บทที่ 1526 ราชันสวรรค์เดือดดาล

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

“ข่าวน่าจะไม่ผิดขอรับ!” โกวเยว่ตอบ

“ประมุขชิงคิดจะทำอะไรกันแน่?” ก่วงลิ่งกงเดือดดาลทันที

โกวเยว่เตือนว่า “ท่านอ๋องโปรดระงับโทสะ มีความเป็นไปได้สูงว่าประมุขชิงจะไม่รู้เรื่องนี้ ข้าน้อยสงสัยว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับหนิวโหย่วเต๋อ?”

“หนิวโหย่วเต๋อ?” ก่วงลิ่งกงถามอย่างโมโห “ทำไมเกี่ยวข้องกับหนิวโหย่วเต๋ออีกแล้ว?”

โกวเยว่ตอบว่า “ข้าก็เพิ่งสงสัยตอนที่ถามรายละเอียดจากเบื้องล่าง ก่อนที่จะเกิดเรื่องกับกำลังพลทั้งหมดของฉู่จื่อซาน พวกเขาต้องการจะไปบังคับแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ตลาดสวรรค์ดาวจิ่วหวน ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นผู้หญิงที่มีข่าวชู้สาวกับหนิวโหย่วเต๋อตอนรับตำแหน่งที่ตลาดสวรรค์ดาวเทียนหยวน นางชื่อว่าอวิ๋นจือชิว”

ไม่ว่าใครก็ไม่ใช่เทพที่สมบูรณ์แบบไร้จุดบกพร่อง ยิ่งเป็นคนตำแหน่งสูงอำนาจมาก ก็ยิ่งทำความผิดพลาดใหญ่หลวงได้ง่าย ข้างกายยิ่งจำเป็นต้องมีคนคอยเกลี้ยกล่อมให้คนนั้นระงับโทสะ

หลังจากก่วงลิ่งกงใจเย็นลงแล้ว ก็ถามอย่างสงสัยว่า “ผู้หญิงที่มีข่าวชู้สาวกับหนิวโหย่วเต๋อ ฉู่จื่อซานดึงดันจะบังคับผู้หญิงคนนี้มาแต่งงานด้วยให้ได้ ฉู่จื่อซานโดนกองทัพองครักษ์ล้อมโจมตี หนิวโหย่วเต๋อเป็นคนของกองทัพองครักษ์…” หลังจากครุ่นคิดเงียบๆ ครู่หนึ่ง ก็ถามอีกว่า “ฉู่จื่อซานคนนี้เป็นหัวหน้าภาคน่านฟ้าระกาติงเหรอ?”

โกวเยว่รู้ว่าในใจเขามีข้อมูลอยู่แล้ว ตอบว่า “ถูกต้องขอรับ เป็นคนที่หน่วยองครักษ์ขวายัดเข้ามาใสน่านฟ้าระกาติง”

“หึหึ!” ก่วงลิ่งกงพลันแสยะยิ้มออกมา “น่าสนใจนะ ไม่ง่ายเลยกว่าประมุขชิงจะหาข้ออ้างยัดคนเข้ามาได้ ข้ากำลังรู้สึกว่าแนวโน้มสถานการณ์ยังไม่ผ่านไป ไม่สะดวกจะทำสงครามอีก อดทนไว้ชั่วคราว แต่ดูเจ้าหนิวโหย่วเต๋อคนนี้สิ ช่วยข้าแก้ไขปัญหาก่อนแล้วหนึ่งเรื่อง สงสัยหนิวโหย่วเต๋อจะถูกลิขิตให้มาเป็นลูกเขยข้าจริงๆ”

“หลังจากประมุขชิงรู้แล้วจะต้องเดือดดาลแน่นอน เกรงว่าหนิวโหย่วเต๋อจะมีสถานการณ์ที่น่ากังวลแล้ว” โกวเยว่กล่าว

ก่วงลิ่งกงตาแววตาวูบไหว ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ต่อ แต่ถามกลับว่า  “หรือพูดได้อีกอย่างว่า ตอนนี้รู้ที่อยู่ของหนิวโหย่วเต๋อแล้วเหรอ?”

