บทที่ 1422 หั่นเป็นชิ้นๆ

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

บทที่ 1422 : หั่นเป็นชิ้นๆ
  หลังจากที่หลิงหยุนทำลายวรยุทธของตี๋เสี่ยวเจินแล้วเขาก็คร้านที่จะสนใจนางอีก เพราะเวลานี้มีเรื่องสำคัญกว่านั้นต้องทำ
  จ้าวหมิงถังกำลังเหาะหนีไป!
  ตั้งแต่เริ่มประมือกับหลิงหยุนมาจนถึงเวลานี้จ้าวหมิงถังได้หยิบใช้ทุกอย่างที่ตนมีออกมาจนหมดแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมิอาจทำอะไรหลิงหยุนได้ อีกทั้งค่ายกลกระบี่สวรรค์ที่แข็งแกร่งยังทำอันตรายหลิงหยุนมิได้เลยแม้แต่น้อย ทำให้เขาเริ่มหมดหวังมากขึ้นเรื่อยๆ
  ในระหว่างต่อสู้กันนั้นกระบี่เหินของจ้าวหมิงถังยังไม่สามารถทำลายเกราะป้องกันของหลิงหยุนได้ แม้แต่ความเร็วในการเคลื่อนที่ หลิงหยุนยังสามารถไล่บดขยี้เขาได้อย่างง่ายดาย
  อีกทั้งเวลานี้ลุงของตี๋เสี่ยวเจินก็ยังไม่ปรากฏ จึงเหลือเพียงแค่เขาผู้เดียวที่ต้องประมือกับหลิงหยุน!
  ที่สำคัญ..กระทั่งถึงเวลานี้ ไพ่ในมือที่แข็งแกร่งอย่างกระบี่พลังหยางบริสุทธิ์ที่เขาได้ยินมานั้น เขาก็ยังไม่เห็นหลิงหยุนนำออกมาใช้
  หากไม่รีบหนีในตอนนี้จะรอให้ถึงเมื่อใดกันเล่า
  จ้าวหมิงถังรู้ว่าครั้งนี้สำนักกระบี่เทียนซานคงต้องสิ้นชื่อแน่และเขาก็ไม่ต้องการถูกหลิงหยุนจับตัวไว้ เมื่อเห็นผู้เฒ่าแห่งสำนักกระบี่เทียนซานยังไม่ปรากฏตัว เขาจึงรีบเหาะหนีออกไปทันที
  จ้าวหมิงถังเหาะหนีไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของยอดเขาเจงิชโชกูซูซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักกระบี่เทียนซานอย่างรวดเร็ว
  จ้าวหมิงถังร้อนรนราวกับสุนัขโดนน้ำร้อนเขาหวาดกลัวว่าหลิงหยุนจะเหาะไล่ล่าตามสังหารตนเอง จึงรีบหนีอย่างไม่คิดชีวิต
  “คิดจะหนีงั้นรึเจ้าอย่าได้ฝันไปเลย!”   หลิงหยุนตะโกนเย้ยหยันแต่กลับไม่เหาะไล่ตามจ้าวหมิงถังไป เวลานี้เขายืนอยู่ข้างดวงตาค่ายกลกระบี่สวรรค์ พร้อมกับจับจ้องไปยังร่างของจ้าวหมิงถัง
  ดวงตาค่ายกลกระบี่สวรรค์ก็คือกระบี่เล่มใหญ่สีเขียวเข้มซึ่งมีขนาดยาวกว่าสามเมตร และกว้างกว่าหนึ่งฟุต ปลายกระบี่ทิ่มลงและอยู่ห่างจากพื้นราวครึ่งเมตร กระบี่เล่มนี้ทำจากโลหะสีเขียวเข้มทั้งด้าม และหลิงหยุนก็สัมผัสได้ถึงพลังปราณที่บริสุทธิ์ยิ่ง!
