เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1892 วิเคราะห์ชูอิง
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ เฉินกงเจ๋งกล่าวคําว่า “กลับไป” ในใจก่อนจะถูกส่งตัวไปยังเกาะเริ่มต้นอีกครั้ง
เขาปรากฏตัวขึ้นใกล้กับหอคอยเกียรติยศ
ตอนนี้ชื่อของเขาปรากฏอยู่บนเสาและระบุว่าเขาได้แต้มบุญเก้าแต้ม
เฉินกงเจิ้งขมวดคิ้ว
ภารกิจนี้ทําให้เขาได้รับแต้มบุญเก้าแต้ม?
มันน้อยเกินไป นี่ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของเฉินกงเจิ้ง
“ชูอิงทําภารกิจไปก่อนหน้าประมาณสิบภารกิจงั้นหรือ? เมื่อคิดถึงเรื่องนี้คิ้วของเฉินกงเจิ้งยิ่งขมวดแน่น
เขามองรายการสมบัติและรู้สึกหนาวเย็นอยู่ในใจ
วิญญาณอมตะและทรัพยากรอมตะต้องใช้แต้มบุญมากกว่าหมื่นแต้ม!
ยังมีอีกปัญหา หากบางคนแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะไปก่อน ข้าจะเสียโอกาส
“ตอนนี้ชองนําหน้า ข้าต้องไล่ตามเขาให้ทัน!”
เฉินกงเจิ้งรู้สึกถึงความเร่งด่วน
“ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง” เฉินตันเดินเข้ามาทําความเคารพเฉินกงเจิ้ง แม้เขาจะเสร็จสิ้นภารกิจก่อนแต่เขาไม่รีบรับภารกิจที่สอง
ในความเป็นจริงพวกเขาตกลงกันก่อนที่จะรับภารกิจแรกว่าจะมาพบกันหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจของพวกเขา
เฉินกงเจิ้ง เฉินตัน เฉินฉี เฉินเซียว เฉินหน่าย เหรินซิ่วผิง และตงฮั่วเป็นกลุ่มแรกขณะที่เสี่ยวหมิงเฉิน เฟิงเจียงฮวา กุ้ยฉีเย่ ถูเทาเทา และเจิ้งลั่วชื่อเป็นกลุ่มที่สอง
ทั้งสองกลุ่มแยกออกจากกันอย่างชัดเจน
เห็นได้ชัดว่ากลุ่มของเฉินกงเจิ้งแข็งแกร่งกว่า แต่ในถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้า พวกเขาไม่สามารถจัดการฝ่ายตรงข้าม
“สวรรค์ทิ้งทางรอดให้ผู้คนเสมอ! ทุกคน นี่เป็นโอกาสที่ดี ตราบเท่าที่เราคว้ามันมาได้ เราจะมีโอกาสจัดการเฉินกงเจิ้งในอนาคต เราต้องทํางานอย่างหนัก เราต้องสามัคคีเพื่อความหวังที่จะรอดชีวิต” เสี่ยวหมิงเฉินกระตุ้นกลุ่มของเขา
เจิ้งถั่วซื้อ ถูเทาเทา และคนอื่นๆพยักหน้า พวกเขารู้สึกถึงความร้ายแรงของสถานการณ์และแรงกดดันจากเฉินกงเจิ้ง
แม้พวกเขาจะปลอดภัยในถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้า แต่หลังจากสามร้อยวัน พวกเขาจะถูกส่งออกไปและต้องเผชิญหน้ากับเฉินกงเจิ้งอีกครั้ง
“บอกข้า พวกเจ้าค้นพบสิ่งใดบ้าง” เสี่ยวหมิงเฉินกล่าว
พวกเขาแลกเปลี่ยนข้อมูลกันโดยไม่ปิดบัง
การค้นพบของทุกคนคล้ายกับเฉินกงเจิ้งเสี่ยวหมิงเฉินสรุปในตอนท้าย “ข้อจํากัดของถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้าถือเป็นเครื่องป้องกันสําหรับพวกเรา อย่างน้อยตอนนี้เฉินกงเจิ้งก็ไม่สามารถทําสิ่งใดกับพวกเรา”
“พวกเราได้รับแต้มบุญเพียงเก้าแต้มหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ ดูเหมือนรางวัลสําหรับภารกิจจะอยู่ระหว่างหนึ่งถึงสิบ”
“แต่ข้ามีความรู้สึกว่าหอคอยเกียรติยศจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในอนาคต”
เจิ้งถั่วซื้อและถูเทาเทามองหน้ากัน เจิ้งถั่วซื้อลังเลแต่ยังเปิดปากถาม “พี่เมี่ยว เนื่องจากท่านสามารถสัมผัสถึงตําแหน่งของวาฬมังกรฟ้าและน่าพวกเรามาที่นี่แต่มันยังเป็นสถานที่แปลกใหม่สําหรับท่านเช่นนั้นหรือ?”
