ตอนที่ 2020 เพียงแต่…

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 2020 เพียงแต่…

เขาไม่อยากเผชิญหน้ากับศิษย์สายตรงของสำนักดาบเมฆเหิน แต่ก็ไม่อาจนิ่งดูดายและปล่อยให้ท่านอาจารย์ของเขาถูกชายคนหนึ่งดูถูกเหยียดหยามได้

“ไม่ต้องห่วง นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังจะทำ!” จางเซวียนหัวเราะหึๆ เขาหันไปถามหัวหน้าหวัง “คุณมีหนูทดลองหรืออะไรทำนองนั้นบ้างไหม?”

ก็เหมือนกับอสูรที่ใช้สำหรับทดลองยาเม็ดในทวีปแห่งปรมาจารย์ พวกมันคือสิ่งมีชีวิตในมิติเบื้องบนที่ถูกนำมาใช้ทดสอบประสิทธิภาพของยาต่างๆที่จะส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต ในฐานะที่เป็นหอประมูล ก็น่าจะมีของแบบนั้นอยู่เพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ของการตรวจสอบสมบัติ

“เรามี!” หยวนชิงตอบ เขาชำเลืองมองท่านอาจารย์ เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ก็รีบออกไปจากห้อง

ไม่ช้าก็กลับมาพร้อมกับอสูรระดับเซียนตัวหนึ่งที่มีหน้าตาคล้ายกระต่าย

มันเป็นแค่อสูรระดับเซียนขั้น 1 ซึ่งสำหรับมิติเบื้องบน พละกำลังของมันไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อยที่ไร้เรี่ยวแรง

เห็นสิ่งที่เขาต้องการถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อย จางเซวียนหันไปยิ้มให้หัวหน้าหวัง “ขออภัยเถอะ แต่ผมขอรบกวนให้คุณนำประติมากรรมชิ้นนั้นออกมาอีกครั้งได้ไหม?”

หัวหน้าหวังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ทำตามคำขอของจางเซวียน

จางเซวียนไม่แตะต้องประติมากรรมชิ้นนั้น เขานำพู่กันออกมาแล้ววาดลวดลายพิสดารกลางอากาศในบริเวณโดยรอบ

เห็นพฤติกรรมของจางเซวียน ผู้อาวุโสเหอชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะลั่น “นั่นมันค่ายกลสงบใจใช่ไหม? คุณตั้งใจจะสร้างค่ายกลโดยใช้พู่กันหรือ?”

เขาเข้าใจเจตนาของจางเซวียนทันทีที่จดจำลวดลายพิสดารเหล่านั้นได้ อีกฝ่ายกำลังพยายามสร้างค่ายกลสงบใจเพื่อทดสอบความถูกต้องของการตรวจสอบสมบัติของเขา

เพียงแต่…

การติดตั้งค่ายกลสงบใจต้องใช้ธงค่ายกลและของล้ำค่าอื่นๆอีกมาก ลำพังแค่พู่กันกับหมึกจะไปทำอะไรได้

ตลกสิ้นดี!

“ประสิทธิภาพของมันจะลดลงเมื่อเป็นแค่ค่ายกลที่สร้างขึ้นจากหมึก แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ ผมเกรงว่าอสูรระดับเซียนตัวนั้นจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน” จางเซวียนตั้งข้อสังเกตด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ไม่ช้าเขาก็ติดตั้งค่ายกลเสร็จ จางเซวียนรีบเก็บพู่กันเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ ด้วยการเคาะเบาๆ เขาถ่ายทอดพลังปราณเข้าสู่ค่ายกลสงบใจ

วิ้งงงง!

เกิดแสงสว่างเรืองจากค่ายกลที่ทำจากหมึกนั้น มันโอบล้อมประติมากรรมไว้อย่างรวดเร็ว ทำให้ประติมากรรมชิ้นนั้นกลายเป็นหัวใจของค่ายกล ในชั่วพริบตา พลังงานสงบเย็นก็แผ่ออกไปในบริเวณโดยรอบ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการได้ฝึกฝนวรยุทธในบรรยากาศแบบนี้จะช่วยยกระดับวรยุทธของผู้นั้นได้มาก

“เอ่อ…” ผู้อาวุโสเหอไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสร้างค่ายกลสงบใจได้สำเร็จจริงๆด้วยการใช้แค่พู่กันกับหมึก เขาเลิกคิ้วด้วยความอัศจรรย์ใจ

แม้แต่นักรบที่มีทักษะเก่งกาจสูงสุดด้านค่ายกลก็ยังทำแบบนี้ไม่ได้!

