ตอนที่ 1910 ตะลึง

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ในหมู่ผู้มาถึงทั้งหลายนี้มันไม่มีเทพถ่องแท้อยู่เลย

ในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นนอกจากเจ้าหมูลึกลับนั่นแล้วมันก็ไม่มีนักยุทธระดับเทพถ่องแท้อยู่เช่นกัน

นี่ถือเป็นการแสดงความเคารพของจวนเจ้าเมืองต่อเมืองสันเขาใต้นี้อย่างมาก

แน่นอนว่าทุกคนรู้ดี สิ่งที่เจ้าเมืองเกรงใจนั้นหาใช่ตัวสิบเมืองสันเขาใต้นี้แต่เป็นผู้ตรวจการเย่หยวนต่างหาก

“ชิๆ พวกเขาทั้งหลายนั้นเป็นคนใหญ่คนโตจากเมืองหลวงจักรพรรดิ! หากไม่ใช่เพราะท่านเย่หยวนแล้วมีหรือที่คนเหล่านี้จะเดินทางมาถึงบ้านนอกคอกนาเช่นนี้?”

“ข้าได้ยินว่าผู้ที่กำลังกล่าวทักทายท่านเย่หยวนอยู่ในตอนนี้คือลูกชายของท่านเจ้าเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่น พลังบ่มเพาะอาณาจักรเทพถ่องแท้ครึ่งก้าว แต่ถึงจะเป็นคนระดับนั้นก็ยังต้องก้มหัวให้แก่ท่านเย่หยวน!”

“หึ ท่านเย่หยวนนั้นไร้เทียมทาน แม้จะเป็นเทพถ่องแท้มาเองก็คงต้องทำทุกสิ่งอย่างตามที่เขาว่าอย่างแน่นอน!”

ในเมืองนั้นมีผู้คนมากมายต่างมองดูภาพการพบปะกันของเย่หยวนและยอดฝีมือจากทางจวนเจ้าเมืองหลวงจักรพรรดิด้วยสีหน้าชื่นชม

เย่หยวนหันไปมองดูหยูจินซงที่ถูกมัดไว้ทุกด้านจนไม่อาจขยับตัวได้ “ดูท่าท่านเจ้าเมืองท่านจะจริงใจเสียจริงๆ!”

เย่หยวนเข้าใจได้ทันทีว่าการมัดจับมาเช่นนี้มันก็เพื่อให้ตัวเขาได้เห็น ตอนนี้หยูจินซงนั้นย่อมไม่มีแรงใดๆ จะขัดขืนได้แต่แรก

เพราะผนึกที่เย่หยวนใส่ลงไปในทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของหยูจินซงนั้นแม้จนถึงทุกวันนี้ทางจวนเจ้าเมืองก็ไม่อาจแก้ไขมันได้!

เย่หยวนนั้นมีปราณเทวะโกลาหลที่แปลกประหลาดกว่าคนทั่วไปเป็นทุนเดิม เมื่อผสานมันเข้ากับลายพระเจ้าแล้วต่อให้เป็นเทพถ่องแท้ก็ย่อมไม่อาจจะทำลายผนึกนี้ลงได้ง่ายๆ

ใบหน้าเปี่ยมศักดิ์ศรีของหยูจินซงแต่เดิมนั้นไม่มีให้เห็นอีกต่อไป ตอนนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและหวาดกลัว

หยูชางหยุนนั้นยกมือขึ้นมาคารวะ “น้องชายข้านั้นเลวร้าย ทำให้สุดท้ายสร้างเรื่องเลวร้ายขึ้นมากมาย ท่านพ่อจึงสั่งให้ข้านั้นนำตัวเขามาส่งให้ท่านผู้ตรวจการตัดสิน”

เย่หยวนยิ้มขึ้นมา “ไปที่จวนเจ้าเมืองก่อนจะคุยเรื่องอื่นใดกันต่อเถอะ”

เย่หยวนเดินนำอีกฝ่ายเข้ามาถึงยังจวนเจ้าเมืองและแยกกันนั่งลงในที่นั่งแขกและเจ้าบ้าน