เสี่ยวหมิงเฉินเผยรอยยิ้มขมขึ้น “น้องเจิ้ง น้องถู หากขาบอกว่าข้าไม่รู้ว่าเหตุใดข้าจึงสามารถรับรู้ถึงตําแหน่งของวาฬมังกรฟ้า พวกเจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่? เมื่อหลายปีก่อนข้อมูลเกี่ยวกับวาฬมังกรฟ้าเริ่มปรากฏขึ้นในใจของข้าอย่างกะทันหัน แรกเริ่มมันค่อนข้างคลุมเครือ ข้อมูลเหล่านั้นจึงชัดเจนขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ ในที่สุดข้าก็ตระหนักว่า มันคือวาฬมังกรฟ้าที่เรียกหาข้า”
“หากข้ารู้วิธีจัดการมันและมีทางลัด ข้าคงใช้มันไปแล้ว ข้าจะเผชิญหน้ากับภัยคุกคามของเฉินกงเจิ้งได้อย่างไร? เมื่อเราอยู่ด้านนอก เฉินกงเจิ้งโจมตีพวกเรา หากข้ารู้ว่ามันเป็นภาพลวงตา ข้าคงพยายามตายตั้งแต่แรก”
“สหาย คํากล่าวของข้าเป็นความจริงทั้งหมด ไม่มีการหลอกลวง!”
เจิ้งถั่วซื้อและถูเทาเทาเห็นการแสดงออกที่จริงจังของเสี่ยวหมิงเฉินและพยักหน้า “เราเชื่อท่าน”
เป็นเพียงเวลานี้ที่กู้ยฉีเย่กล่าว “พูดถึงเรื่องนี้ ข้าจําสิ่งหนึ่งได้ ก่อนหน้านี้เมื่อชูอิงถูกโจมตีด้วยดาบเสียง เขา เร่งความเร็วเพื่อหลบหนีมันแต่เขาพุ่งเข้าไปหาวิหคเพลิงสายฟ้าแรกก่าเนิด หลังจากนั้นเขาก็เสียชีวิตจาก สายฟ้าของวิหคเพลิงสายฟ้าแรกกําเนิด”
“ถูกต้อง ข้าก็เห็นเช่นกัน” เฟิงเจียงกล่าวเสริม
“มันแปลกที่เขาแสวงหาความตายเช่นนั้น ดูเหมือนชองจะรู้บางอย่างเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้” ดวงตาของเทาเทาส่องประกายขึ้น
ก่อนหน้านี้ฟางหยวนไม่รู้ว่าการตายด้วยน้ํามือของเฉินกงเจิ้งจะได้รับการยอมรับจากวาฬมังกรฟ้าเช่นกัน เพื่อความปลอดภัย เขาจึงเลือกวิธีตายเช่นเดียวกับชีวิตก่อนหน้า
แต่นี้ทําให้เขาเปิดเผยข้อบกพร่องออกมา
มันเหมือนกับเฉินกงเจิ้งที่พยายามหลีกเลี่ยงตงฮัวขณะใช้ดาบเสียง
“เสี่ยวหมิงเฉิน” เสียงของเฉินตันดังขึ้นขณะที่เขาเดินเข้ามาหากลุ่มของเสี่ยวหมิงเฉิน
ด้านหลังเฉินตันยังมีเฉินกงเจิ้ง เหรินซิ่วผิง และคนอื่นๆ
“ไม่จําเป็นต้องกังวล” เฉินดันยิ้ม “เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาให้กับพวกเจ้าแต่มาเพื่อสร้างความร่วมมือ
“ความร่วมมือ? ช่างไร้ยางอายนัก!”