ชายหนุ่มจะต้องมีความรู้ความเข้าใจเรื่องค่ายกลล้ำลึกขนาดไหน? อีกทั้งรายละเอียดของพื้นที่โดยรอบและประติมากรรมชิ้นนั้นด้วย สิ่งนี้จะไม่มีทางสำเร็จได้เลยหากมีข้อผิดพลาดแม้เพียงข้อเดียว!

ในตอนนั้น ผู้อาวุโสเหอพลันรู้สึกถึงลางสังหรณ์เลวร้ายขึ้นมาทันที

ส่วนจางเซวียน เมื่อเห็นค่ายกลถูกเปิดใช้งานแล้ว ก็หันไปพูดกับหยวนชิง “ขอรบกวนให้คุณนำอสูรระดับเซียนตัวนั้นเข้าสู่ค่ายกลด้วย”

หยวนชิงรีบเดินเข้าไปแล้ววางกระต่ายที่อยู่ในมือของเขาลงไปในค่ายกล

ด้วยอานุภาพของพลังงานสงบเย็น กระต่ายที่ดูลุกลี้ลุกลนอยู่เมื่อครู่สงบนิ่งลงอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าเปลือกตาของมันก็หลุบต่ำ ดูเหมือนพร้อมจะหลับได้ทุกขณะ

“คุณบอกว่าประติมากรรมเป็นของปลอมไม่ใช่หรือ?” เห็นสภาพของกระต่าย ผู้อาวุโสเหอคำรามอย่างลิงโลด

จากการตรวจสอบสมบัติของเขา เขามองว่าประติมากรรมชิ้นนี้เติมเต็มกันได้ดีกับค่ายกลสงบใจ ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของมันด้วย แต่หมอนี่กล่าวหาว่าเขาโกหก และถึงกับอ้างว่าสิ่งนี้จะทำให้หัวหน้าหวังตกอยู่ในอันตราย แต่กระต่ายที่อยู่ในค่ายกลก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าผลการตรวจสอบสมบัติของเขาถูกต้อง!

“ไม่ต้องรีบหรอกน่ะ รอดูอะไรดีๆก่อน” จางเซวียนหัวเราะหึๆขณะหันกลับไปและทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ๆ เขาทำตัวตามสบายราวกับอยู่บ้าน จากนั้นก็หันไปพูดกับหยวนชิง “ชงชามาให้ผมกาหนึ่ง”

ชิงหยวนกำหมัดแน่น

“ไปสิ!” ผู้อาวุโสเหอหรี่ตามองจางเซวียน แต่ก็ยังโบกมือพร้อมกับสั่งการให้หยวนชิงทำตามคำสั่งของชายหนุ่ม

ถึงเขาจะไม่ชอบขี้หน้าหมอนี่อย่างมาก แต่อีกฝ่ายก็เป็นศิษย์สายตรงของสำนักดาบเมฆเหิน

เมื่อท่านอาจารย์ออกคำสั่ง หยวนชิงรีบออกจากห้องและนำน้ำชากลับมากาหนึ่ง

จางเซวียนจิบชาด้วยอาการใจเย็นขณะเฝ้ารออย่างอดทน ราว 1 ชั่วโมงให้หลัง กระต่ายที่กำลังหลับไหลก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง มันดูลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย

“เกิดอะไรขึ้น?” ผู้อาวุโสเหอถึงกับผงะ

ภายใต้สถานการณ์ปกติ อสูรตัวไหนก็ตามที่อยู่ในอาณาบริเวณของค่ายกลสงบใจจะนิ่งเงียบอย่างสิ้นเชิง การที่มันเริ่มออกอาการลุกลี้ลุกลนบ่งบอกชัดว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ฟึ่บ!

กระต่ายตัวนั้นลุกพรวด นัยน์ตาของมันแดงก่ำ จากนั้นก็กระโจนเข้าใส่ประติมากรรมที่อยู่ตรงหน้า

พลั่ก!

ร่างของมันกระแทกกับประติมากรรมนั้น ขาสั้นม่อต้อบิดงอเล็กน้อยขณะหมดลมหายใจเฮือกสุดท้าย

เพล้ง!

ถ้วยชาที่หัวหน้าหวังถือไว้แตกเป็นเสี่ยงๆขณะที่น้ำชาหกเลอะมือของเขา

หัวหน้าหวังตั้งคำถามอย่างฉุนเฉียว “ผู้อาวุโสเหอ เกิดอะไรขึ้น?”