โกวเยว่อึ้งไปชั่วขระ หันกลับไปมองสองแม่ลูกที่ยืนอยู่ตรงตำหนักไกลๆ แล้วถามหยั่งเชิงว่า “นายท่านหมายความว่า จะสร้างสถานการณ์ให้คุณหนูกับหนิวโหย่วเต๋อพบกันเหรอ?”

ก่วงลิ่งกงตอบว่า “คดีเกิดในอาณาเขตของข้า ถ้าประมุขชิงจะลงโทษ ก็ไม่มีทางเลี่ยงได้หากข้าจะยื่นมือเข้าไปแทรกแซง รีบกำหนดเรื่องของพวกเขาให้เสร็จสิ้นไว้ๆ เถอะ”

โกวเยว่เข้าใจแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาที่หนิวโหย่วเต๋อตกทุกข์ได้ยาก อำนาจชี้เป็นชี้ตายส่วนหนึ่งของหนิวโหย่วเต๋ออยู่ในมือท่านอ๋อง เป็นโอกาสดีในการกำจัดคู่แข่งคนอื่นเช่นกัน จึงพยักหน้าทันที “บ่าวจะไปจัดดการเดี๋ยวนี้!”

ก่วงลิ่งกงหันกลับไปมองสองแม่ลูก แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรมากอีก ก้าวเดินออกไปอย่างมั่นคง

หลังจากโค้งตัวส่งเขาเดินออกไปแล้ว โกวเยว่ก็ยืนครุ่นคิดอยู่กับที่เงียบๆ เสร็จแล้วถึงได้หันตัวเดินเข้าไปในประตูตำหนักใหญ่

เม่ยเหนียงกำลังเคลือบแคลงที่นายบ่าวคู่นั้นผลัดกันมองมาที่ตน ตอนนี้พอเห็นโกวเยว่กลับมาแล้ว นางก็ก้าวออกจากธรณีประตู แล้วถามพร้อมยิ้มอย่างเป็นกันเองว่า “พ่อบ้านมีเรื่องอะไรเหรอ?”

โกวเยว่คำนับอย่างเคารพ แล้วบอกว่า “หวังเฟย ขอคุยด้วยเป็นการส่วนตัวสักหน่อยขอรับ”

เม่ยเหนียงยิ้มบางๆ พลางยกมือขึ้น แล้วนำโกวเยว่กลับเข้ามาในล้านบ้าน ส่วนโกวเยว่ที่เดินตามมาก็เล่าสถานการณ์ให้ฟังคร่าวๆ รอบหนึ่ง

เม่ยเหนียงฟังจบแล้วตกใจ “สังหารกำลังพลเกือบหนึ่งหมื่นของท่านอ๋องเหรอ? พ่อบ้าน เจ้าแน่ใจนะว่าหนิวโหย่วเต๋อทำ?”

“เป็นไปได้เก้าในสิบขอรับ” โกวเยว่พยักหน้า

“เจ้าเวรนี่ทำไมใจกล้าคับฟ้าขนาดนี้?” เม่ยเหนียงถามอย่างทำใจเชื่อได้ยาก

โกวเยว่ถอนหายใจแล้วบอกว่า “เขาไม่ได้ทำเรื่องพรรค์นี้เป็นครั้งแรกเสียหน่อย ล้างเลือดร้านค้าตลาดสวรรค์ก็ทำมาแล้วสองครั้ง ขนาดหลานสาวอ๋องสวรรค์อิ๋งก็ยังจับมัดไว้บนเสาธงตั้งหลายวัน บวกกับการตายของอิ๋งเหย้าหลานชายอ๋องสวรรค์อิ๋งและคำพูดบ้าระห่ำที่อุทยานหลวง ก็ถือว่าตบหน้าอ๋องสวรรค์อิ๋งไปแล้วสามรอบ นี่คือจอมก่อเรื่องที่กล้าสร้างความวุ่นวายในพิธีรับสนมของฝ่าบาท การที่เขาทำเรื่องแบบนี้ได้ก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายอะไรขอรับ”

