ตอนที่ 1257

Alchemy Emperor of the Divine Dao

หลิงฮันฟังคำอธิบายเกี่ยวกับศิลาวิญญาณปฐพีจากเจ้ากระต่ายมาอย่างละเอียดแล้ว ดังนั้นเขาจึงบอกได้ทันทีว่านี่คือศิลาวิญญาณปฐพีเพียงแค่เหลือบมอง ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีขนาดเท่าฝ่ามือ

โดยทั่วไปแล้ว แค่ได้เจอศิลาวิญญาณปฐพีขนาดเท่านิ้วมือก็ถือว่าโชคดีแล้ว และถ้าเจอขนาดเท่ากับไข่ถือว่าโชคดีมาก แต่ศิลาวิญญาณปฐพีที่เขาเจอมีขนาดเท่ากับฝ่ามือ แม้แต่จอมยุทธระดับดาราก็ยังต้องหวั่นไหว

“ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะไม่ยืนอยู่ตรงนั้นและหยิบมันขึ้นมา แต่รีบออกไปจากที่นี่ทันที!” ทันใดนั้นเสียงของใครบางคนก็ดังเข้ามาในหูของหลิงฮัน ซึ่งแฝงไปด้วยความหนาวเย็นและจิตสังหารที่รุนแรง

หลังจากที่หลิงฮันออกมาจากหอคอยทมิฬ เขากวาดสายตามองหาต้นตอของเสียงและเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ไม่ไกลและกำลังจ้องมองศิลาวิญญาณปฐพีที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา

หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ทำไมข้าถึงหยิบมันขึ้นมาไม่ได้?”

“เพราะนั่นคือสิ่งที่ข้ากำลังตามหาอยู่ และถ้าเจ้าต้องการต่อสู้กับข้า คนที่ตายจะไม่ใช่ข้าแต่เป็นเจ้า!” ชายหนุ่มกล่าวด้วยเสียงที่เย็นชา

“โอ้ว นี่เจ้าคิดจะปล้นข้าอย่างนั้นรึ?” หลิงฮันถาม

ชายหนุ่มส่งเสียงหัวเราะอย่างเหยียดหยามและพูดว่า “ศิลาวิญญาณปฐพีไม่มีใครเป็นเจ้าของจนกว่าจะตกอยู่ในมือของคนใดคนหนึ่ง แล้วจะพูดว่าข้าปล้นเจ้าได้อย่างไร?”

หลิงฮันก้มลงไปเก็บศิลาวิญญาณปฐพีที่อยู่บนพื้นขึ้นมาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้มันอยู่ในมือของข้าแล้ว ข้าควรทำยังไงดี?”

ปากของชายหนุ่มคนนั้นกระตุก นี่ถือเป็นการยั่วยุเขาอย่างตั้งใจหรือไม่? เขาพูดว่า “จงบอกชื่อแซ่ของเจ้ามา อย่างน้อยเจ้าจะได้ไม่ตายอย่างไร้นามเมื่อถูกสังหารด้วยกระบี่ของข้า!”

ชายหนุ่มคนนี้ดูน่าสนใจอยู่เล็กน้อย

หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “แซ่ของข้าคือหนี่ นามว่าป้า”

“หนี่ป้า?” ชายหนุ่มพึมพัม ราวกับเหมือนเคยได้ยินมาจากที่ไหน แต่หลังจากที่เขาพึมพัมอยู่หลายครั้ง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที หนี่ป้าที่เจ้าพูดถึงหมายถึงพ่อของข้าอย่างนั้นรึ?

เจ้านี่กล้าเล่นคำกับข้าอย่างนั้นรึ!

“ก็ดี ข้าหยางจุนจะเป็นคนสังหารเจ้าเอง!” ชายหนุ่มปลดปล่อยจิตสังหารและกระโจนเข้าหาหลิงฮัน

หลิงฮันเก็บศิลาวิญญาณปฐพีและพูดว่า “ข้าแค่หยอกล้อเจ้าเล่น ทำไมเจ้าต้องจริงจังขนาดนั้นด้วย?”