เขาแทบจะเห็นตัวเองเข้าไปแทนที่กระต่ายตัวที่อยู่ในค่ายกล หากเขาฝึกฝนวรยุทธโดยใช้ประติมากรรมชิ้นนั้นจริงๆ นั่นคงเป็นจุดจบของเขาแน่

ผู้อาวุโสเหอก็จังงังกับภาพที่ปรากฏตรงหน้า

การตรวจสอบสมบัติของเขาไม่น่ามีอะไรผิดพลาด ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น?

ด้วยการจับตามองอย่างใกล้ชิดของพวกเขา ไม่มีทางที่ศิษย์สายตรงจากสำนักดาบเมฆเหินจะเข้าไปยุ่มย่ามกับค่ายกลนั้นได้ สิ่งที่อีกฝ่ายทำก็แค่สร้างค่ายกลสงบใจเท่านั้น

จริงอยู่ว่าค่ายกลถูกสร้างขึ้นด้วยวิธีการที่ออกจะพิสดารไปสักหน่อย แต่ไม่มีอะไรผิดปกติแน่

พูดอีกอย่างก็คือ…ความตายของกระต่ายเกี่ยวข้องกับประติมากรรมชิ้นนั้นโดยตรง!

เห็นผู้อาวุโสเหอไม่มีคำตอบให้ หัวหน้าหวังหันไปมองชายหนุ่ม “เกิดอะไรขึ้น?”

“คุณอยากรู้เหตุผลหรือ?” จางเซวียนย้อนถามพร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัย

“ใช่” หัวหน้าหวังพยักหน้า

นี่มันน่าสะพรึงเกินไป! เขาจ่ายเงินสูงลิ่วเพื่อซื้อประติมากรรมชิ้นนี้ หวังจะใช้มันสงบสภาวะจิต และขับไล่ปีศาจใต้สำนึกในจิตใต้สำนึกของเขาออกไป แต่เรื่องแบบนี้ก็มาเกิดขึ้น…

จนกว่าเขาจะเข้าใจว่าที่มาที่ไปของมันคืออะไร เขาจะไม่มีวันใช้ประติมากรรมชิ้นนี้อีกเป็นอันขาด!

“ถ้าคุณอยากรู้เหตุผลล่ะก็ แค่ยกมันขึ้นมา!” จางเซวียนพูด

“ได้สิ” หัวหน้าหวังตอบขณะยกประติมากรรมขึ้น

ขนาดอสูรระดับเซียนพุ่งเข้ากระแทกเหมือนเมื่อครู่นี้ ด้วยความแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อของมัน ประติมากรรมชิ้นนั้นไม่มีร่องรอยอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อย

“ยกมันขึ้นเหนือศีรษะของคุณ” จางเซวียนสั่งการ

หัวหน้าหวังยกประติมากรรมชิ้นนั้นสูงขึ้นอีก

“คราวนี้ก็ทุ่มมันลงกับพื้น ทุ่มลงไปให้สุดกำลังเลยนะ!” จางเซวียนพูด

“ทุ่มมันกับพื้น?” หัวหน้าหวังถึงกับผงะ

จริงอยู่ว่าประติมากรรมชิ้นนี้แข็งแกร่งทนทานมากเพราะถูกหลอมขึ้นจากหินสงบใจ แต่มันน่าจะแตกเป็นเสี่ยงๆแน่หากทุ่มมันลงกับพื้นด้วยความรุนแรงขนาดนั้น

มันคือสิ่งที่เขาซื้อหามาโดยใช้เงินเก็บที่มีไปเกือบหมด จะทุ่มมันทิ้งแบบนั้นได้อย่างไร?

“ใช่ คุณไม่อยากรู้หรือว่ามันคืออะไร ทุ่มลงไป!” จางเซวียนตอบอย่างไม่แยแสขณะจิบชา “ถ้าคุณทนพรากจากมันไม่ได้ล่ะก็ นำมันกลับบ้านแล้วเอาไปใช้อย่างที่ผู้อาวุโสเหอบอกก็แล้วกัน”

หัวหน้าหวังกระพริบตาปริบๆ

ส่วนผู้อาวุโสเหอที่อยู่ข้างๆก็ตัวแข็งทื่อ เขาอยากจะทักท้วงคำพูดของจางเซวียน แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร

กระต่ายเอาหัวชนประติมากรรมแบบนั้น แล้วใครยังจะกล้าใช้มันอีก?

