GGS:บทที่ 1145 ที่สุดแห่งสนาม
หลังจากที่ครึ่งหลังนั้นได้เริ่มขึ้น ฝั่งประเทศออสเตรเรียนั้นยังคงเล่นเกมลุกแบบเร็วเหมือนเดิมไม่เสื่อมคลาย โดยที่ซูจิ้งก็ไม่ได้มีท่าทีจะติดตามหรือป้องกันแต่อย่างใด ราวกับว่าต่อให้อยากขนาดไหนก็ทำไม่ได้
นี่เองก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่เรียกว่าสงครามจิตวิทยาที่ผู้เล่นฝั่งออสเตรเรียนั้นสรรหามาจะทำได้ แต่กับซูจิ้งนั้น อย่าเรียกว่าเป็นสงครามจิตวิทยาเลย เขาแค่ขี้เกียจที่จะไล่ตามเท่านั้น เพราะเขาคิดว่ามันเสียเวลาในการทำคะแนน
ด้วยท่าทีในตอนนี้ของเขาราวกับอยากจะบอกว่า “ยิงๆไปเถอะ ฉันไม่ป้องกันหรอก เพราะยังไงซะพวกเอ็งก็ป้องกันลูกยิงของฉันไม่ได้อยู่แล้ว”
หลังจากผู้เล่นออสเตรเรียทำแต้มไป ผู้เล่นจีนก็ได้ส่งลูกให้กับซูจิ้ง และเพียงไม่ถึงวินาที ออสเตรเรียก็เสียแต้มไปอีกครั้ง
ไม่ใช่ว่าออสเตรเรียไม่ได้หาวิธีตอบโต้ซูจิ้ง พวกนั้นได้ส่งคนมาประกบถึงสองคนด้วยกัน และยังมีอีกคนคอยปัดลูกไม่ให้ถึงมือซูจิ้ง แต่ด้วยการที่คนๆนี้อยู่ห่างมากจึงราวกับว่าเขานั้นคอยป้องกันคนอื่น จะเรียกได้ว่าใช้ครึ่งทีมเพื่อการนี้เลยก็ว่าได้ (แข่งบาสใช้นักบาสทีมละห้าคน)
ด้วยการที่ซูจิ้งนั้นได้แสดงศักยภาพทางด้านการกีฬาบาสอันสูงล้ำออกมาก่อนหน้านี้ก็ได้เห็นแล้วว่าแค่สองคนยังไม่แม้แต่จะทำให้เขาหยุดคิด ไม่ต้องพูดถึงสามคนแต่อย่างใด เมื่อลูกลงห่วงไปอย่างสบายทุกคนต่างก็วิ่งกลับไปยังฝั่งของตน นี่รวมถึงซูจิ้งด้วย
แต่ในครั้งนี้ ซูจิ้งได้ตัดบอลมาได้อย่างไม่ยากเย็น ทั้งๆที่นักกีฬาออสเตรเรียยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกได้หายไปจากมือตัวเองเรียบร้อยแล้ว เมื่อทีมออสเตรเรียเห็นว่าลูกบาสอยู่ในมือของซูจิ้งทุกคนต่างก็กระตุกไปเล็กน้อยก่อนที่จะวิ่งกลับไปป้องกันด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากแม้แต่น้อย เพราะพวกนั้นไม่สามารถทำอะไรกับซูจิ้งเลยสักนิด
สำหรับฝั่งออสเตรเรียนั้นยามที่พวกเขานั้นถูกแย่งบอลไปนั้นช่างเอาคืนกลับมาได้อย่างยากลำบากนัก แถมยังไม่ทันไรก็สามแต้มไปอีกแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะดูง่าย แต่ก็ยากที่จะทำตามอย่างเห็นได้ชัด
ในครั้งนี้ทีมฝั่งออสเตรเรียทั้งหมดต่งก็ยืนอึ้งกันไปหมด พวกเขานั้นราวกับไม่เคยเห็นซูจิ้งอยู่ในสายตาเลยจริงๆ จะพูดให้ถูกก็คงจะเป็นหาซูจิ้งไม่เจอเสียมากกว่า กว่าจะรู้ตัวก็คือซูจิ้งกระโดดลายกลางอากาศกระโดดดั้งค์สามคะแนนไปแล้ว
เกมยังคงดำเนินต่อไป สิ่งที่ทีมนักกีฬาบาสเก็ตบอลออสเตรียกังวลอยู่มาตลอดเลยก็เป็นจริง นั่นคือซูจิ้งนั้นยังไม่ได้เอาจริง
เหล่าผู้เล่นจากทีมฝั่งออสเตรเรียในตอนนี้นั้นเรียกได้เลยว่าดูได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่พวกเขาก็ไม่ได้นิ่งดูดายแต่อย่างใด พวกเขาได้เริ่มเกมอีกครั้ง บอกได้เลยว่าต่อให้ทั้งหมดมารวมตัวกันใต้ห่วงก็ไม่มีทางที่จะหยุดยั้งซูจิ้งได้เลยแม้แต่น้อย