  แสงสีเขียวสว่างเจิดจ้าเป็นประกายวิบวับหลังจากที่ตี๋เสี่ยวเจินได้รับบาดเจ็บ ก็มิมีผู้ใดควบคุมค่ายกลกระบี่สวรรค์นี้ได้อีก กระบี่สีเขียวยังคงหมุนอย่างช้าๆ ค่ายกลนี้จึงยังคงทำงานอยู่ เพียงแต่ กระบี่สวรรค์ยังคงหมุนวนไร้ทิศทาง
  และในเมื่อขาดตี๋เสี่ยวเจินก็คงไม่มีผู้ใดสามารถควบคุมค่ายกลกระบี่สวรรค์ได้อีกแล้ว แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะหลิงหยุนกลับสามารถทำได้!   หลิงหยุนเป็นถึงปรมาจารย์แห่งค่ายกลค่ายกลประเภทนี้ เขาเพียงแค่ชำเลืองมองก็สามารถรู้วิธีที่จะควบคุมได้แล้ว และหลิงหยุนก็ได้พินิจสำรวจดูตั้งแต่ที่เหาะมาถึงหน้าสำนักกระบี่สวรรค์แห่งนี้ เวลานี้เขาดูดซับเอาปราณของกระบี่สวรรค์เข้าไปมากมาย เขาจึงมีกระบี่ปราณมากกว่าที่ตี๋เสี่ยวเจินฝึกฝนเสียอีก!
  “วิชากระบี่เทียนซานงั้นรึ!”
  หลิงหยุนพึมพำออกมาพร้อมกับยิ้มเย็นจากนั้นจึงหยิบใช้วิชาพลังจักรวาลกระตุ้นกระบี่ลมปราณในร่างของตนที่ดูดซับเข้าไป เข้าสู่กระบี่สีเขียวเข้มตรงหน้า
  ครืน..
  กระบี่สีเขียวเข้มเล่มใหญ่เริ่มสั่นสะเทือนเสียงดังครืนๆ สนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ แสงสีเขียวสว่างเจิดจ้าขึ้น และเวลานี้ภายในสำนักกระบี่เทียนซานก็กลายเป็นสีเขียวสุกสว่างไปทั่ว
  กระบี่สวรรค์ที่ลอยเคว้งคว้างไร้จุดหมายได้ระเบิดออกกลายเป็นกระบี่ลมปราณกระจัดกระจาย ก่อนจะหลอมรวมเข้ากันใหม่อีกครั้งเป็นกระบี่สวรรค์เก้าเล่ม!
  ท่ามกลางการระเบิดและรวมรวมใหม่ของกระบี่สวรรค์นั้นทำให้ยอดเขาทั้งสามถึงกับสั่นสะเทือนไปพร้อมกัน ผืนปฐพีราวกับเกิดแผ่นดินไหว และเวลานี้หลิงหยุนก็ได้เปิดค่ายกลกระบี่สวรรค์ขึ้นใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ
  “นี่..เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน เหตุใดเขาจึงสามารถควบคุมค่ายกลกระบี่สวรรค์ได้? นี่เขาสามารถใช้พลังสูงสุดของค่ายกลได้ด้วยรึ?”
  ตี๋เสี่ยวเจินที่กำลังนอนบาดเจ็บสาหัสอยู่บนพื้นนั้นเสียงดังครืนๆและแรงสั่นสะเทือนทำให้นางถึงกับต้องลืมตาขึ้นมอง และเมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น นางก็ถึงกับตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
  “หึ..ยังมีอีกหลายสิ่งที่เจ้าจะรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้!”   หลิงหยุนแสยะยิ้มจากนั้นจึงร้องบอกจ้าวหมิงถังผ่านทางกระแสจิต “จ้าวหมิงถัง เจ้านับว่าโชคร้ายยิ่งนัก!”
  ท่ามกลางท้องนภากระบี่สวรรค์ขนาดใหญ่ทั้งเก้าเล่มสั่นขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะพุ่งออกไป และตรงเข้าใส่ร่างของจ้าวหมิงถังอย่างรวดเร็ว ความเร็วของมันนั้นเร็วกว่ากระบี่สวรรค์ก่อนหน้านี้นับสิบเท่า
  และด้วยความเร็วของจ้าวหมิงถังในด่านสุดท้ายขั้นก่อสร้างรากฐานต่อให้ใช้พลังวิเศษ ก็ยากที่จะหนีความเร็วของกระบี่สวรรค์ยักษ์ทั้งเก้าพ้น
  “ไม่..เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน!”