หยูชางหยุนนั้นส่งสัญญาณให้ลูกน้องนำตัวหยูจินซงเข้ามาด้านในและวางเขาก้มหัวลงต่อหน้าเย่หยวน

“ท่านพ่อบอกว่าเด็กคนนี้มันชั่วร้ายเกินไป จนไปลบหลู่ท่านผู้ตรวจการเข้า ตอนนี้เราจับมันมายังที่แห่งนี้แล้วท่านคิดอยากฆ่าสังหารลงโทษมันใดๆ ก็ย่อมแล้วแต่ท่าน”

หยูชางหยุนนั้นยกมือขึ้นคารวะด้วยท่าทางสุดแสนเคารพราวกับว่าคนที่กำลังจะถูกตัดสินโทษนี้มิใช่น้องชายของตน

เย่หยวนกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ด้วยตัวข้าเองแล้วต่อให้สังหารมันไปนับร้อยรอบก็คงไม่อาจพอใจได้ แต่เรื่องราวในครั้งนี้ข้าเองก็ไม่ใช่ผู้ที่เสียหาย จะสังหารฆ่ามันหรือไม่นั้นข้าคงต้องถามพี่เจียงสองพ่อลูกก่อน”

นั่นทำให้เจียงยู่ถังร่างสั่นสะท้านน้ำตาหลั่งไหลออกมาทันที

ตั้งแต่ตอนที่เขาถูกใส่ร้ายจับขังไว้จนถึงวันที่เขาหนีได้มาจนถึงที่แห่งนี้ เจียงยู่ถังไม่เคยคิดเคยฝันว่าตัวเองจะสามารถแก้แค้นเข้าได้สักวัน

สำหรับเขาแล้วหยูจินซงนั้นเป็นตัวตนที่เหนือเกินเอื้อมจนเกินไป

แม้คิดอยากแก้แค้นมันก็คงยากเกินมือ

แต่ตอนนี้เย่หยวนกลับมอบโอกาสนี้มาให้ต่อหน้าเขา

เขาเดินขึ้นมาหาหยูจินซงด้วยร่างสั่นเทา เสียงเท้าแต่ละครั้งที่ก้าวเดินเข้ามาแสดงถึงความหนักหน่วง

เขานั้นเกลียดชังหยูจินซงไปถึงกระดูกดำ แต่ไม่ใช่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเขา แต่เป็นเพราะเรื่องที่ลูกสาวของเขาต้องพบเจอ

เจ้าสัตว์ร้ายนี้มันพรากความบริสุทธิ์ของเจียงไห่ถังไป มีหรือที่เขาจะยอมอภัยให้มันได้?

“เจียงยู่ถัง เจ้ากล้า?!” หยูจินซงร้องออกมาเมื่อสัมผัสได้ถึงความตายที่คืบคลาน

นั่นทำให้เจียงยู่ถังหน้าถอดสีทันที ฝีเท้าของเขาก็หยุดลงเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ตัวเขา เจียงยู่ถังนั้นเป็นได้แค่ตัวตนแสนเล็กน้อยไม่มีใครสนใจ

ต่อให้หยูจินซงจะถูกจับมัดไว้เขาก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นมีที่มายิ่งใหญ่เพียงใด

เจียงยู่ถังนั้นไม่คิดสนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตน แต่เขานั้นกลัวว่าการสังหารหยูจินซงนั้นจะเป็นการสร้างปัญหาให้แก่เย่หยวน

หากหยูจินซงที่ถูกจับมัดมานี้เป็นแค่การไว้หน้าของหยูเหวินเฟิงแล้ว การคิดสังหารมันลงจริงๆ คงทำให้เกิดปัญหามากมายตามมาแน่

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียหยูเหวินเฟิงก็เป็นถึงเทพถ่องแท้ขั้นกลางผู้หนึ่ง หากเขาหมดความอดทนจริงๆ แล้วสิบเมืองสันเขาใต้นี้คงต้องพินาศลงอย่างแน่นอน

“พี่เจียง อย่าได้กังวลให้มากมาย คิดอยากสังหารสับมันเป็นชิ้นๆ อย่างไรล้วนแล้วแต่ท่าน ข้าย่อมรับผลของมันได้ทั้งสิ้น!” เย่หยวนบอก

ได้ยินเช่นนั้นหยูจินซงก็หน้าซีดลงแต่ก็ยังตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้น “เย่หยวน เจ้ากล้าสังหารข้า?”

