บทที่ 1182 ขั้นเต็ม

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1182 ขั้นเต็ม

“ดูเหมือนว่า…เจ้าฆ่าจาโหลหลัวไปแล้วสินะ”

น้ำเสียงอ่อนโยนดังกึกก้องอย่างไร้อารมณ์ แต่มู่เฉินกลับรู้สึกว่ารูขุมขนทั่วร่างลุกชันภายใต้สายตาอ่อนโยนนั่น อันตรายที่ไม่อาจอธิบายได้ห่อหุ้มร่างเขาไว้

มู่เฉินตั้งระวังขณะเงยหน้าขึ้นมองไปที่ร่างเงาซึ่งเป็นศัตรูคู่อาฆาตของมั่นถัวหลัว ว่ากันว่าชายคนนี้เป็นพาหนะของจักรพรรดิฟ้า

เขาดูสง่างามพร้อมกับรูปลักษณ์น่าดึงดูดราวกับว่าถูกแกะสลักอย่างมีศิลปะ ดวงตาเป็นสีดำราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว

ชายผู้นี้ก็คือจักรพรรดิปีศาจแห่งตำหนักเทพปีศาจ—ลู่หยวน!

ขณะที่มู่เฉินเกร็งร่างกายเมื่อมองไปที่ลู่หยวน ร่างเล็กกระทัดรัดที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็ปิดกั้นรัศมีของลู่หยวนเอาไว้

เมื่อเห็นว่ามั่นถัวหลัวให้การปกป้องต่อมู่เฉิน ลู่หยวนก็ยิ้มอ่อน “วางใจเถอะ จาโหลหลัวสู้ไม่ได้เอง ต่อให้เป็นข้าก็กล่าวว่าอะไรไม่ได้”

ขณะที่พูดเขาก็เบนสายตาไปหามั่นถัวหลัว “แต่มั่นถัวหลัว พวกเราไม่ได้พบกันมาหลายปี ทำไมต้องทำให้บรรยากาศตึงเครียดตั้งแต่เจอกันแบบนี้ด้วยล่ะ?”

ใบหน้าของมั่นถัวหลัวเย็นชาลงก่อนจะพูดเบาๆ “แกเคยเป็นพาหนะของท่านจักรพรรดิฟ้า แต่ดันขี้ขึ้นสมองด้วยความกลัวในสงครามครั้งนั้น แกทำให้จักรพรรดิฟ้าผู้สง่างามต้องอับอายขายขี้หน้า”

ขณะที่มั่นถัวหลัวพูด ทุกคนก็มองไปที่ลู่หยวนด้วยความประหลาดใจ เนื่องจากไม่มีใครคาดคิดว่าลู่หยวนจะมีตัวตนนี้เช่นกัน

นอกจากนี้ลู่หยวนยังกลัวหัวหดจากการที่จักรวรรดิปีศาจต่างมิติโจมตีวังสวรรค์บรรพกาล? นั่นเป็นเรื่องขี้ขลาดตาขาวจริงๆ

คำพูดของมั่นถัวหลัวแทงใจลู่หยวนอย่างที่สุด ทำให้ใบหน้าที่อบอุ่นอ่อนโยนของเขาแข็งค้าง

สีหน้าเขาค่อยๆ หดกลับจากนั้นก็หัวเราะเบาๆ “เจ้าดอกแมนดาลาดูท่าเจ้าจะรนหาที่ตายจริงๆ แกเคยหนีไปได้ในอดีต แต่ครั้งนี้แกจะไม่โชคดีแล้ว”

ตู้ม!

คลื่นหลิงที่น่ากลัวระเบิดออกมาจากร่างกายของลู่หยวน ทำให้มิติโดยรอบแตกเป็นเสี่ยงๆ เศษชิ้นส่วนมิตินับไม่ถ้วนหมุนคว้างรอบตัวเขา

จังหวะที่เขาปลดปล่อยคลื่นอันทรงพลังนั้นหลายคนก็เปลี่ยนสีหน้าไป เนื่องจากนั่นเป็นคลื่นหลิงระดับขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายแท้จริง

“ฮ่องเต้เซี่ย เหมือนเราจะสามารถร่วมมือกันก่อนได้นะ…” ลู่หยวนมองไปที่ฮ่องเต้เซี่ยพลางยิ้ม

หากแคว้นเซี่ยและตำหนักเทพปีศาจร่วมมือกัน แม้แต่กองทัพพันธมิตรภูมิภาคทางเหนือก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้

ใบหน้าของฮ่องเต้เซี่ยดูเคร่งเครียดลง เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันมิตรลึกซึ้งกับลู่หยวน แต่ตอนนี้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องปฏิเสธคำชวนของอีกฝ่าย เขาปรายตามองไปที่มั่นถัวหลัวอย่างเย็นชาพูดว่า “ส่งไอ้เด็กเวรนั่นมาให้ข้า ไม่งั้นเจ้าจะต้องแบกรับผลกรรมที่จะตามมา”

