บทที่ 1424 : กระบี่ฟ้า
  หลิงหยุนไม่สนใจหิมะที่กำลังถล่มและผืนปฐพีที่สั่นไหวอย่างรุนแรงจิตหยั่งรู้ของเขาจับจ้องอยู่ที่กระบี่สวรรค์เล่มใหญ่มหึมาแบบที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน..
  ความจริงแล้ว..บนยอดเขาเจงิชโชกูซูแห่งนี้ ตามแนวสันเขาที่แคบมีลักษณะคล้ายครีบปลา และยาวกว่าแปดร้อยเมตรนั้น เมื่อสองสามร้อยปีก่อน ได้มีมือกระบี่ล้ำเลิศผู้หนึ่งนำกระบี่ลมปราณของตนมาฝังไว้ที่นี่ และได้อาศัยพลังชี่บนยอดเขาสูงแห่งนี้บ่มเพาะกระบี่เล่มนี้เรื่อยมา กระบี่เล่มนี้จะไม่ถูกนำมาออกมาใช้ หากสำนักกระบี่เทียนซานมิได้เผชิญหน้ากับความล่มสลายอย่างแท้จริงๆ แต่หากวิกฤตมาถึงเมื่อใด ก็สามารถทำลายผนึก และใช้กระบี่เล่มนี้เข่นฆ่าสังหารศัตรูได้ทันที
  เมื่อครั้งที่หลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินเข้ามาในเขตของสำนักกระบี่เทียนซานนั้นทั้งคู่ได้ทำการสำรวจภูมิประเทศด้านล่างโดยรอบและพบว่าสันเขาของยอดเขาแห่งนี้ช่างมีรูปร่างที่แปลกประหลาดยิ่งนัก มันดูคล้ายกับกระบี่เล่มยักษ์ที่มีขนาดใหญ่มหึมา แต่ในเวลานั้น หลิงหยุนคิดเพียงแค่จะรีบช่วยแม่ของตนออกมาได้โดยเร็วที่สุดเท่านั้น จึงมิได้สนใจใดๆอีก..
  ในเวลานั้นกระบี่สวรรค์เล่มใหญ่ยักษ์มหึมาบนยอดเขาเจงิชโชกูซู ได้สั่นสะเทือนรุนแรง จนเกิดหิมะถล่มและผืนดินสั่นไหวราวกับเกิดแผ่นดินไหว อาจเป็นเพราะกระบี่เล่มนั้นใหญ่มากจนเกิน หรืออาจยังก่อรูปไม่เต็มที่นัก มันจึงค่อยๆหดตัวลง คล้ายกับว่ามีใครบางคนกำลังพยายามที่จะควบคุมอยู่
  แม้ว่ากระบี่สวรรค์เล่มนี้จะยังมิได้ก่อร่างรวมตัวกันดีนักแต่ไอกระบี่ที่น่าสะพรึงกลัว ไอเย็นยะเยือก และไอสังหารก็ได้พวยพุ่งออกมาอย่างเต็มที่ และได้แสดงแสนยานุภาพที่ทรงพลังออกมาให้เห็น จนเหล่าศิษย์สำนักกระบี่เทียนซานได้แต่พากันส่งเสียงร้องตะโกนอื้ออึง  “ฮ่าๆๆๆ”
  ด้านหลังหลิงหยุนเวลานี้ตี๋เสี่ยวเจินที่ได้ยินเสียงหิมะถล่มดังขึ้น จึงรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นนั่งบนผืนดินที่สั่นสะเทือนอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ในขณะที่ร้องตะโกนออกไปว่า
  “เจ้าสุนัขขี้เรื้อนยังไม่รีบปล่อยตัวข้าอีก ผู้พิทักษ์สำนักกระบี่เทียนซานปรากฏตัวแล้ว แค๊ก.. แค๊ก..”
  ตี๋เสี่ยวเจินชะงักไปครู่หนึ่งเนื่องจากการไออย่างรุนแรงก่อนจะพูดต่อว่า..
  “กระบี่ฟ้าที่ปกป้องขุนเขาแห่งนี้อย่างแท้จริงได้ปรากฏขึ้นแล้วกระบี่สวรรค์ที่แท้จริงอยู่บนยอดเขาที่สูงสุดนั่นยังไงเล่า!”
  “ที่ท่านลุงหกเก็บตัวเงียบฝึกวิชาเพียงลำพังอยู่นานถึงสามปีนั้นก็เพื่อที่จะควบคุมกระบี่ฟ้าเล่มนี้ ในเวลาสามปีไม่เพียงพลังบ่มเพาะจะแข็งแกร่งขึ้น แต่ยังสามารถสื่อสารกับกระบี่ฟ้าเล่มนี้ได้สำเร็จด้วย ดูท่าสำนักกระบี่เทียนซานที่ก่อตั้งมานานหลายร้อยปีนี้ คงจะมิต้องถึงคราวสิ้นชื่ออย่างที่กังวลอีกแล้ว..”
