เล่มที่ 29 เล่มที่ 29 ตอนที่ 850 วิธีสังหารคนที่วิปริต

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ตงหลิงหวงคิดไม่ถึงว่าในห้องบรรทมของพระชายาหลู่หยางอ๋องจะมีทางลับ

สถานที่แห่งนี้นางเคยวิ่งเล่นในตอนเด็ก คาดไม่ถึงว่าในตอนนั้นจะไม่พบอันใดแม้แต่น้อย

หลังจากประหลาดใจเล็กน้อย ตงหลิงหวงจึงรีบหมุนกลไกเพื่อปิดประตูทางลับ

คืนวันนี้ที่นางมาเยือนเรือนของพระชายาหลู่หยางอ๋อง ล้วนตกอยู่ในสายตาขององครักษ์เงา จวบจนตอนนี้ สายตานั้นยังคงอยู่ด้านนอกเป็นแน่ นางไม่มีทางปล่อยให้อีกฝ่ายสังเกตได้แน่นอนว่านางค้นพบทางลับแห่งนี้แล้ว

เมื่อมองเห็นปากทางเข้าที่ทั้งสว่างและสะอาดสะอ้าน ก็รู้ได้ทันทีว่าทางลับนี้ไม่ได้ถูกทิ้งร้าง นอกจากนั้นยังมีคนใช้งานอยู่ตลอด

พระชายาหลู่หยางอ๋องสิ้นพระชนม์ได้ระยะหนึ่งแล้ว ตอนนี้ผู้ใดใช้งานเส้นทางลับ แค่คิดก็รู้ได้ทันที

นอกจากนั้น ในเรือนจะต้องมีทางลับอีกหลายแห่งเป็นแน่ หลู่หยางอ๋องวางเส้นทางลับที่ไม่ได้ใช้งานไว้เยอะถึงเพียงนั้น เหตุใดเขาถึงต้องใช้เส้นทางนี้?

หรือว่าข้างในมีความลับที่ไม่อาจให้ผู้อื่นล่วงรู้?

ตงหลิงหวงครุ่นคิดเรื่องเหล่านี้พลางเดินออกไปด้วยใบหน้าสงบนิ่ง นางวางแผนจะสลัดสายตาขององครักษ์เงาที่กำลังจับตามองนางให้เร็วที่สุด และเข้ามาในทางลับนี้อีกครั้ง

ตงหลิงหวงสาวเท้าเดินอย่างต่อเนื่องจนมาถึงเรือน ทว่านางรู้สึกได้ว่าสายตาทั้งคู่ยังจับจ้องตนอยู่ตลอดเวลา

ท่าทีที่นางแสดงออกนั้นยังคงเป็นปกติ ไม่ได้เผยร่องรอยใดๆ ที่อาจทำให้ผู้อื่นสงสัย ก่อนที่นางจะกลับไปยังเรือนของพระสนมน่าหลาน

เมื่อตงหลิงหวงกลับมาถึงเรือน องครักษ์ผู้หนึ่งที่แอบจับตาดูนางก็จากไปทันที

ในตำหนักว่าราชการ หลู่หยางอ๋องกำลังอ่านเอกสารราชการทั้งคืนและเพิ่งหลับตาลง ทันใดนั้น ด้านนอกก็มีเสียงขององครักษ์เงาดังขึ้น

“ท่านอ๋อง”

“มีเรื่องอันใด? ”

“เรื่องพระสนมน่าหลานพ่ะย่ะค่ะ”

“เข้ามา”

องครักษ์เงามีท่าทางคล่องแคล่วว่องไว เพียงพริบตาเดียว เขาก็มาอยู่เบื้องหน้าหลู่หยางอ๋องแล้ว

“กราบทูลท่านอ๋อง เมื่อสักครู่ พระสนมไปที่เรือนพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”

“โอ้? ”

หลู่หยางอ๋องหรี่ตาลงเล็กน้อยราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอันใดบางอย่าง

“นางไปทำอันใดที่เรือนของพระชายา? ”

“ดูเหมือนว่าพระสนมไม่ได้ตั้งใจไปที่เรือนพระชายา คืนนี้สภาพจิตใจของพระสนมไม่สู้ดีนัก พระสนมทรงนอนพลิกตัวไปมา และบอกนางกำนัลว่าต้องการเดินเพียงลำพังในเรือน ทว่านางเดินไปเรื่อยๆ จนไปถึงเรือนของพระชายา”

“นางได้ไปที่ห้องบรรทมของพระชายาหรือไม่? ”

“ไปพ่ะย่ะค่ะ”

“นางพบอันใดหรือไม่? ”