ประมุขทั้งห้าของกองทัพพันธมิตรภูมิภาคทางเหนือมีสีหน้าน่าเกลียด พวกเขาไม่คิดว่ามั่นถัวหลัวจะมีศัตรูคู่อาฆาตอย่างจักรพรรดิปีศาจลู่หยวนด้วย

หากตำหนักเทพปีศาจและแคว้นเซี่ยร่วมมือกัน การรวมตัวของพวกเขาก็จะไปไกลเกินกว่ากองทัพพันธมิตรภูมิภาคทางเหนือของพวกเขาแน่ เพราะอีกฝ่ายมีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายถึงสองคน ดังนั้นในการต่อสู้หนึ่งในนั้นจะประมือกับมั่นถัวหลัว ขณะที่อีกหนึ่งคนกวาดล้างที่เหลือ

พวกเขาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่มั่นถัวหลัว ตามความคิดพวกเขาการมอบมู่เฉินให้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะการทำสงครามกับขั้วอำนาจชั้นยอดทั้งสองเพื่อจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มคนเดียวเป็นเรื่องไม่ฉลาดเอาเสียเลย

ภายใต้ความกังวลใจของทุกคน ใบหน้าของมั่นถัวหลัวก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด นางมองไปที่ฮ่องเต้เซี่ยอย่างเรียบเฉย “อย่าฝัน หากเจ้าจะเริ่มทำสงครามก็เอาเลย”

เมื่อประมุขทั้งห้าของพันธมิตรภูมิภาคทางเหนือได้ยินคำพูดของนาง ใบหน้าของพวกเขาก็ขมขื่น พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมมั่นถัวหลัวถึงต้องปกป้องมู่เฉินขนาดนี้ ชายหนุ่มคนนี้เป็นจอมยุทธ์ตัวจ้อยเท่านั้น

“ฮ่าๆ ดี! ดี!”

ฮ่องเต้เซี่ยหัวเราะด้วยความโกรธเนื่องจากเขาไม่คิดว่ามั่นถัวหลัวจะดื้อดึงปานนี้ นางยอมต่อสู้กับสองขุมกำลังระดับสูงสุดเพื่อปกป้องมู่เฉิน

ถ้าเขาปล่อยเรื่องนี้ไป ชื่อเสียงของแคว้นเซี่ยก็จะต้องป่นปี้มาก เพราะขนาดองค์ชายใหญ่รัชทายาทยังถูกสังหาร หากพวกเขาไม่สามารถแก้แค้นได้ ใครจะกล้าเข้าร่วมกับแคว้นเซี่ยในอนาคตอีก?

“ในเมื่อแกดื้อดึงมาก งั้นข้าคนนี้ก็ขอดูด้วยตัวเองว่ากองทัพพันธมิตรภูมิภาคทางเหนือของแกจะมีความมั่นใจเพียงใด” ฮ่องเต้เซี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มข้นก่อนที่พลังงานหลิงรอบตัวจะทวีคูณความรุนแรงเพิ่มขึ้น

“เฮ้ ทุกอย่างยังดีใช่ไหม?”

หลินจิ้งที่อยู่ด้านหลังมู่เฉินอดไม่ได้ที่จะถาม เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันอาณาเขตกงเวทสวรรค์อยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบ ไม่ว่านางจะมองอย่างไรก็ตาม

“วางใจเถอะ”

มู่เฉินยิ้มบาง จากนั้นก็มองไปที่มั่นถัวหลัวที่หันมามองเขาในขณะนี้

มู่เฉินพยักหน้าพลางสะบัดมือออกไป แสงมืดมิดไม่มีที่สิ้นสุดเบ่งบานก่อร่างเป็นดอกแมนดาลาโบราณที่น่าหลงใหล กลืนกินกระทั่งแสงสว่าง

การปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันของดอกแมนดาลาโบราณดึงดูดความตกตะลึงของทุกคนทันที ก่อนที่พวกเขาจะเปลี่ยนสีหน้าไปรุนแรงจากการรู้สึกถึงความผันผวนที่น่ากลัวของดอกไม้

“แก!”

ม่านตาของลู่หยวนแคบลงขณะที่อุทาน “แกนำร่างหลักกลับมาได้เรอะ!”

สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป เขาส่งจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นมาเพื่อขัดขวางมั่นถัวหลัวที่จะได้รับร่างหลักคืนไป แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็หยุดนางไม่ได้เหรอ?

“นะ…นั่นคือดอกแมนดาลาโบราณ!”

จอมยุทธ์คนอื่นๆ เมื่อเห็นดอกไม้ก็จำได้เช่นกัน พวกเขาอุทานทันที “ผู้นำกองทัพพันธมิตรภูมิภาคทางเหนือคือดอกแมนดาลาโบราณเรอะ?!”