  จ้าวหมิงถังเห็นหลิงหยุนไม่ได้ไล่ล่าตามตนเองมาก็มั่นใจว่าจะสามารถหนีพ้นไปได้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะสามารถควบคุมค่ายกลกระบี่สวรรค์ได้
  “นี่เขาเป็นปีศาจหรืออย่างไรกัน”
  จ้าวหมิงถังแทบอยากจะร้องไห้เมื่อเห็นกระบี่ยักษ์ทั้งเก้าเล่มพุ่งเข้าใส่ร่างของตนเองใกล้ขึ้นมากเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่าไม่อาจหนีพ้นได้ จึงได้หันกลับมาพร้อมกับโบกธงวายุในมือเข้าสะกัดกั้นไว้อย่างรวดเร็ว
  ลมพายุรุนแรงพัดกระหน่ำเข้าใส่กระบี่สวรรค์ยักษ์ทั้งเก้า!
  “ห๊ะ!”
  ภาพที่เห็นทำให้จ้าวหมิงถังถึงกับตกตะลึง..
  นั่นเพราะแม้แต่พายุรุนแรงจากธงวายุก็ยังไม่สามารถหยุด หรือทำให้กระบี่ยักษ์ทั้งเก้าหันเหเปลี่ยนทิศทางได้แม้แต่น้อย ปลายกระบี่ยังคงพุ่งฝ่าพายุลูกใหญ่ตรงเข้าใส่ร่างของจ้าวหมิงถังอย่างรวดเร็ว
  จ้าวหมิงถังเห็นเช่นนั้นก็รู้ได้ทันทีว่า หากปล่อยไปเช่นนี้ ตนคงต้องถูกกระบี่ยักษ์นั่นทิ่มแทงเข้าใส่ร่างเป็นแน่ และกระบี่ที่ใหญ่เช่นนั้นย่อมจะสามารถทำลายเกราะป้องกันของเขาและแทงทะลุร่างตนได้อย่างง่ายดาย  ในเมื่อเป็นเช่นนี้จ้าวหมิงถังจึงเหลือเพียงแค่ทางเลือกเดียว คือต้องเหาะลงไปยังพื้นดินแทน อย่างน้อยก็หลอกล่อให้กระบี่ยักษ์ทั้งหมดนี้พุ่งเข้าใส่หินด้านล่าง
  แต่กลับไม่เป็นดังที่จ้าวหมิงถังคาดคิดเมื่อกระบี่ทั้งเก้าไปถึงตำแหน่งที่จ้าวหมิงถังอยู่ กระบี่ทั้งหมดกลับไม่หันเหไล่ตามจ้าวหมิงถังไป แต่กลับแยกย้ายกันออก และทำการห้อมล้อมยอดเขาทั้งสามไว้
  “จ้าวหมิงถังเจ้าถูกล้อมไว้แล้ว ข้าขอแนะนำให้เจ้ายอมแพ้เสีย!”
  “คิดจะจับข้า..จ้าวหมิงถังเจ้าเองก็อย่าได้ฝันไปเช่นกัน!”
  จ้าวหมิงถังร้องตะโกนบอกพร้อมกับเหาะพุ่งลงไปยังพื้นดินทันที
  “ข้างล่างมืดมากเจ้าต้องดูให้ดีๆล่ะ!”
  หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับร้องตะโกนบอกในขณะเดียวกันมือข้างที่กำกระบี่สีเขียวอยู่ก็โบกสะบัดไปมา  กระบี่สามเล่มพุ่งขึ้นจากผืนดินแทงเข้าใส่ร่างของจ้าวหมิงถังอย่างรวดเร็ว!
  “ห๊ะ!”
  จ้าวหมิงถังเหาะหนีการไล่ล่าของหลิงหยุนอย่างสุดกำลังในขณะเดียวกันดาบสวรรค์สามเล่มก็พุ่งตามร่างของจ้าวหมิงถังไปไม่หยุด
  แม้จ้าวหมิงถังจะหันมาโบกธงวายุขับไล่กระบี่ทั้งสามแล้วแต่ก็ยังช้าเกินไป และถูกกระบี่สวรรค์เล่มหนึ่งแทงทะลุไหล่ขวาจนเลือดอาบ
  “คิดไม่ถึงจริงๆว่าค่ายกลกระบี่สวรรค์ของสำนักกระบี่เทียนซาน จะทรงอานุภาพที่แข็งแกร่งเช่นนี้!”