“ผู้ใดที่ต้องการสังหารพวกเราก่อนหน้านี้!”
เฟิงเจียงและฮวาตี้กล่าวด้วยความไม่พอใจ
อย่างไรก็ตามเมี่ยวหมิงเฉินหยุดพวกเขาและมองไปที่เฉินกงเจิ้ง
เฉินกงเจิ้งพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวเสียงเรียบ “นี่เป็นการตัดสินใจของข้า เป็นความจริงที่ข้าเคยโจมตีพวกเจ้ามาก่อน แต่ลองคิดกลับกันหากพวกเจ้าเป็นข้า พวกเจ้าจะปล่อยข้าไปหรือไม่?”
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการฆ่าพวกเจ้าแต่ในสถานที่แห่งนี้ข้าทําได้เพียงต้องร่วมมือกับพวกเจ้าเท่านั้น”
“ข้าขอสาบานต่อชื่อเสียงของตระกูลเฉินของข้า ข้าสัญญาว่าแม้หลังจากออกจากถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้า เราก็จะไม่ทําร้ายพวกเจ้า ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปทั้งหมด”
“แต่พวกเจ้าต้องบอกทุกสิ่งที่พวกเจ้ารู้เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้กับพวกเรา”
“ชื่อเสียงของตระกูลเฉิน…” เสี่ยวหมิงเฉินไตร่ตรอง กลุ่มผู้อมตะที่อยู่รอบๆรู้สึกหวั่นไหวกับข้อเสนอนี้เช่นกัน
เฉิงกงเจิ้งเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเฉิน คํามั่นสัญญาของฝ่ายธรรมะมีน้ําหนักมากและตอนนี้เขาก็กําลังใช้ชื่อเสียงของตระกูลเฉินกับเรื่องนี้ มันมีความน่าเชื่อถือค่อนข้างสูง
แน่นอนว่าวิธีที่ดีที่สุดคือการทําข้อตกลงพันธมิตรบนเส้นทางแห่งข้อมูล
เจิ้งลั่วซื้อและเฉินหน่ายเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูล แต่ถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้าค่อนข้างจํากัดวิธีการของพวกเขา
“ทุกคนลองคิดดู นี่เป็นโอกาสเดียวของพวกเจ้า หากพวกเจ้าพลาด พวกเจ้าจะเสียใจในภายหลัง” เฉินตัน ข่มขู่ด้วยรอยยิ้ม
เสี่ยวหมิงเฉินและคนอื่นๆเงียบ
หลังจากสามร้อยวัน พวกเขาจะถูกส่งตัวออกไป คํามั่นของเฉินกงเจิ้งไม่สามารถเชื่อถือได้อย่างสมบูรณ์ เขาสามารถกลับคําพูดในภายหลัง
แต่ในสถานการณ์นี้เสี่ยวหมิงเฉินและคนอื่นๆ ไม่สามารถละทิ้งโอกาสที่จะรอดชีวิต
เมียวหมิงเฉินพยักหน้า “ข้ายอมรับข้อเสนอ ข้าจะร่วมมือกับพวกท่านและบอกทุกอย่างที่ข้าร์
เฉินกงเจิ้งยิ้ม “ดี คนฉลาดต้องสามารถยอมจํานนต่อสถานการณ์ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า กล่าวต่อไป”
เสี่ยวหมิงเฉินเผยรอยยิ้มขมขึ้น “ข้าไม่มีสิ่งใดจะกล่าวจริงๆ”
เขายสิ่งที่เขาเคยกล่าวกับถูเทาเทาและเจิ้งลั่วซื้อก่อนหน้านี้
เฉินตันโกรธมาก “เจ้ากาลังกล่าวว่าเจ้าไม่รู้สิ่งใดเลยเช่นนั้นหรือ? เจ้าคิดว่าตระกูลเฉินของเราหลอกง่ายงั้นหรือ?”