เย่หยวนมองดูที่หยูจินซงด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก “ตอนนี้เจ้ามันก็เป็นได้แค่เบี้ยตัวหนึ่งแต่ยังกลับคิดว่าตัวเองมีอำนาจเป็นราชัน? ท่านเจ้าเมืองหยูเองก็ไม่ได้มีลูกแค่เจ้าคนเดียว หากเจ้าตายไป มันก็ยังมีคนเข้ามาแทนที่ได้ จะมีปัญหาใด? หากเขาคิดอยากปกป้องเจ้าจริงวันนี้เจ้าคงไม่ได้มานั่งอยู่ต่อหน้าข้าหรอก”

นั่นทำให้หยูจินซงหน้าดำมืดลง “ข้านั้นเป็นลูกที่เขาภูมิใจที่สุด ท่านพ่อต้องไม่ทิ้งข้าแน่! หากเข้ากล้าแตะต้องข้าแล้วเขาต้องมาทำลายเมืองสันเขาใต้จนสิ้นแน่!”

เย่หยวนหัวเราะออกมาทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว! เขานั้นไม่ได้ส่งเจ้ามาเพราะเขาไม่รักเจ้าเสียหน่อย แต่มันเป็นเพราะว่าเขาไม่อาจจะปกป้องเจ้าได้อีกต่อไปแล้วไม่ว่าจะทำอย่างไร! เจ้าก็รู้ว่าเขานั้นสังหารข้าไม่ได้ แต่ไม่นานนักข้านี่แหละที่จะมีพลังพอสังหารเขาได้ เจ้าตายคนหนึ่งหรือพวกเจ้าตายกันทั้งเมือง และเขาก็เลือกที่จะส่งเจ้าคนเดียวไปตาย มันก็เท่านั้น”

พรสวรรค์ที่เย่หยวนแสดงออกมานั้นมันสุดแสนเหนือล้ำ ย่อมไม่มีใครสงสัยว่าเขาจะขึ้นไปถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้หรือไม่

หากทำอะไรต่อเย่หยวนในเวลานี้แล้วไม่อาจสังหารเขาลงได้ ชีวิตของพวกเขาคงต้องพบเจอกับการแก้แค้นของตัวเย่หยวนในวันหน้า

นั่นเป็นเหตุผลที่เย่หยวนแสดงความสามารถเช่นนั้นออกมาต่อหน้าสามยอดฝีมือในวันนั้น ทำให้พวกเขาทั้งหลายนั้นไม่กล้าจะลงมืออย่างไม่คิดหน้าคิดหลังอีก

ที่สำคัญนั้นเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ยังมีหมูลึกลับที่พวกเขาหวาดกลัว

เพราะฉะนั้นตอนนี้เย่หยวนจึงไม่หวาดกลัวใดๆ!

หยูเหวินเฟิงนั้นทิ้งหยูจินซงเพื่อจะตีสนิทกับเย่หยวนไว้

เพราะหากเขาได้กลายเป็นศัตรูกับเย่หยวนแล้วเมื่อใดก็ตามที่เย่หยวนพัฒนาตัวได้ในวันหน้าเรื่องราวที่ตามมามันคงไม่จบลงง่ายๆ

และการวิเคราะห์นี้ของเย่หยวนมันก็ทำให้เจียงยู่ถังเบิกตากว้างขึ้นอีกครั้ง

เขาได้รู้แล้วว่าเย่หยวนในตอนนี้มีพลังมากพอที่จะท้าทายเหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายได้

ต่อให้เป็นเทพถ่องแท้ก็ยังต้องหันมาเอาใจตัวเขาคนนี้!

เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่คิดกลัวใดๆ

จู่ๆ เจียงยู่ถังก็ชี้นิ้วออกมาใส่ท้องของหยูจินซงอย่างรวดเร็ว

“อ้าก!”