“โว้ว การกระโดดดั้งค์จากระยะสามแต้มนี่สุดยอดไปเลยแหะ”
“นี่ฉันเพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามีการเล่นบาสแบบนี้อยู่ด้วย แต่ดูเหมือนว่าพวกเขานั้นไม่จะเป็นต้องเล่นบาสแบบนี้มาก่อนหน้านี้แต่อย่าใด นี่สมควรจะเป็นกลยุทธในเหตุฉุกเฉินเท่านั้น และนี่ก็ยังไม่เพียงพออีกด้วย”
“จบแล้ว ซูจิ้งแกร่งเกินไป แถมเขานั้นยังเข้าขากับคนทีมแบบสุดๆแบบนี้ยิ่งแล้วไปกันใหญ่ นี่เรียกได้ว่าหยุดไม่อยู่แล้ว”
“เออเออ แล้วยังไงล่ะ ต่อให้ทีมจีนแข็งแกร่งยังไงก็ต่ามแต่ยังไงซะคะแนนแทบจะทั้งหมดนั้นแล้วได้มาจากซูจิ้ง ฉันอยากรู้เหมือนกับว่าซูจิ้งนั้นจะทนแข่งแต่อไปได้อีกนานสักเท่าไหร่กัน”
เกมยังคงดำเนินต่อไป สิ่งที่อยู่ในใจทีมฝั่งออกสเตรเรียมาตั้งแต่ต้นเกมนั้นได้เริ่มปรากฎออกมา นั่นก็คือ ซูจิ้งนั้นยังไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงออกมา
ในตอนนี้ซูจิ้งเพียงใช้ความเข้าขากับทีมของตนเพียงเท่านั้น ทีมออสเตรเรียก็ไม่สามารถหยุดยั้งซูจิ้งได้แล้ว นี่ยังนึกไม่ออกจริงๆว่าหากเขานั้นไม่ได้สนใจทีมและเล่นด้วยตัวเองคนเดียวจะน่ากลัวขนาดไหน มีอยู่หนหนึ่งที่เขานั้นทำท่าจะกระโดดยิงลูกจนถูกกระแทกเซถอยหลัง แต่ซูจิ้งนั้นเพียงแค่หมุนตัวกลางอากาศเพื่อปรับสมดุล และยิงลูกบาสในมือออกไปเท่านั้น ล่ะนั่นก็ทำให้เขาได้อีกสองคะแนน เรียกได้ว่าทุกคนต่างก็รู้สึกว่าซูจิ้งนั้นอยากได้คะแนนเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นเลยทีเดียว
ทีมนักกีฬาบาสฝั่งออสเตรเรียในตอนนี้พยายามยื้อสุดฤทธิ์เช่นเดียวกัน พวกนั้นพยายามทำประตูไล่ตามอย่างสุดฝีมือเพื่อร่นระยะห่างคะแนน อีกทางหนึ่งก็พยายามหยุดยั้งซูจิ้งไว้หมดฤทธิ์
โดยพวกเขานั้นต่างก็คิดว่าหากไม่สามารถหยุดซูจิ้งได้ อย่างน้อยทำให้ซูจิ้งเหนื่อยได้ก็ยังดี ยังซะต่อให้ซูจิ้งแข็งแกร่งขนาดไหนก็ตามต่อก็เหนื่อยเป็นอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม ซูจิ้งยังคงแข่งบาสต่อไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส ด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยพลังงานอย่างที่สุด นี่ทำให้ผู้คนต่างก็สับสนกันไปหมด ด้วยการที่ซูจิ้งเป็นตัวทำแต้มมาตั้งแต่เริ่มเกมนั้น ไม่ว่ามองยังไงก็เรียกได้ว่าเผาพลาญพลังงานตัวเองอย่างมาก แต่ทำไมยิ่งเขาเล่นยิ่งแรงดีก็ไม่รู้เหมือนกัน
และผลที่ออกมานั้น ซูจิ้งไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำแต่อย่างใด ในเกมที่สาม ซูจิ้ง ยังคงเป็นตัวทำแต้มอยู่คนเดียวจนหมดโดยไม่มีการขอเวลานอกเพื่อพักแต่อย่างใด
หลังเสร็จเกมที่สามนี้ เกมในตอนนี้อยู่ที่คะแนน 98-72 คะแนน เรียกได้ว่าคะแนนห่างอย่างไม่เห็นฝุ่นกันเลยทีเดียว หากเป็นเกมปกตินั้นจะเรียกว่าทีมชนะแข็งแกร่งอย่างมาก แต่ในความเป็นจริงนั้นพลักกลับกันจนยากจะเอ่ย
ในเกมที่สี่ ซูจิ้งไม่ได้ลงเล่นแต่อย่างใด นี่ทำให้เหล่าผู้เล่นออสเตรเรียต่างก็คือว่าซูจิ้งนั้นหมดแรงแล้วแน่ๆจึงได้ทำคะแนนตีตื้นมาอีกหกคะแนน แต่ไม่ทันไร ซูจิ้งก็กลับลงมาในสนามอีกครั้ง นี่เขานั้นเป็นคนเหล็กรึไงกัน