  หลิงหยุนถึงกับพึมพำออกมาหลังจากที่ได้ทดลองใช้ค่ายกลกระบี่สวรรค์จัดการกับจ้าวหมิงถัง
  นับว่าโชคดีที่เมื่อครู่เป็นตี๋เสี่ยวเจินควบคุมค่ายกลกระบี่สวรรค์เพราะพลังของนางอยู่เพียงแค่ขั้นปาเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-8) หากเป็นตี๋เฮ่อหมิงซึ่งอยู่ในขั้นก่อสร้างรากฐาน หลิงหยุนคงต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่แน่
  แต่เวลานี้ค่ายกลอยู่ในมือของหลิงหยุนแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีก..
  กระบี่สวรรค์ยังพุ่งออกจากสำนักกระบี่เทียนซานตรงเข้าใส่ร่างของจ้าวหมิงถังอยู่เรื่อยๆ และคราใดที่จ้าวหมิงถังใกล้จะร่อนลงสู่พื้นดิน ก็จะมีกระบี่พุ่งขึ้นมาจากใต้ฝ่าเท้า ทำให้เขาต้องเหาะกลับขึ้นมาอีก
  และเวลานี้จ้าวหมิงถังก็ได้รับบาดเจ็บหลายแห่งจากการถูกกระบี่สวรรค์ทิ่มแทง โลหิตยังคงไหลหลั่งออกจากร่าง แต่ก็ต้องเหาะหนีการไล่ล่าของกระบี่สวรรค์อย่างบ้าคลั่ง
  –จ้าวหมิงถังข้าหาได้มีเจตนาจะสังหารเจ้าไม่ หากเจ้ายอมแพ้ ข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้า ขอเพียงเจ้าตอบคำถามข้าเกี่ยวกับคุนหลุนสองสามคำถามเท่านั้น เจ้าคิดเห็นเช่นใด-  หลิงหยุนยืนถือกระบี่สีเขียวเข้มไว้ในมือพร้อมกับแสยะยิ้มในขณะเดียวกันก็สื่อสารกับจ้าวหมิงถังผ่านทางกระแสจิต
  –หลิงหยุนเจ้าโจรถ่อย ข้าเป็นศิษย์คุนหลุน ข้าย่อมไม่มีวันทรยศต่อคุนหลุนแน่!-
  ระหว่างทางที่เหาะหนีนั้นจ้าวหมิงถังก็ได้มองหาทางที่จะเข้าไปยังยอดเขาเทียนเฟิงให้ได้ ในขณเดียวกันก็ตอบโต้หลิงหยุนกลับไปด้วย
  ร่างของจ้าวหมิงถังเหาะไปยังยอดเขาเทียนเฟิงด้วยความเร็วสูงสุดในทันทีในขณะเดียวกันก็บังคับกระบี่เหินของตนให้พุ่งไปยังหน้าผาที่ฉินจิวยื่ออยู่
  จ้าวหมิงถังรู้ว่ามิอาจทะลายเกราะคุ้มกันจากหลิวเทวะวิญญาณได้เขาจึงต้องการที่จะทำลายหน้าผานั่นให้แยกขาดจากเขาเทียนเฟิง
  “เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”
  หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นก็สามารถคาดเดาความคิดของจ้าวหมิงถังได้ในทันที ประกายสังหารวูบขึ้นในแววตาของเขาทันที
  แล้วกระบี่สวรรค์ทั้งเก้าที่ล้อมยอดเขาทั้งสามไว้ก็ขยับพร้อมกันทันทีแต่ละเล่มพุ่งเป้าไปที่ร่างของจ้าวหมิงถัง ก่อนจะทะยานเสียบเข้าใส่ร่างของเขาพร้อมๆกันอย่างรวดเร็ว!
  กระบี่ในมือของหลิงหยุนสะบัดไปมาอย่างไม่ปราณีและในที่สุดร่างของจ้าวหมิงถังก็ถูกหั่นสะบั้นขาดออกจากกันเป็นชิ้นๆ!