“กระหม่อมไม่ทราบ ตอนอยู่ในเรือน พระสนมราวกับหวนนึกถึงอันใดบางอย่าง เดี๋ยวเดินเดี๋ยวหยุด นางเข้าไปในห้องบรรทมของพระชายา ทว่าไม่ช้าก็ออกมา หลังจากนั้นก็ตรงกลับไปที่เรือนของตนเองพ่ะย่ะค่ะ”

หลู่หยางอ๋องสีหน้าขึงขังเย็นชาและไม่พูดอันใดอยู่ครู่หนึ่ง องครักษ์เงาที่ยืนอยู่ด้านข้างหวาดกลัวจนไม่กล้าส่งเสียง ไม่กล้าเร่งรัด

ผ่านไปครู่ใหญ่ ดวงตาของหลู่หยางอ๋องพลันปรากฏความเคร่งขรึม เขายกมือขวาทำท่าทางสังหาร “นำคนไปจับตัวพระสนมน่าหลานมาหาข้าเดี๋ยวนี้”

องครักษ์ชะงักชั่วครู่ ไม่กี่วันนี้ เขาได้รับคำสั่งให้สะกดรอยตามพระสนมน่าหลาน เขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติของพระสนมน่าหลาน และรู้สึกว่าในไม่ช้าท่านอ๋องต้องลงมือกับพระสนมน่าหลานเป็นแน่ กลับไม่คิดว่าจะเร็วถึงเพียงนี้

อย่างไรก็ตาม ครู่หนึ่งเขาก็ได้สติและตอบรับว่า “พ่ะย่ะค่ะ” จากนั้นจึงรีบปฏิบัติตามคำสั่ง

เรื่องจับตัวพระสนม แน่นอนว่าองครักษ์เงาไม่ได้ลงมือด้วยตนเอง เมื่อองครักษ์เงาออกจากวัง เขาก็รีบไปแจ้งผู้บัญชาการองครักษ์ของจวนหลู่หยางอ๋อง ผู้บัญชาการองครักษ์จึงพาองครักษ์สิบกว่านายวิ่งอึกทึกโครมครามไปที่เรือนของพระสนมน่าหลานอย่างรวดเร็ว ท้องฟ้าเพิ่งรุ่งสาง เหล่านางกำนัลในเรือนเพิ่งตื่นนอน

ทันทีที่อวิ๋นจือเห็นคนจำนวนมากเข้ามา นางก็รีบออกไปต้อนรับ

“หัวหน้าองครักษ์เซวีย ท่านกำลังทำอันใด? ยังเช้าตรู่อยู่เลย เหตุใดจึงได้ตั้งแถวรบเช่นนี้? เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเจ้าคะ? ”

องครักษ์เซวียผู้เป็นหัวหน้า มีท่าทางเย็นชา

“ข้ามาปฏิบัติตามคำสั่งของท่านอ๋อง พระสนมตื่นบรรทมหรือยัง? ”

“เมื่อคืนดูเหมือนพระสนมจะไม่ค่อยสบาย พระองค์เพิ่งบรรทมไปเมื่อครู่ เกิดอันใดขึ้น? เช้าตรู่เช่นนี้ หัวหน้าองครักษ์เซวียมาหาพระสนมด้วยเรื่องอันใด? ”

“รบกวนแม่นางอวิ๋นจือไปเชิญพระสนมออกมาด้วย”

แม้อวิ๋นจือจะรู้สึกไม่พอใจอย่างมากที่หัวหน้าองครักษ์เซวียพาคนจำนวนมากมาที่นี่ ทว่าเนื่องจากเป็นคำสั่งของท่านอ๋อง นางจึงไม่พูดอันใดมาก และรีบเข้าไปในห้องบรรทมเพื่อเชิญพระสนมออกมาตามคำพูดของหัวหน้าองครักษ์เซวีย

อวิ๋นจือเข้าไปครู่หนึ่งแล้วก็ยังไม่ออกมา

หัวหน้าองครักษ์เซวียและคนอื่นๆ ต่างเฝ้ารออย่างอดทนอยู่ด้านนอก องครักษ์ที่ปกติยังนับว่ามียางอายเมื่ออยู่ต่อหน้าหัวหน้าองครักษ์เซวีย จู่ๆ ก็ถามขึ้น “หัวหน้า เหตุใดถึงเข้าไปนานเช่นนี้? อย่าบอกนะว่าเกิดเรื่องจนพระสนมหลบหนีไปแล้ว! ”

แม้หัวหน้าองครักษ์เซวียไม่ทราบว่า เหตุใดหลู่หยางอ๋องถึงได้มีรับสั่งให้จับกุมพระสนมน่าหลาน ทว่าสุดท้ายแล้ว พระสนมน่าหลานก็เป็นสตรีที่หลู่หยางอ๋องทรงโปรดปรานที่สุด นอกจากนั้น นางยังทรงพระครรภ์เลือดเนื้อเชื้อไขของท่านอ๋องอีกด้วย แม้จะต้องจับกุมก็ต้องให้เกียรติพระสนมบ้าง

