บทที่ 600 เหมือนสะใภ้สี่

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 600 เหมือนสะใภ้สี่

ก่อนกลับปักกิ่งหนึ่งวัน พวกเขาได้โทรศัพท์มาก่อนแล้ว เพื่อบอกอย่างชัดเจนว่าจะถึงเวลาใด

โจวเฉวี่ยนไปยืมรถของหวังหยวนสามีพี่สาวเขาขับรถยนต์มารอรับ

พวกเขามาก่อนครึ่งชั่วโมง แต่วันนี้รถไฟล่าช้าไปประมาณครึ่งชั่วโมง ซึ่งก็คือเขากับเจ้าสามโจวกุยหลายต้องนั่งรออยู่หนึ่งชั่วโมง

ถ้าบอกว่าไม่หนาวก็คงจะเป็นไปไม่ได้ แต่พอทั้งสองคนมองเห็นพ่อแม่ของพวกเขาที่สวมชุดขนเป็ดอุ้มน้องสาวของพวกเขาออกมา ร่างกายก็เหมือนจะอุ่นขึ้นมาแล้ว

พวกเขาเดินเข้าไปหาทันที แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็ถูกพ่อของเขากล่าวเตือน “รีบนำทางไป อย่าให้มี่มี่หนาว!”

“รถอยู่ไหนเหรอ?” หลินชิงเหอก็เอ่ยปากถามเช่นกัน

ไม่มีทางเลือก อยู่บนรถไฟค่อยดีกว่าหน่อย แต่พอออกมาข้างนอกแล้ว อากาศมันหนาวมากจริง ๆ

ตอนนี้เป็นช่วงเข้าสู่หน้าหนาวเต็มตัวของเมืองปักกิ่ง และสภาพตอนนี้ก็คือน้ำแข็งบนฟ้าหิมะบนดินจริงๆ

“ตามผมมาครับ” โจวเฉวี่ยนพูด

แล้วพวกเขาก็นำทางมาที่รถยนต์ พอได้ขึ้นมาบนรถจึงค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย

โจวเฉวี่ยนขับรถกลับบ้าน โจวกุยหลายนั่งอยู่เบาะหลังกับผู้เป็นพ่อ ส่วนหลินชิงเหอนั่งอยู่ข้างคนขับ

ดังนั้นเจ้าสามจึงมีโอกาสได้มองน้องสาวของเขาอย่างสะดวกขึ้น

“สวยจังเลย” เด็กหนุ่มอดชมออกมาไม่ได้

“เจ้ารองอย่าสนใจเขา ขับรถดี ๆ” หลินชิงเหอกล่าวเตือนสติเขา

“กลับบ้านค่อยดูก็ได้ครับผมไม่รีบหรอก” โจวเฉวี่ยนพยักหน้าพูด

“พ่อครับให้ผมอุ้มหน่อยสิ” โจวกุยหลายพูด

“รอไปก่อนเถอะ” โจวชิงไป๋พูดอย่างไม่สนใจ ลูกสาวของเขาตอนนี้กำลังนอนหลับอยู่ ให้เขาเป็นคนอุ้มเองจะดีกว่า

หลินชิงเหอยิ้มแล้วพูด “บางเวลาหล่อนก็จะร้องไห้ขึ้นมา อย่าทำให้หล่อนตกใจก็พอ”

“ผมไม่ทำหรอกครับ นี่เป็นสมบัติล้ำค่าของครอบครัวพวกเราเลยนะ” โจวกุยหลายพูด

คำพูดนี้โจวชิงไป๋รู้สึกพอใจไม่น้อย ส่วนหลินชิงเหอรู้สึกเหมือนว่าเธอต้องรับบทบาทเป็นแม่ที่เข้มงวดเสียแล้ว ไม่อาจให้คนพวกนี้ทำลูกสาวเธอเสียคนได้

ที่เซี่ยงไฮ้มีเพียงโจวชิงไป๋ เดิมทีขอเพียงลูกสาวเขาร้องขอเขาก็ทำให้หมด ตอนลูกสาวนอนร้องเรียกอยู่บนเตียง เขาก็รีบไปหาทันที

ตอนนี้กลับมาปักกิ่งแล้ว มีพี่ชายเยอะถึงเพียงนี้ หลินชิงเหอรู้สึกว่าตนจำเป็นต้องรับบทบาทแม่ผู้เข้มงวดจริง ๆ แล้ว

ในอนาคตเวลาสาวน้อยมี่มี่ถูกแม่สั่งสอนอย่างเข้มงวด ทุกวันจะต้องคอยหลบหลังพ่อและให้พวกพี่ชายของหล่อนปลอบแล้ว

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ไม่มีประโยชน์ ต่อให้หล่อนยิ่งใหญ่ขนาดภูเขาสูงพวกนั้นก็ไม่มีทางกล้าหือกับแม่ของหล่อนหรอก