มั่นถัวหลัวเพิกเฉยต่อสายตาตกตะลึงโดยรอบ นางมองไปที่ดอกไม้น่าหลงใหลด้วยความตื่นเต้นฉายบนใบหน้า

นางกอบดอกไม้อย่างระมัดระวัง ดอกไม้ไม่ปฏิเสธสัมผัสของนางสักนิด มิหนำซ้ำรัศมีมันวาวกลับสว่างขึ้นด้วย

“ขอบใจนะ”

มั่นถัวหลัวเอี้ยวหน้ากล่าวขอบคุณมู่เฉินอย่างจริงจัง

แม้ว่านางจะไม่ได้ร่วมเดินทางกับมู่เฉิน แต่นางก็รู้ว่ายากแค่ไหนที่เขาจะได้รับร่างหลักของนางมา

“ถ้าเจ้าไม่บรรลุขุมพลัง เจ้าก็จะไม่สามารถปกป้องข้าด้วยความสามารถในการสร้างปัญหาของข้า” มู่เฉินส่ายหน้าพลางยิ้ม เขายั่วยุฮ่องเต้เซี่ยเข้าให้แล้ว ถ้าเขาไม่ทำอะไรก็จะนำพรรคพวกตกอยู่ในอันตราย

ในเมื่อเขาก่อปัญหาขึ้นแล้ว เขาก็ต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อชดเชย

มั่นถัวหลัวยิ้มหมานก่อนที่จะเยื้องย่างไปยังดอกไม้น่าหลงใหลซึ่งเบ่งบานปล่อยให้นางมุ่งหน้าไปยังเกสรของดอกไม้

“หยุดนาง!”

ลู่หยวนคำราม

ตู้ม!

เขาและฮ่องเต้เซี่ยเคลื่อนไหวในเวลาเดียวกัน กระแสพลังงานสองสายพุ่งเข้าหาดอกแมนดาลาโบราณ

เผชิญหน้ากับการโจมตีของพวกเขา กลีบดอกแมนดาลาก็แผ่กระจายออกไปพร้อมกับแสงมืดมิดกลืนกินแสงสว่างทั้งปวง ทันใดนั้นการระเบิดของคลื่นหลิงสองสายก็ถูกลบออกไปอย่างเงียบๆ

เมื่อมองไปที่แสงสีดำพร่างพราว ใบหน้าของลู่หยวนและฮ่องเต้เซี่ยก็เปลี่ยนไปอย่างไม่น่าดู

“นั่นมันแสงสีดำมืดมนของดอกแมนดาลาโบราณ ว่ากันว่าสามารถสลายการโจมตีทั้งหมด ช่างเผด็จการยิ่งนัก” เหล่าจอมยุทธ์ชั้นสูงต่างอุทาน เพราะดอกแมนดาลาโบราณหายากเกินไป ยิ่งถ้าต้องเพาะบ่มถึงระดับนี้ก็ยิ่งหายากขึ้นอีก

“สามารถขัดขวางการโจมตีของจอมยุท์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายสองคนได้อย่างง่ายดาย ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์น่าเกรงขามอย่างแท้จริง ดูเหมือนว่าจะมีจอมยุทธ์ทรงพลังอีกคนเพิ่มขึ้นในทวีปเทียนหลัวในอนาคตแน่นอน”

ประมุขทั้งห้าก็พากันตกตะลึงกับฉากนี้เช่นกัน พวกเขาคิดไม่ถึงว่ามั่นถัวหลัวซึ่งเคยอยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นเมื่อไม่กี่ปีก่อนจะมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันเพียงนี้

แสงสีดำมืดมนเบ่งบานอย่างต่อเนื่องจากดอกแมนดาลาโบราณ ขณะที่ร่างมั่นถัวหลัวเริ่มจางหายไปรวมเข้ากับดอกไม้

ฮึ่ม!

ทันทีที่ทั้งสองรวมเข้ากัน แสงมืดมนหลายแสนจั้งก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ขณะเดียวกันคลื่นหลิงน่าสะพรึงกลัวก็ครอบงำออกไปพร้อมกับแรงกดดันที่ไม่อาจบรรยาย

ดอกไม้ที่น่าหลงใหลเบ่งบานราวกับว่ากำลังเริงระบำ ทำให้สวรรค์และโลกสั่นสะเทือนเบาๆ จากการเคลื่อนไหวพร้อมกับบทสวดภาษาสันสกฤตเปล่งออกมา

ทุกคนรู้สึกได้ถึงความกดดัน ใบหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงพร้อมกับความตกตะลึงสุดขีดผุดขึ้นในใจ

เนื่องจากแรงกดดันของคลื่นหลิง…ได้ทะลุขอบเขตระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายเรียบร้อย!

นั่นคือ…

ระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็ม!