พอพูดสรุปมาแบบนี้ เม่ยเหนียงก็สูดหายใจอย่างตกตะลึง แล้วกล่าวด้วยสีหน้าเหมือนโดนตะคริวกันว่า “พ่อบ้าน ทำไมความเจ้าอารมณ์ของหนิวโหย่วเต๋อคนนี้ ขนาดข้าได้ยินแล้วยังนึกกลัวตามเลยล่ะ ไม่ไว้หน้าอ๋องสวรรค์อิ๋ง ไม่ไว้หน้าฝ่าบาท มีหรือที่จะไว้หน้าท่านอ๋อง เดี๋ยวต่อไปถ้าให้เม่ยเอ๋อร์แต่งงานกับเขา จะไม่โดนตบตีวันเว้นวันหรอกเหรอ? แล้วถึงตอนนั้นหน้าของแม่ยายอย่างข้าจะมีประโยชน์เหรอ?”

โกวเยว่พูดไม่ออก นี่คิดเชื่อมโยงไปถึงไหนแล้ว เขาเองก็เริ่มพูดอะไรดีๆ เกี่ยวกับเหมียวอี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเช่นกัน “หวังเฟยคิดมากไปแล้ว เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ที่ดื้อรั้นเช่นกัน ไม่อย่างนั้นก่อเรื่องไว้ตั้งเยอะแล้วทำไมยังรอดชีวิตมาได้จนถึงวันนี้ แยกแยะหนักเบาให้ชัดเจนดีกว่า ที่จริงมีหลายเรื่องที่เขาโดนกดดันให้โต้ตอบเท่านั้นเอง สองครั้งที่ล้างเลือดตลาดสวรรค์ มีครั้งไหนบ้างที่ไม่โดนพ่อค้าอาศัยภูมิหลังมารังแกกดดันจนเขาต้องลงดาบ? ตอนหลานชายอ๋องสวรรค์อิ๋งตาย ก็เป็นตอนที่เขาต้องทำตามคำสั่งเจ้านาย ตอนที่จับหลานสาวของอ๋องสวรรค์อิ๋งแขวนบนเสาธง ก็เป็นเพราะตอนนั้นจ้านหรูอี้ตามหาเรื่องเขา ส่วนตอนที่ก่อเรื่องในพิธีรับสนม ก็ยิ่งเห็นได้ชัดเจนว่าเขาเป็นคนให้ความสำคัญกับคุณธรรมน้ำมิตร ถ้าเป็นแค่คนต่ำต้อยที่รักตัวกลัวตาย  เขาจะกล่าวคำพูดพวกนั้นออกมาได้ยังไง? หวังเฟย พวกเรายังไม่ต้องพูดถึงว่าเขามีอสุราอัคนีหนุนหลัง แค่พูดถึงตัวเขาเองก็ถือว่าใช้คำว่า  ‘ทั้งหล้าหาญและมีแผนการ’ ได้แล้ว

คาดว่าท่านคงเคยได้ยินเรื่อง ‘ร้านขายของชำซื่อตรง’หวังเฟย นั่นก็คือสิ่งที่เขาปลุกปั้นมาเองกับมือตั้งแต่ตอนยังไม่เข้าตำหนักสวรรค์ ตอนนี้นับว่าเป็นธุรกิจแห่งใต้หล้าได้แล้ว ตอนอยู่ตลาดสวรรค์ก็งัดข้อกับพ่อค้าที่มีภูมิหลังยิ่งใหญ่มากมาย จัดการพ่อค้าพวกนั้นจนยอมซูฮก มีผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ที่ไหนในใต้หล้าที่ทำได้แบบเขาบ้าง? ความกล้าหาญของเขาก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแล้ว ทำศึกเลือดกับกลุ่มวีรบุรุษตอนทดสอบที่สถานที่ไร้ชีวิต ได้รับแต่งตั้งจากราชันสวรรค์ให้เป็นอันดับหนึ่ง ตอนทดสอบที่แดนอเวจีก็บุกเดี่ยวสังหารฝ่าเข้าฝ่าออกทัพใหญ่หนึ่งล้าน ราวกับไปอยู่ในจุดที่ไร้คน เยาะเย้ยทัพใหญ่หนึ่งล้านว่าเป็นหนูต่ำต้อย เพราะแบบนี้ชื่อเสียงจึงสะท้านใต้หล้า!