หยูจินซงร้องออกมาอย่างเจ็บปวดพร้อมปลิวลอยไปไกล

นั่นทำให้มุมปากของหยูชางหยุนกระตุกขึ้นทันทีแต่ไม่กี่วินาทีเขาก็กลับมาสงบได้อีกครั้ง

“ก-การบ่มเพาะของข้า! เจ้า… เจ้าทำลายการบ่มเพาะของข้า!” หยูจินซงร้องอย่างทั้งเจ็บทั้งแค้น

เจียงยู่ถังนั้นไม่คิดหันไปมองตัวเขาอีก เขาแค่ยกมือขึ้นมาคารวะเย่หยวน “เย่หยวน ไห่ถังและข้าขอขอบคุณ! ขอบคุณมาที่ให้ข้าผู้นี้ได้ลงมือแก้แค้นด้วยสองมือข้างนี้!”

เย่หยวนยิ้มตอบ “พี่เจียงอย่าได้กล่าวเช่นนั้นเลย เรื่องราววันหน้ามันยังมีอีกมากมาย!”

เจียงยู่ถังพยักหน้าขึ้นก่อนจะเดินจากไป

เขานั้นไม่อาจจะพูดขอบคุณให้ได้อย่างสุดซึ้งแต่ในวินาทีนี้เขาได้ตัดสินใจแล้วว่าชีวิตของเขานี้จะมอบมันให้แก่เย่หยวน

“เย่หยวน หากเจ้ามีปัญญาก็สังหารข้าลงเสีย! ไม่เช่นนั้นเจ้าจะได้เสียใจภายหลังแน่!” หยูจินซงร้องตะโกน

ปัง!

เย่หยวนขยับชายเสื้อส่งร่างของเขาปลิวลอยออกไป

“น่ารำคาญ! เอามันไปโยนทิ้งนอกเมือง!” เย่หยวนบอก

พูดจบแล้วเย่หยวนก็กลับมานั่งยังที่ของตนและหันไปบอกหยูชางหยุน “ของขวัญนี้ของท่านเจ้าเมืองหยูข้าได้รับมันไว้แล้ว แต่ทว่าสิ่งนี้มันเป็นสิ่งที่เขาติดค้างข้าไว้ จะนับมันเป็นของขวัญก็คงนับยาก หากท่านคิดอยากขอให้ข้าหลอมโอสถใดให้ท่านคงต้องเตรียมสิ่งของตอบแทนไว้ต่างหากแล้ว”

นั่นทำให้มุมปากของหยูชางหยุนกระตุกขึ้นอีกครั้งด้วยท่าทางไม่ค่อยพอใจ

หากไม่ใช่เพราะหยูเหวินเฟิงกำชับมาอย่างหนักหนาว่าอย่าได้ท้าทายลบหลู่เย่หยวนเขาคงระเบิดอารมณ์ออกมาแล้ว

คนทั้งหลายพูดถึงเรื่องราวของเย่หยวนอย่างใหญ่ล้น แต่เขานั้นไม่เคยเห็นฝีมือแท้จริงของเย่หยวนเขาจึงไม่คิดอยากเชื่อนัก

แต่พ่อของเขาเองก็ย้ำเตือนมาอย่างจริงจังเช่นนั้นแล้ว หยูชางหยุนจึงไม่กล้าจะขัดขืน

เพราะว่าเขานั้นไม่อยากกลายเป็นอย่างหยูจินซงอีกคน

“ฮ่าๆ เรื่องนั้นย่อมแน่นอน!” หยูชางหยุนบอกขึ้นด้วยเสียงหัวเราะ

“ข้าสงสัยเหลือเกินว่าพี่หยูท่านต้องการโอสถใด?” เย่หยวนถาม

พูดถึงตรงนี้หยูชางหยุนก็ได้ตอบกลับมาด้วยท่าทางตื่นเต้น “หลายวันมานี้ท่านพ่อได้ใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีในการหาสมุนไพรเพื่อหลอมโอสถฟ้าตะวันจันทรา เราหวังว่าท่านผู้ตรวจการจะช่วยหลอมมันให้เรา ส่วนเรื่องค่าตอบแทนนั้นแน่นอนว่าเราต้องจ่ายแก่ท่านอย่างงาม”

………………………..