  “เวลานี้..ข้าก็จะได้เห็นเจ้าถูกกระบี่สวรรค์สังหาร จากนั้น.. อ๊าก!”
  แต่ยังมิทันจะกล่าวจบดีตี๋เสี่ยวเจินก็กรีดร้องออกมา พร้อมกับร่างที่ลอยละลิ่วก่อนจะตกลงกระแทกกับพื้นหมดสติในทันที
  “น่ารำคาญสิ้นดี!”
  เวลานี้หลิงหยุนรู้แล้วว่าผู้คุ้มภัยของตี๋เสี่ยวเจินนั้น แท้จริงก็คือลุงหกของนางนั่นเอง และกระบี่เล่มยักษ์นั้นก็คือกระบี่ฟ้า ที่คนผู้นี้ยังไม่ปรากฏตัว ก็เพราะกำลังพยายามควบคุมกระบี่ฟ้าอยู่นั่นเอง
  แต่จนกระทั่งเวลานี้ภายใต้จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุน ก็ยังไม่ปรากฏร่างของคนผู้นี้ อีกทั้งกระบี่ฟ้าก็ยังไม่ปรากฏให้เห็นด้วย..
  อีกฝ่ายจะมีพลังบ่มเพาะในขั้นใดกันแน่
  หลิงหยุนไม่อยากจะเชื่อว่าพลังบ่มเพาะของอีกฝ่ายจะอยู่เหนือขั้นก่อสร้างรากฐานแต่เขาก็รู้ว่าต่อให้อีกฝ่ายอยู่ในระดับสูงสุดของขั้นก่อสร้างรากฐาน หากจะควบคุมกระบี่ฟ้าเล่มนี้ คงต้องใช้ขุมกำลังทั้งหมดของตนที่มีอยู่เป็นแน่ หากเป็นเช่นนั้น ต่อให้อีกฝ่ายไม่ตายไปเสียก่อน ก็คงต้องใช้พลังปราณที่มีอยู่จนหมด และส่งผลกระทบต่อขั้นพลังของตนเอง แต่ทั้งหมดก็เป็นเพียงการคาดเดาของเขาเท่านั้น
  แต่หลิงหยุนก็หาได้มีเวลาครุ่นคิดนานนักเพราะเวลานี้กระบี่ฟ้าที่น่าสะพรึงกลัวค่อยๆ เผยออกมาให้เห็น รัศมีของกระบี่แผ่ปกคลุมร่างของหลิงหยุนไว้ในทันที แม้เขาจะโคจรดาราคุ้มกายขั้นสุดไว้ แต่ก็ถึงกลับเย็นยะเยือกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกของหลิงหยุนเวลานี้คงไม่ต่างจากคนธรรมดาที่ถูกมีดคมกรีดลงไปบนผิวหนัง
  แทบไม่ต้องสงสัยหากกระบี่ฟ้าเล่มนี้ก่อตัวสำเร็จเมื่อใด พลังบ่มเพาะของหลิงหยุนในขั้นนี้ ย่อมไม่สามารถต้านทานและหยุดกระบี่เล่มใหญ่อันน่าสะพรึงกลัวนี้ได้เป็นแน่ เกราะป้องกันของเขาคงต้องแหลกสะบั้นด้วยพลังของกระบี่สวรรค์เล่มนี้อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้
  เมื่อคิดได้เช่นนั้นหลิงหยุนก็ไม่รอช้า รีบจัดการเรียกหม้อเสินหนงออกมาทันที และเวลานี้หม้อเสินหนงก็ได้ลอยอยู่เหนือศรีษะของเขา รัศมีของกระบี่ฟ้าเมื่อครู่จึงถูกหม้อเสินหนงสะกัดไว้ได้ในทันที
  มือของหลิงหยุนยังคงกำด้านกระบี่สีเขียวเข้มซึ่งเป็นดวงตาค่ายกลกระบี่สวรรค์ไว้แน่นในขณะที่จิตหยั่งรู้จับจ้องอยู่ที่กระบี่เล่มใหญ่นั้น ก็ได้ทำการสื่อสารกับเย่ซิงเฉินซึ่งอยู่บนยอดเขาเทียนเฟิงผ่านกระบี่สวรรค์
  …..
  หน้าผาแห่งหนึ่งบนยอดเขาเทียนเฟิง..
  เวลานี้ทั้งเย่ซิงเฉินและฉินจิวยื่อต่างก็ได้ยินเสียงหิมะถล่มเช่นกันและรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรง ทั้งคู่ต่างก็มองเห็นกระบี่เล่มยักษ์ขนาดมหึมาปรากฏขึ้นบนยอดเขาเจงิชโชกูซู พวกนางทั้งตกใจและเป็นห่วงหลิงหยุนยิ่งนักเวลานี้!