เรื่องที่ตลาดผีกับแดนดึกดำบรรพ์อะไรนั่นก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว ตอนแรกที่ไม่มีใครรู้ถึงภูมิหลังของเขา เขาก็อาศัยผลงานการรบของตัวเองไต่เต้าขึ้นมาถึงทำแหน่งแม่ทัพภาคได้ภายใต้เวลาสั้นๆ ไม่กี่พันปี ความเร็วแบบนี้ ลูกหลานขุนนางส่วนใหญ่ทำได้หรอก ที่สำคัญที่สุดก็คือ เขาเป็นลูกศิษย์ของอสุราอัคนี วรยุทธ์ก้าวหน้าเร็วกว่าคนธรรมดาทั่วไป ตอนนี้เขาอยู่ในระดับแม่ทัพภาคแล้ว อาศัยความก้าวหน้าด้านวรยุทธ์ของเขาบวกกับความกล้าหาญและสติปัญญา ห่างแค่อีกไม่กี่ก้าวก็จะได้เป็นท่านโหวที่เข้าประชุมในราชสำนักได้แล้ว วันหลังหากได้รับความช่วยเหลือจากท่านอ๋อง การได้เป็นท่านโหวที่กุมอำนาจทางทหารมหาศาลก็เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้าก็เร็ว มีคุณธรรมน้ำมิตรขนาดนี้ มีทั้งความกล้าหาญและสติปัญญาขนาดนี้ จะมาระบายความโกรธกับเมียในบ้านได้ยังไง การที่ท่านอ๋องชอบเขาและจะมอบลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนให้แต่งงานกับเขา ก็ย่อมไม่ใช่เรื่องผิดพลาดอยู่แล้ว!”

วิจารณ์ไปยาวมาก เม่ยเหนียงฟังจนรู้สึกฮึกเหิม สายตาเป็นประกาย กัดริมฝีปากเบาๆ สงสัยนิดหน่อยว่าว่าที่ลูกเขยคนนี้จะสมบูรณ์แบบเกินไปรึเปล่า ใจจริงรู้สึกว่าพลาดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นต่อไปจะหาลูกเขยดีๆ แบบนี้ได้จากที่ไหน แต่พอลองคิดอีกมุม ตรงหว่างคิ้วก็ฉายแววกลัดกลุ้ม “เขามีคุณธรรมน้ำมิตรใช้ได้เลย แต่อวิ๋นจือชิวนั่นยังไงกันแน่? ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะยอมก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้เพื่อแม่หม้ายคนเดียว คุณธรรมน้ำมิตรนี้ถ้าเอาไปใช้กับแม่หม้ายนั่นหมด เขายังจะชอบเม่ยเอ๋อร์ได้อีกเหรอ?”

โกวเยว่พบว่าทำไมสื่อสารกับผู้หญิงคนนี้ยากจัง บนโลกนี้จะมีเรื่องที่สมบูรณ์แบบเต็มร้อยให้ลูกสาวเจ้าได้ไปคนเดียวเหรอ? ไม่ว่าเรื่องไหนก็ต้องได้อย่างเสียอย่างทั้งนั้น มีเรื่องมากมายที่แม้แต่ท่านอ๋องก็ยังต้องสละชีวิตเลย ขนาดประมุขชิงที่สูงส่งเป็นราชันสวรรค์ก็ยังต้องประนีประนอมบ่อยๆ นี่เจ้า…

คำพูดบางอย่างก็ทำได้เพียงเก็บไว้ในใจ โกวเยว่ยังยิ้มบางๆ พร้อมโน้มน้าวว่า “สาเหตุที่ท่านอ๋องให้บ่าวรีบจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ก็เพราะตอนนี้หนิวโหย่วเต๋อตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก จุดอ่อนของเขาถูกบีบอยู่ในมือท่านอ๋องไม่ใช่หรือ? ขนาดหวังเฟยยังบอกเลยว่านั่นเป็นเพียงแม่หม้าย แม่หม้ายสำคัญกว่าหรือว่าลูกสาวท่านอ๋องสำคัญกว่าล่ะ เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่มิใช่หรือ? แล้วอีกอย่าง อาศัยความงามของคุณหนู ทั้งยังมีการอบรมสั่งสอนจากหวังเฟย ยังกลัวว่าจะผูกมัดหัวใจหนิวโหย่วเต๋อไม่ได้อีกเหรอ?”