พวกเขาขับรถพามากินข้าวด้วยกันกับท่านพ่อท่านแม่โจว ซึ่งตอนนี้ก็ใกล้จะถึงมื้อเย็นแล้วเช่นกัน พอรู้ว่าน้ากับน้าสะใภ้ได้พาน้องสาวกลับมา หู่จือกับกังจือสองพี่น้องที่ทำงานอยู่ก็ต้องรีบกลับมาก่อนเวลาเช่นกัน

คนในครอบครัวทั้งหมดมาอยู่ที่นี่พร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว และยังดีที่บ้านหลังนี้กว้างขวางพอ ไม่อย่างนั้นคนเยอะขนาดนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้นั่งเลย แค่ยืนก็ยังจะยืนไม่พอ

สองสามีภรรยาคู่นี้จากปักกิ่งไปราว ๆ 1 ปีแล้ว พอกลับมาก็ทำให้คนในครอบครัวพากันมาต้อนรับอย่างตื่นเต้น

สาวน้อยมี่มี่นอนมาตลอดทาง แต่ตอนนี้กลับตื่นขึ้นมาแล้ว พอเห็นคนแปลกหน้าพากันมาล้อมก็แทบตกใจร้องไห้ แต่ยังดีที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันคุ้นเคยของผู้เป็นพ่อ จึงไม่ได้ร้องออกมา แต่กลับเริ่มขยับชิดอ้อมกอดพ่อ ท่าทางนั้นคนที่มีประสบการณ์เพียงมองก็เข้าใจว่าเด็กน้อยหิวแล้ว

โจวชิงไป๋นำเด็กน้อยไปให้ภรรยาของเขา หลินชิงเหออุ้มแล้วพาเข้าไปในห้อง ส่วนโจวเสี่ยวเหมยเดินตามเข้ามาพูด “พี่สะใภ้สี่ดูแลรูปร่างตัวเองได้ดีเกินไปแล้วมั้งคะ? ไม่อ้วนเลยสักนิดเดียว พี่กินอย่างไรคะเนี่ย?”

ถึงแม้ว่าหลินชิงเหอจะสนิทกับหล่อน แต่ก็ยังเลือกที่จะหันหลังให้นมลูกสาวอยู่ดี “มีอะไรให้อิจฉาล่ะ พี่แค่กินน้อยไปหน่อย ไม่ได้มีวิธีกินอะไรเลย”

“ฉันควบคุมจิตใจแบบพี่สะใภ้สี่ไม่ได้แน่ค่ะ พอคลอดลูกแล้วความอยากอาหารของฉันก็ไม่ต่างกับโอ่งน้ำเลย หยุดไม่ได้เสียที” โจวเสี่ยวเหมยถอนหายใจพูด

ทุกครั้งที่หล่อนบอกว่าต้องลดน้ำหนักแล้ว ก็ไม่เคยจะทำสำเร็จสักครั้ง

หลินชิงเหอหัวเราะ “คนอย่างต้าหลินของเธอหายากนะ ในวันที่หิมะตกเขาก็สามารถนอนกอดเธอได้ เหมือนปุยฝ้ายสบายดีออก”

“เจ้าใหญ่บอกว่าปีนี้ก็จะกลับมาฉลองปีใหม่เหมือนกัน พวกเจ้ารองได้โทรศัพท์ไปบอกหรือยังคะ” โจวเสี่ยวเหมยพูด

“โทรมาบอกแล้วล่ะ” หลินชิงเหอพยักหน้าพูด

อีกสักพักเธอก็จะไปทำเนื้อตากแห้งเอาไว้ ถึงตอนที่ลูกชายกลับมาแล้วจะได้ให้เจ้าลูกชายเอากลับไปกินที่นั่นด้วย

เพียงให้โรงอาหารของโรงพยาบาลทหารเพิ่มมันเข้าไปในอาหารสักหน่อยก็จะอร่อยมากทีเดียว

จากนั้นโจวเสี่ยวเหมยก็พูดถึงชีวิตที่เซี่ยงไฮ้ “พี่ได้ญาติบุญธรรมครอบครัวหนึ่งด้วยใช่ไหมคะ?”

“อืม เสี่ยวเกิงเคยมาแล้ว เป็นเด็กที่ไม่เลวเลย” หลินชิงเหอพูด

“ไม่เลวเลยค่ะ แค่มองก็รู้ว่าเป็นเด็กสดใสร่าเริงคนหนึ่ง” โจวเสี่ยวเหมยพูด “คุณป้าเจียงคนนั้นก็คุยถูกคอกับคุณแม่ด้วย”

“ดูเหมือนว่าร่างกายของคุณแม่จะปกติแล้วใช่ไหม?” พูดถึงแม่สามีของเธอ หลินชิงเหอเลยถือโอกาสถามด้วยเลย

สำหรับลูกสาวตัวน้อยในอ้อมแขน เพิ่งจะกินนมอย่างหนักหน่วงเสร็จตอนนี้กำลังหยุดพักหายใจ และสักพักเธอก็ทำการกินต่อ ท่าทางแบบนั้นทำให้คนมองอยากจะยิ้มตามได้ไม่ยากจริง ๆ