  แต่ไม่นานนักเสียงของหลิงหยุนก็ดังขึ้น..
  “ท่านแม่..ซิงเฉิน.. พวกท่านทั้งสองไม่ถูกรัศมีของกระบี่ฟ้าครอบคลุมใช่หรือไม่”
  หลิงหยุนเป็นห่วงคนทั้งคู่ยิ่งนักหากหลิวเทวะวิญญาณไม่สามารถสะกัดกั้นรัศมีของกระบี่ฟ้าเล่มนี้ได้ ทั้งสองคนคงต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่งยวด หากทั้งคู่เป็นอะไรไป ต่อให้หลิงหยุนสังหารศัตรูอีกมากมายเท่าไหร่ ก็คงไร้ประโยชน์
  “เวลานี้ข้าสามารถควบคุมค่ายกลกระบี่สวรรค์ของสำนักกระบี่เทียนซานได้แล้วกระบี่ทุกเล่มล้วนควบคุมด้วยพลังจิตของข้า เจ้าเพียงแค่พูดเบาๆ ข้าก็สามารถได้ยิน”
  “พวกเรายังมิได้ถูกรัศมีของกระบี่สวรรค์ปกคลุมมีเพียงรัศมีที่สดชื่นของไม้ต้นนี้เท่านั้น และดูเหมือนว่าความสดชื่นของไม้ต้นนี้จะดีต่อท่านป้ามากด้วย..”
  เย่ซิงเฉินรีบตอบกลับไปทันทีหลังจากที่งุนงงอยู่ว่าเสียงของหลิงหยุนดังมาจากที่ใด และนางจะตอบหลิงหยุนที่อยู่ห่างไกลได้อย่างไร..
  “ซิงเฉินกระบี่สวรรค์เล่มยักษ์นี้คือกระบี่ฟ้า และควบคุมโดยลุงหกของตี๋เสี่ยวเจิน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เจ้ากับท่านแม่อย่าได้ออกนอกรัศมีของหลิวเทวะวิญญาณโดยเด็ดขาด!”
  หลิงหยุนเอ่ยย้ำเตือนด้วยความเป็นห่วงและกังวล..
  หลิวเทวะวิญญานต้นนี้เมื่อครั้งที่ฉกฉวยรางวัลของหนิงหลิงยู่นั้น มันยังสามารถต้านทานสายฟ้าเทวะที่แข็งแกร่งได้ ก็น่าจะสะกัดกั้นรัศมีของกระบี่ฟ้าเล่มนี้ได้เช่นกัน
  เวลานี้ทั้งเย่ซิงเฉินกับฉินจิวยื่อได้แต่จ้องมองไปทางเขาปฐพีพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นพร้อมกัน
  “หลิงหยุนแล้วเจ้าจะทำเช่นใด”
  “ท่านแม่..ซิงเฉิน.. ข้ามีหม้อเสินหนงคอยสะกัดกั้นรัศมีของกระบี่ฟ้าอยู่ พวกท่านอย่าได้เป็นห่วงไป!”
  ในระหว่างที่หลิงหยุนสื่อสารกับฉินจิวยื่อและเย่ซิงเฉินอยู่นั้นบนยอดเขามนุษย์ที่ยังคงมีศิษย์สำนักกระบี่เทียนซานหลงเหลืออยู่ และได้หนีไปรวมตัวกันอยู่ที่นั่น เดิมทีพวกเขาต่างก็รู้สึกสิ้นหวัง และกำลังรอรับชะตากรรมหลังจากที่เห็นหลิงหยุนสังหารเจ้าสำนักคนก่อน และทำลายวรยุทธของเจ้าสำนักคนปัจจุบัน
  แต่เมื่อเห็นกระบี่ฟ้าปรากฏขึ้นเช่นนี้แววตาของทุกคนก็เป็นประกายขึ้นมาทันที และเวลานี้ทุกคนต่างก็โห่ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ
  “พวกเรารอดแล้ว!”
  “ตำนานกระบี่เปิดภูผาดูท่าจะเป็นจริงที่ตั้งของสำนักกระบี่เทียนซานคือที่ที่ปรมาจารย์ฝังกระบี่ฟ้าไว้จริงๆ!”
  “ท่านผู้เฒ่าเฮ่ออี้ช่างแข็งแกร่งยิ่งนักสามารถสื่อสารกับกระบี่ฟ้าได้สำเร็จจริงๆด้วย!”   เหล่าศิษย์สำนักกระบี่เทียนซานที่รอดชีวิตมาต่างก็พากันโห่ร้อง และตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นใจยิ่ง