“ถ้ามันแตกเป็นเสี่ยงๆแล้ว แต่คุณก็ยังหาคำอธิบายไม่ได้ คุณจะชดใช้ความเสียหายให้หัวหน้าหวังหรือเปล่า?” ผู้อาวุโสเหอตั้งคำถาม

“แล้วถ้าผมอธิบายได้ คุณจะชดใช้ความเสียหายให้หัวหน้าหวังไหม?” จางเซวียนย้อน

“ถ้าคำอธิบายของคุณฟังขึ้น ผมก็จะยอมรับว่าผมตรวจสอบสมบัติผิดพลาด และจ่ายค่าชดเชยให้เขาอย่างแน่นอน!” ผู้อาวุโสเหอคำราม

เป็นเรื่องธรรมดาที่นักตรวจสอบสมบัติจะต้องถูกลงโทษหากทำงานผิดพลาด

“ก็ดี ผมเต็มใจจ่ายค่าชดเชยสำหรับประติมากรรมชิ้นนี้หากผมหาคำอธิบายที่เหมาะสมไม่ได้” จางเซวียนตอบอย่างสุขุม

“ถ้าอย่างนั้น…”

หัวหน้าหวังกัดฟันกรอด จากนั้นก็ทุ่มประติมากรรมลงกับพื้นด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี

เพล้งงงงง!

ประติมากรรมชิ้นนั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ

ฟึ่บ!

แต่ขณะที่หินแตกกระจาย รังสีชั่วร้ายก็พวยพุ่งออกมาจากภายใน ทำให้ทุกคนสั่นสะท้าน

ผู้อาวุโสเหอรีบก้มลงมอง เห็นเศษเสี้ยวที่แตกเป็นเสี่ยงๆของประติมากรรมมีสีแดงก่ำ เขาหน้าถอดสีทันทีเมื่อพลันเข้าใจ

“นี่มัน…หินโชกเลือด?”

เป็นที่รู้กันว่าหินโชกเลือดจะปรากฏในสนามรบหรือสถานที่ที่เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครั้งใหญ่ ขณะที่เลือดไหลนองชุ่มโชกหินเหล่านั้น เจตนาสังหารปริมาณมหาศาลก็จะถูกสั่งสมไว้

ที่สำคัญกว่านั้น มันยังปกคลุมด้วยเจตจำนงชั่วร้ายของจิตวิญญาณอาฆาตแค้น อย่าว่าแต่จะเข้าใกล้มัน เพราะเจตจำนงชั่วร้ายนั้นสามารถส่งผลกระทบต่อใครๆได้แม้จะอยู่ในระยะไกล ความเลินเล่อเพียงเล็กน้อยอาจทำให้วรยุทธของนักรบผู้หนึ่งถูกธาตุไฟเข้าแทรกได้ และหากเลวร้ายกว่านั้น เขาอาจสูญเสียสติสัมปชัญญะและสุดท้ายก็กลายเป็นบ้า

กล่าวได้ว่าหินโชกเลือดเป็นวัตถุที่ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิงกับหินสงบใจ

เขาแน่ใจว่าประติมากรรมที่อยู่ตรงหน้าถูกหลอมขึ้นจากหินสงบใจ แต่ทำไมเมื่อแตกเป็นเสี่ยงๆแล้วถึงกลายเป็นหินโชกเลือดไปได้?

ผู้อาวุโสเหอจังงังจนพูดอะไรไม่ออก

คนอื่นๆที่อยู่ในห้องต่างก็จังงัง

แม้หัวหน้าหวังจะไม่ใช่นักตรวจสอบสมบัติ และมีความรู้เรื่องการตรวจสอบสมบัติไม่มาก แต่การที่เขาเสาะหาประติมากรรมชิ้นนี้มาได้ก็บ่งบอกแล้วว่าเขาพอมีความรู้เรื่องหินสงบใจอยู่บ้าง จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะดูออกว่าวัตถุที่อยู่ตรงหน้าคือสิ่งที่ตรงกันข้าม…มันคือหินโชกเลือด

ไม่น่าเชื่อว่าตัวเขาลงเอยด้วยการซื้อสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความต้องการอย่างสิ้นเชิง แถมทุกอย่างยังเลวร้ายกว่าเดิมอีก เพราะแม้แต่ผู้อาวุโสเหอก็ยืนยันว่ามันคือหินสงบใจ!