คำพูดนี้ทำให้ในดวงตาเม่ยเหนียงฉายแววเชื่อมั่นขึ้นมาบ้าง นางมีความรู้ว่าจะรับมือกับผู้ชายอย่างไร ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้กลายเป็นหวังเฟยหรอก เมื่อมีตนคอยสั่งสอนอบรมอยู่เบื้องหลัง อนาคตของลูกสาวก็ไม่มีอะไรน่ากังวลเลยจริงๆ

หลังจากนางพยักหน้า จู่ๆ ก็กล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “หนิวโหย่วเต๋อคนนี้ข้าก็ได้ยินชื่อมานานแล้วเหมือนกัน เอาอย่างนี้ดีกว่า ครั้งนี้ข้าจะไปดูตัวเป็นเพื่อเม่ยเอ๋อร์” เวลาแม่ยายใจร้อนอยากจะเจอลูกเขยก็มีท่าทีเหมือนกันหมด

“…” โกวเยว่อึ้งทันที แล้วห้ามอย่างสุภาพว่า “หวังเฟย เกรงว่าทำแบบนี้จะไม่เหมาะสมขอรับ สถานที่ที่จะไปครั้งนี้วุ่นวายมาก ท่านมีฐานะสูงส่ง ไปที่นั่นเกรงว่าจะทำให้เบื้องล่างตระหนกลนลาน หากท่านอ๋องรู้เข้าก็เกรงว่าจะไม่พอใจ”

เม่ยเหนียงมองเขาพร้อมยิ้มอย่างเป็นกันเอง “ข้าว่าพ่อบ้านต้องมีวิธีโน้มน้าวท่านอ๋องแน่นอน ใช่มั้ยล่ะ?”

“เอ่อ…” พูดจาถึงขั้นนี้แล้ว โกวเยว่ที่อยู่ในฐานะลูกน้องจะยังเถียงอะไรได้อีก? เขาจะดันทุรังปฏิเสธตรงๆ ได้เหรอ?

ก็ช่วยไม่ได้ โกวเยว่ทำได้เพียงหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อก่วงลิ่งกงต่อหน้านาง หลังจากคุยกันสักพักก็เก็บระฆังดารา ก่อนจะถอนหายใจแล้วบอกว่า “ท่านอ๋องบอกแล้ว ว่าท่านจะไปก็ไปได้ แต่ห้ามเปิดเผยตัวตนขอรับ”

เม่ยเหนียงใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มทันที “การเดินทางครั้งนี้ให้พ่อบ้านตัดสินใจทุกอย่างิหวังเฟยแค่ทำตามก็พอแล้ว”

โกวเยว่กล่าวเสียงเบาว่า “หวังเฟยได้โปรดบอกคุณหนูสักหน่อย หลังจากเจอหนิวโหย่วเต๋อแล้วก็พยายามอย่ายั่วให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดี”

เม่ยเหนียงเข้าใจความหมายที่เขาสื่อแล้ว ก็แค่เก็บทรงคุณหนูเจ้าอารมณ์แล้วแสร้งทำตัวเป็นผู้หญิงแสนดีเอาใจผู้ชายเอง เรื่องนี้จัดการง่ายมาก…

วังสวรรค์ ตำหนักดาราจักร

“พวกเศษสวะ! เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าใครทำ แบบนี้ข้าจะเก็บพวกเจ้าไว้ทำประโยชน์อะไร?”