ทันใดนั้น เขาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่าพูดจาส่งเดช รอไปก่อน พวกนางรับใช้ย่อมยุ่งยากเป็นธรรมดา”

องครักษ์ผู้นั้นไม่กล้าพูดอันใดอีกและรีบถอยไปอีกฝั่ง

ผ่านไปอีกครู่หนึ่งจนตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า ด้านในก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหว

ผู้บัญชาการเซวียอดก้าวไปข้างหน้าไม่ได้ “แม่นางอวิ๋นจือ เป็นอย่างไรบ้าง? พระสนมออกมาได้หรือไม่? ”

“…”

“กระหม่อมผู้บัญชาการกองทัพองครักษ์เซวียอี้ มาเพื่อเชิญพระสนมตามคำสั่งของท่านอ๋อง เชิญพระสนมออกมาที่ลานด้านนอกด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

“…”

หัวหน้าองครักษ์เซวียรับรู้ได้ถึงความผิดปกติจึงรีบพุ่งเข้าไปด้านใน

ภายในห้องจุดกระถางธูปควันคละคลุ้ง กาน้ำชาบนเตาขนาดเล็กมีไอน้ำเดือดปุดๆ และไร้เงาร่างของอวิ๋นจือ

ด้านหลังม่านทึบ เห็นเลือนรางว่าม่านหน้าต่างปิดสนิท ไม่รู้ว่าพระสนมยังอยู่หรือไม่

ผู้น้อยต้องนอบน้อมต่อนายหญิง หัวหน้าองครักษ์เซวียข่มอารมณ์ไว้ จากนั้นจึงก้าวเข้าไปข้างในและคำนับ “กระหม่อมเซวียอี้ คำนับพระสนม และทูลเชิญพระสนมพ่ะย่ะค่ะ”

“…”

ในที่สุด องครักษ์ที่แสดงความสงสัยออกมาที่ลานด้านนอกก่อนหน้านี้ก็ทนไม่ไหว “หัวหน้า คนที่ท่านอ๋องรับสั่งให้จับกุม ต่างอันใดกับคนที่ตายแล้ว? ท่านเสียเวลาคุยกับพระสนมเพื่ออันใด? ”

เขาพูดพลางก้าวเท้าไปข้างหน้า จากนั้นจึงเลิกม่านขึ้นและเดินเข้าไป

หัวหน้าองครักษ์เซวียไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า เรื่องนี้มีแต่คนต้องการออกโรงช่วยจัดการแทนเขา แน่นอนว่าเขาขวางไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่า ทันทีที่องครักษ์ผู้นั้นยกผ้าม่านขึ้น คนที่เพิ่งเดินเข้าไปกลับส่งเสียงกรีดร้องดังลั่น “อ้าก! ”

ทุกคนพากันตกใจและยกระดับการเฝ้าระวังให้สูงขึ้น แต่ละคนชักกระบี่ในมือออกมาและเล็งไปยังทิศทางของผ้าม่านคลุมเตียง

พวกเขาเห็นเพียงองครักษ์คนแรกที่เข้าไปผู้นั้น แทบจะล้มทั้งยืนหลังจากส่งเสียงร้องลั่นด้วยความตกใจ

ผ้าม่านเตียงแยกออกจากกัน ทำให้มองเห็นสีหน้าของเขาไม่ชัด และเห็นเพียงร่างของเขาที่เดินส่ายโอนเอน

ในที่สุด ม่านชั้นสุดท้ายก็ถูกเปิดออก เขายืนไม่มั่นคงอีกครั้งและล้มลงบนพื้น ใบหน้าของเขาหันไปทางฝูงชนพอดี

ปกติแล้ว ทุกคนล้วนเป็นคนไม่กลัวตาย ทว่าตอนนี้พวกเขาอดกลัวจนเหงื่อท่วมตัวไม่ได้

ใบหน้าของคนผู้นั้นเต็มไปด้วยเลือด หน้าตาดุร้าย

วิธีการฆ่าเช่นนี้… ช่างโหดร้ายและน่ากลัวเกินไปจริงๆ

ทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเหอ วิธีการฆ่าที่โหดร้ายจนเกือบจะวิปริตเช่นนี้ นอกจากวิหารวิญญาณในแคว้นจงหนิงที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวเวลาได้ยิน ก็มีเพียงกองกำลังที่อยู่ที่นี่ อย่างกองอารักขาส่วนพระองค์แห่งรัชทายาทตงเฉินของพวกเขาแล้ว

กองอารักขาส่วนพระองค์ของรัชทายาท…

หรือว่ารัชทายาทตงหลิงหวงกลับมาที่เมืองหลวงแล้ว?