พูดว่าหล่อนกำลังรีดน้ำนมสุดชีวิตก็น่าจะไม่ต่างกับที่เป็นอยู่นี่แล้ว

“ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับร่างกายคุณแม่หรอกค่ะ กับอีแค่เรื่องไร้สาระ มีคนอยู่เยอะตั้งขนาดนี้ ความจริงคุณแม่ไม่ต้องมีปฏิกิริยามากขนาดนั้นก็ได้ จนทำเรื่องที่ไม่ควรยุ่งมันวุ่นวายไปหมด” โจวเสี่ยวเหมยพูด

นี่ไม่ใช่การสร้างเรื่องวุ่นวายให้คนอื่นหรือ สวี่เชิ่งเฉียงอยู่นั่น แม่ของหล่อนอยู่ที่นี่ จริง ๆ เลย

“แค่คนไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ” หลินชิงเหอไม่ได้สนใจรายละเอียดมาก “กิจการร้านซาลาเปาเป็นอย่างไรบ้าง?”

“กิจการซาลาเปาก็เหมือนเดิมแหละค่ะ แต่ตอนนี้มีบะหมี่เนื้อแกะเพิ่มขึ้นมาด้วย กิจการถือว่าไม่เลวเลยค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยพูดด้วยรอยยิ้ม “น่าจะสามารถคืนเงินก้อนสุดท้ายได้แล้ว”

ครั้งก่อนหล่อนคืนไปแล้วส่วนหนึ่งแต่ก็ยังไม่หมด ครั้งนี้หล่อนน่าจะสามารถปลดหนี้กับพี่สะใภ้สี่ของหล่อนได้แล้ว

“คิดมากเรื่องนี้ไปทำไมกัน” หลินชิงเหอพูด

“เป็นหนี้ก็ต้องชดใช้ค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยยิ้มพูด “และอีกอย่างถ้าคืนแล้วฉันที่ไม่มีหนี้ก็จะได้รู้สึกตัวเบาสบายเสียที หลังจากนี้จะได้เก็บเงินกับต้าหลินไว้เป็นค่าเลี้ยงดูเจ้าสี่คนของเรา”

“คิดจะให้เรียนจบมหาวิทยาลัยสี่คนเหรอ?” หลินชิงเหอยิ้ม

“ฉันไม่กล้าคิดว่าพวกเขาจะเรียนจบมหาวิทยาลัยหมดทั้งสี่คนหรอกค่ะ แต่ถ้าพี่น้องสี่คนนี้อยากอ่านออกเขียนได้ ฉันกับต้าหลินก็จะสนับสนุนค่ะ!” โจวเสี่ยวเหมยพูด

หลินชิงเหอย่อมต้องเห็นด้วยเป็นธรรมดา แต่ว่ามันต้องใช้เงินจำนวนมาก เธอจึงแนะนำโจวเสี่ยวเหมยว่ารอให้มีการสร้างอาคารพาณิชย์ก่อน แล้วซื้อห้องไว้สักสองห้อง

อย่างไรเสียบรรดานักศึกษามหาวิทยาลัยในอนาคตยกเว้นบางคนก็ยังอยากดิ้นรนต่อสู้ให้ได้บ้านในสถานที่อย่างปักกิ่งนี้มา ไม่ว่าจะสู้มากี่รุ่นก็เป็นเรื่องยากด้วยกันทั้งนั้น

แต่ตอนนี้หลินชิงเหอไม่ได้พูดอะไรมากนัก หลังให้นมแม่หนูน้อยเสร็จก็ตบ ๆ ให้เรอออกมา จากนั้นจึงวางหล่อนไว้บนเตียงพร้อมกับตัวเธอเองก็นอนลงไปด้วย

เหตุที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพราะหากไม่ทำก็จะรู้สึกไม่ชิน

“หน้าตาดีนะคะเนี่ย ต่อไปจะต้องโตเป็นสาวสวยเหมือนพี่สะใภ้สี่แน่เลย” โจวเสี่ยวเหมยพูด

“ตอนเด็กหน้าตาดีก็จริง โตไปอาจจะไม่ใช่อย่างนั้นก็ได้นะ” หลินชิงเหอหัวเราะ

“ไม่เชื่อดูโหงวเฮ้งของหล่อนสิคะ ไม่มีตรงไหนต่างจากพี่เลยสักนิด” โจวเสี่ยวเหมยพูดด้วยความมั่นใจ

…………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

น้องมี่มี่กลายเป็นขวัญใจของทุกคนในบ้านโจวไปแล้ว แม่ต้องเตรียมตัวเป็นแม่เสือแล้วนะคะ มีคนรอสปอยล์น้องเยอะแน่ ๆ อย่างน้อยก็ผู้ชายในบ้านแม่แล้วสี่คน