ในตำหนัก ประมุขชิงเดินออกมาจากหลังโต๊ะยาวอย่างหน้าดำคร่ำเครียด ชี้อู๋ฉวี่ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์ขวา ซ่างกวนชิงผู้การใหญ่วังสวรรค์ ทูตตรวจการซ้ายซือหม่าเวิ่นเทียน ทูตตรวจการขวาเกาก้วน แต่ละคนโดนด่ายับเยิน

เรื่องเกิดในสถานที่ลับตาคน ไม่มีหูตาของตำหนักสวรรค์พบเห็น ตอนนี้ได้รับรายงานขึ้นมาทีละขั้นจนถึงที่นี่ ประมุขชิงกลับกลายเป็นคนที่รู้เรื่องค่อนข้างช้าท่ามกลางบุคคลระดับสูง พอได้ยินว่ามีกองทัพองครักษ์หลายหมื่นล้อมโจมตีกำลังพลท้องถิ่น เขาก็แปลกใจมาก กองทัพองครักษ์เคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ผ่านความเห็นชอบจากตน แล้วนี่มันเรื่องอะไรกันล่ะ? หลังจากเรียกคนมาถามอย่างต่อเนื่องกัน ไม่น่าเชื่อว่าเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้แล้วจะไม่มีใครรู้เลยสักคน นี่ต่างหากที่ร้ายแรงถึงตายมากที่สุด ประมุขชิงโมโหเดือดดาลมาก!

หลังจากโดนด่าเสร็จ อู๋ฉวี่ที่รีบถือระฆังดาราติดต่อเบื้องล่างเพื่อยืนยันเรื่องราวก็กุมหมัดคารวะ แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “ฝ่าบาท ทางหน่วยองครักษ์ขวาตรวจสอบความจริงหมดแล้ว กำลังพลทุกคนล้วนอยู่ในการควบคุม ไม่มีใครอยู่ที่น่านฟ้าระกาติงขอรับ” สีหน้าเขาก็ย่ำแย่เช่นกัน เพราะคนของน่านฟ้าระกาติงเป็นคนที่ส่งออกไปจากหน่วยองครักษ์ขวา ไม่น่าเชื่อว่าจะโดนคนของกองทัพองครักษ์กำจัดแล้ว ล้อเล่นอะไรกัน?

บรรดาคนที่โดนด่าต่างก็ถือระฆังดาราติดต่อลูกน้องเพื่อยืนยันสถานการณ์

“ถ้าไม่ใช่หน่วยองครักษ์ขวาทำก็เป็นหน่วยองครักษ์ซ้ายทำ โพ่จวินล่ะ?” หลังจากได้ยินแบบนั้น ประมุขชิงก็กวาดสายตามองคนที่เหลือแล้วถามอย่างโมโหว่า “โพ่จวินทำไมยังไม่มา?”

“ผู้บัญชาการโพ่จวินหน่วยองครักษ์ซ้ายขอเข้าพบขอรับ!” จู่ๆ ด้านนอกก็มีทหารยามตะโกนรายงานเสียงดัง

ประมุขชิงหันขวับ แล้วตะคอกว่า “ไสหัวเข้ามา!”

ผ่านไปไม่นาน โพ่จวินที่สีหน้าเคร่งขรึมก็เดินเข้ามาทำความเคารพ ประมุขชิงไม่พูดพร่ำทำเพลง ถามแสกหน้าเลยว่า “คนของเจ้าทำรึเปล่า?”

โพ่จวินตอบว่า “เมื่อได้รับแจ้งจากฝ่าบาท ข้าน้อยก็รีบถ่ายทอดคำสั่งไปข้างล่างทันที ให้พวกลูกน้องรีบตรวจสอบความจริง เชื่อว่าไม่นานก็จะได้ข่าวขอรับ” ภาระหน้าที่ไม่เหมือนกัน กองทัพองครักษ์ถูกประมุขชิงควบคุม มีพลังรบแข็งแกร่งที่สุด แต่กลับมีช่องทางข่าวสารอ่อนด้อยที่สุดในบรรดาหน่วยงานทั้งหมดของตำหนักสวรรค์ หรือพูดได้อีกอย่างว่า โพ่จวินเป็นบุคคลระดับสูงคนสุดท้ายของตำหนักสวรรค์ที่รู้ข่าวนี้ ถ้าไม่ใช่ประมุขชิงเอ่ยถาม ก็เกรงว่าเขาคงจะยังไม่รู้ ส่วนสาเหตุที่อู๋ฉวี่รู้ก่อน ก็เพราะเกิดเรื่องนี้กับลูกน้องของเขา

……………………