ็บ!

แม้เป็นการบาดเจ็บแค่ผิวเผิน ไม่อาจกระทบพลังต่อสู้ของอวี่หลิงคงได้ แต่กลับเผยให้เห็นว่าในการต่อสู้นี้เทพมารหลินได้เปรียบอยู่เสี้ยวหนึ่ง

นี่ทำให้ผู้คนยากจะเชื่อยิ่งกว่าเดิม

อวี่หลิงคงมีชาติกำเนิดจากตระกูลอริยะ ฝากตนเป็นศิษย์แดนพิสุทธิ์อมตะ ตั้งแต่เด็กก็ครองมหาโชคเจิดจรัสรุ่งโรจน์ ฝึกปราณถึงบัดนี้ไม่เคยพ่าย ประหนึ่งเทพปกรณัมไร้คู่ต่อกร

แต่สำหรับเทพมารหลิน กลับมาจากโลกชั้นล่างที่แร้นแค้นเกินทน ไร้ที่พึ่งพิง ไร้สำนักไร้สังกัด โดดเดี่ยวตัวคนเดียว กล่าวถึงฐานะ ตำแหน่ง ชาติกำเนิด ล้วนไม่อาจเทียบอวี่หลิงคงอยู่โข เรียกได้ว่าฟ้ากับเหว

แต่ตอนนี้กลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น!

นี่จะไม่ให้ผู้คนตกตะลึงได้อย่างไร

แม้แต่จี้ซิงเหยาและลั่วเจียเองในใจต่างสะเทือนรุนแรง

“เจ้าทำข้าหลั่งโลหิต?”

อวี่หลิงคงคล้ายยากจะเชื่ออยู่บ้าง ต่อมาสีหน้าเขาเย็นชายิ่งกว่าเดิม เห็นชัดว่าเดือดดาลถึงที่สุด ผมดำทั้งศีรษะสยายพลิ้ว แหงนหน้าแผดคลื่นเสียงดั่งฟ้าคำราม สะเทือนจิตวิญญาณจนสั่นระรัว

เพียงชั่วพริบตา ลักษณะพลังเขาแปรเปลี่ยนอีกครา นัยน์ตาทั้งคู่กลายเป็นสีทองอร่าม รอยสลักลึกลับอัศจรรย์ชวนประหวั่นทะลึกล้น

ตูม!

รอบกายเขาปรากฏป้ายหินสีดำหกหลัก พื้นผิวต่างสลักลายมรรคสีทองที่บิดเบี้ยวแปลกประหลาด ทันทีที่ปรากฏออกมา กลิ่นอายน่าสะพรึงกดดันฟ้าดินก็ตลบอบอวล

“ศิลาผนึกมารหกประสาน!”

จี้ซิงเหยานัยน์ตาหดรัด นี่คือสมบัติโบราณที่แปลกประหลาดและน่ากลัวชุดหนึ่ง ครอบคลุมทั่วทิศ ได้รับการกล่าวขานว่าสามารถล้อมสังหารหมื่นวิญญาณ

ผู้แข็งแกร่งคนอื่นพลันหวาดผวา จิตวิญญาณต่างรู้สึกกดดัน แม้พวกเขาไม่รู้ความเป็นมาของศิลาผนึกมารหกประสานนี้ แต่สามารถตัดสินได้ว่าอานุภาพของมันต้องน่ากลัวเหนือจินตนาการแน่!

……………..