และทุกๆการกระทำของซูจิ้งนั้นยิ่งทำให้เขานั้นกลายเป็นคนเหล็กในสายตาผู้คนเข้าไปเรื่อยๆ และนี่ทำให้ความหวังที่จะตีตื้นขึ้นมาของทีมบาสออสเตรเรียนั้นแทบจะพังทลายลงในทันที
จบเกม คะแนนอยู่ที่ 122-91 และคะแนนทั้งหมดนี้มาจากซูจิ้ง 102 คะแนน เรียกได้ว่าทำสถิติเหนือกว่าแชมเบอร์เลนที่ทำไว้หนึ่งร้อยคะแนนในแมทซ์เดียว
“พระเจ้าช่วย หนึ่งเกม คนเดียว ทำได้ 102 คะแนน นี่มันเรื่องอะไรกันแน่”
“ขนาดโคบี้ยังทำได้แค่ 81 คะแนนเองนะ”
“อย่าว่าแค่โคบี้เลย แชมเบอเลนเองยังทำได้ 100 คะแนนเองนะ ในครั้งนี้จะกลายเป็นประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งของวงการบาสอย่างไม่ต้องสงสัย”
“สุดยอดดดดดดดด”
ทีมบาสเก็ตบอลชายจีนสามารถชนะทีมบาสเก็ตบอลออสเตรเรียนั้นก็เป็นข่าวใหญ่สำหรับผู้คนที่สนใจในวงการนี้มากมายแล้ว แต่เมื่อทุกคนรู้ว่าเป็นซูจิ้งที่ทำได้ 102 คะแนนด้วยตัวคนเดียว นี่สิคือคนที่โค่นล้มออสเตรเรียได้ของจริง
ในครั้งนี้ชื่อเสียงของเขาขจรขจายไปทั่วด้วยการแข่งเพียงครั้งเดียวเพราะว่าการแข่งขันครั้งนี้นอกจากจะถ่ายทอดสดออกทีวีแล้ว ทุกคนยังประทับใจในความสุดยอดของซูจิ้ง และยิ่งสร้างแรงคราตรึงใจให้กับแฟนคลับของเขาอย่างที่สุด
“ชนะล่ะ….วู้” ซูหยาตบมือแสดงความยินดี
“นี่คือลูกของเราใช่รึเปล่า” เย่ฉิงพูดออกมาด้วยความไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
“ไอ้เด็กนี่ไปเรียนบาสเก็ตบอลถึงระดับนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ไม่บอกไม่กล่าวกันเล้ยยยย” ซูเซินเย่วเองก็พูดออกมาราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น และก็อดที่จะคิดไม่ได้เหมือนกันว่าตัวเขาเองจะมีความสามารถนี้ซุกซ่อนอยู่รึเปล่า
“สุดยอดดดดด” ณ กลุ่มทุนห้วงเวลา ทั้งเฉิงหนาน หวังจ้าว และเหล่าผู้บริหารต่างกับจับมือแสดงความยินดีกันไปมา
“หมอนี่น้า ทำได้ทุกอย่างจริงๆ” หวังซือหยาเองที่เห็นฉากนี้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา หยินหนิงหนิง เชิงชิเหยา โจวเสวี่ย และคนอื่นๆต่างก็อดที่จะนิ่งเงียบพร้อมตกตะลึงไม่ได้เช่นเดียวกัน พร้อมความคิดที่ว่าซูจิ้งนั้นยังเป็นมนุษย์อยู่รึเปล่า
“เกิดอะไรขึ้นในช่วงสองปีนี้กันแน่” หวังหยานในตอนนี้รู้สึกแปลกใจขึ้นมาจริงๆ เธอนั้นรู้ดีว่าซูจิ้งต้องไปทำอะไรมาสักอย่างแน่ๆถึงได้ทรงพลังขนาดนี้
หากเป็นคนอื่นล่ะก็บอกได้เลยว่าไม่มีทางที่จะมาถึงระดับนี้ได้ด้วยเวลาเพียงสองปีอย่างแน่นอน แม้แต่เธอเองต่อให้ใช้ทั้งชีวิตก็ไม่มีทางเป็นได้ด้วยซ้ำ
นี่รวมถึงทุกคนที่สนิทและรู้จักซูจิ้งมาอย่างยาวนานต่างก็คิดแบบนี้กันไปหมด
แต่ก่อนที่ทุกคนนั้นจะตั้งตัวอะไรได้ ซูจิ้งก็ได้ขึ้นสังเวียนชกมวยในรอบเย็นของวันนั้นเรียบร้อยแล้ว ด้วยการที่เป็นประเภทกีฬาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นี่จึงให้ผู้ชมต่างประเทศอดไม่ได้ที่จะสับสนออกมา