อย่างไรก็ตามเฉินกงเจิ้งยังพิจารณามันอย่างลึกซึ้ง
เขารู้สึกว่าคํากล่าวของเมียวหมิงเฉินอาจเป็นเรื่องจริง คําพูดสามารถโกหกแต่การกระทําไม่สามารถหลอกลวง ระหว่างการเดินทางมาที่นี่ การกระทําของเสี่ยวหมิงเฉินล้วนอยู่ในสายตาของเฉินกงเจิ้ง เขาดูไม่เหมือนคนที่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับวาฬมังกรฟ้า
กุ้ยฉีเย่กล่าวแทรก “เราพึ่งวิเคราะห์กันก่อนหน้านี้ ชูอิงน่าสงสัยมาก เขาอาจรู้ข้อมูลภายในบางอย่าง”
ดวงตาของกลุ่มผู้อมตะส่องประกายขึ้น
เหรินซิวผิงเผยรอยยิ้มเย็นชา “เจ้าบอกว่าคนผู้นั้นแสวงหาความตาย เขามาที่นี่และตื่นขึ้นเป็นคนแรก เขาปล้นสะดมทรัพยากรอมตะทั้งหมดและท่าภารกิจจนได้แต้มบุญเกือบร้อยแต้มงั้นหรือ? ฮัม”
เป็นเพียงเวลานี้ที่ฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน
เขาทําภารกิจเสร็จสิ้นขณะที่แต้มบุญของเขาบรรลุถึงหนึ่งร้อยสองแต้ม
กลุ่มผู้อมตะมองฟางหยวนขณะที่ฟางหยวนก็มองพวกเขา
บรรยากาศค่อนข้างแปลกประหลาดแต่ฟางหยวนไม่แปลกใจ
ผู้อมตะล้วนมีไหวพริบ แม้เฉินกงเจิ้งจะยโส แต่ในสถานที่แห่งนี้มันเป็นไปได้ที่พวกเขาจะสร้างความร่วมมือ โดยเฉพาะเมื่อกลุ่มของเมียวหมิงเฉินกังวลเกี่ยวกับอนาคตของพวกเขา
เฉินตันยิ้มและเดินเข้าไปหาฟางหยวน “น้องช”
เขาเริ่มทักทายด้วยทัศนคติที่ดีกว่าก่อนหน้าที่เขากล่าวกับเดี่ยวหมิงเฉิน
ในสถานการณ์ปัจจุบันฟางหยวนมีค่ามากกว่าเมี่ยวหมิงเฉินอย่างเห็นได้ชัด
แต่ฟางหยวนกลับเพิกเฉยต่อเฉินตันอย่างสิ้นเชิง
รอยยิ้มของเฉินดันแข้งค้าง มุมปากของเขากระตุก ความโกรธปะทุขึ้นในใจของเขา แต่บางคนเดินเข้ามาตบไหล่ปลอบใจเขา
มันคือเฉินกงเลิ้ง
เฉินตันระงับความโกรธ เขาไม่กล้าทําสิ่งใด
“น้องชาย” เฉินกงเจิ้งหัวเราะเบาๆ “พวกเราร่วมมือกัน…”
“หลีกไป!” ฟางหยวนกันเสียงขัดจังหวะเฉินกงเจิ้งโดยไม่ลังเล
ทุกคนตกใจ
ดวงตาของเฉินกงเจิ้งเบิกกว้างเล็กน้อย เขาตกตะลึงกับสถานการณ์นี้
นานเท่าใดแล้วที่ไม่เคยมีผู้ใดปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้?
เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเฉิน เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดที่ยิ่งใหญ่ แต่บางคนกลับกล้าหยาบคายต่อหน้าเขา?
กระทั่งซ่งฉีหยวนก็ยังต้องรักษาทัศนคติที่ดีต่อเขา
แต่ชอิงผู้นี้กลับไม่แยแสเขาแม้แต่น้อย
ทุกคนไม่รู้ว่าควรจะชื่นชมความกล้าหาญของชูอิงหรือหัวเราะกับความโง่เขลาของเขา
หลังจากนั้นฟางหยวนก็หายตัวไปทันที เขารับภารกิจอื่นและจากไปอีกครั้ง
กลุ่มผู้อมตะยืนมองหอคอยเกียรติยศด้วยสายตาว่างเปล่า
เฉินกงเจิ้งหัวเราะเบาๆทําลายความเงียบ “ชูอิงผู้นี้ช่างกล้าหาญนัก ข้าจะรอดูความกล้าหาญของเขาหลังจากพวกเราออกจากสถานที่แห่งนี้”
เขาเผยรอยยิ้มแต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยเพลิงแค้นและเจตนาสังหาร
“เสี่ยวหมิงเฉิน ชูอิงผู้นี้เป็นผู้ใดกันแน่ เขามีภูมิหลังอย่างไร?” เฉินตันหันกลับมาถามด้วยน้ําเสียงก้าวร้าว
เสี่ยวหมิงเฉินถอนหายใจและยักไหล่ “หากขาบอกเจ้าว่าข้าไม่รู้ที่มาของเขา เจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่?”
“ฮ่าฮ่า” มุมปากของเฉินตันกระตุก เขาหัวเราะเสียงแห้ง
หากเสี่ยวหมิงเฉินไม่รู้ภูมิหลังของชูอิง เขาจะเชิญคนผู้นี้เข้าร่วมในการสารวจวาฬมังกรฟ้าได้อย่างไร
“ชอิง ขากําลังจะตายเพราะเจ้า” เมี่ยวหมิงเฉินเผยรอยยิ้มขมขึ้นแต่เขายังไม่ยอมแพ้ เขาตัดสินใจโยนปัญหานี้ให้กับเหรินซิ่วผิง
“เหตุผลที่ข้าไว้ใจชอิงเพราะเหรินซิ่วผิง พี่เหริน เหตุใดท่านไม่อธิบายเรื่องนี้? จําเป็นต้องปิดบังงั้นหรือ?”
คํากล่าวของเสี่ยวหมิงเฉินท่าให้ทุกคนมองไปที่เหรินซิ่วผิง
เหรินชิวผิงตัวสันและรู้สึกถึงแรงกดดัน เขาต้องอธิบายทุกสิ่งที่เขารู้
กลุ่มผู้อมตะเรียนรู้เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการเข้าร่วมของชูอิงในที่สุด
เมียวหมิงเฉินยังอธิบายต่อ “แท้จริงแล้วข้าไม่ได้ติดต่อชูอิงมากนัก ข้าเคยเชิญเขาเข้าร่วมในการประชุมการคําเพียงครั้งเดียว ในเวลานั้นตงฮัวและถูเทาเทาก็อยู่ด้วย”
เฉินกงเจิ้งหันหน้าไปทางคนทั้งสอง
ดูเทาเทาและตงฮันพูดสิ่งที่พวกเขารู้ทั้งหมด
เฉินกงเจิ้งได้ยินคํากล่าวของพวกเขาและขมวดคิ้ว
มีข้อมูลมากมายแต่พวกมันล้วนไร้ประโยชน์
“ชูอิงผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา เฉินกงเจิ้งสังหรณ์แต่เขายังมั่นใจในตนเอง อย่างไรก็ตามเขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!”