ฉัวะ!

แสงกระบี่พุ่งตรงเข้าหาหลิงฮัน ความสำเร็จวิถีกระบี่ของชายหนุ่มคนนี้ถือว่าไม่ธรรมดา หลังจากที่ฟาดฟันกระบี่หลายครั้งก็เกิดรอยแตกของอากาศปรากฏขึ้น

หลิงฮันรีบใช้ทักษะย่างก้าวไล่ตามดารา ร่างของเขาหายแวบหายไปอย่างรวดเร็วและหลบการโจมตีเมื่อครู่ด้วยความเร็วสูง

ช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะรู้สึกตกตะลึง ทักษะลับของวิหคเพลิงอมตะไม่เพียงแค่ทำให้เขากำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านเท่านั้น แต่ยังทำให้เขามีความเร็วเพิ่มขึ้นด้วย แต่น่าเสียดายที่คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เน้นไปที่การขัดเกลากายหยาบและจิตวิญญาณ มิใช่ความเร็ว

หยานจุนแปลกใจ ความเร็วของอีกฝ่ายค่อนข้างรวดเร็วมาก

เขาเค้นเสียงและพูดว่า “ข้าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าถึงกล้าต่อสู้กับข้า แต่การต่อสู้มันยังไม่จบ!”

หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ที่นี่สนามรบสองดินแดน ข้าไม่อยากฆ่าเจ้าให้ตายอย่างสูญเปล่า อย่างน้อยเจ้าก็เป็นจอมยุทธที่ต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตจากดินแดนใต้พิภพ แต่ถ้าเจ้าไม่รู้ว่าต้องทำอะไร เช่นนั้นข้าจะเป็นคนส่งเจ้าไปเอง”

หยานจุนหัวเราะและพูดว่า “เจ้าแค่หลบกระบี่ของข้าได้ครั้งเดียวก็กล้าพูดจาใหญ่โตขนาดนี้ น่าขันสิ้นดี!”

หลิงฮันเองก็ส่งเสียงหัวเราะและพูดว่า “หรือว่าถ้าเสือตัวนี้ไม่ส่งเสียงร้องคำราม เจ้าจะคิดว่าข้าเป็นแมวป่วยหรือไม่?”

หยานจุนตั้งท่าและมีแสงสว่างปรากฏออกมาจากร่างกายของเขา เขายกกระบี่ลอยขึ้นสูงและมันก็ส่งเสียงหึ่งๆออกมาราวกับมีชีวิต

หลิงฮันรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะปล่อยการโจมตีระลอกใหญ่ออกมา แต่เขาก็ไม่ได้เข้าไปขัดขวางและเตรียมรับมือ

– หยางจุนเป็นแค่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้นชั้นสูง ซึ่งเหนือกว่าหลิงฮันเล็กน้อย ถ้าหลิงฮันเอาชนะไม่ได้ เขาก็คงพ่ายแพ้ตั้งแต่กระบวนท่าแรกแล้ว

“เจ้าเป็นคนที่บ้าบิ่นจริงๆ!” หยานจุนกล่าว หลังจากที่ดูดซับพลังจนเพียงพอ กระบี่ในมือของเขาก็ปลดปล่อยแสงสีดำออกมา ซึ่งดูแปลกประหลาดมาก

“ราคาที่เจ้ากล้าดูถูกข้าจะต้องจ่ายด้วยเลือดของเจ้า!” หยานจุนตะโกนและกระโจนพุ่งเข้าหาหลิงฮัน ฉัวะ เมื่อเขาฟาดฟันกระบี่ออกไป มันก็กลายเป็นสัตว์ร้ายสีดำ ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นตัวอะไร มันดูคล้ายกับเสือแต่มีหางปลา

สัตว์ร้ายตัวนั้นอ้าปากเพื่อกลืนกินหลิงฮัน ปากของมันดูมืดมิดมากราวกับสามารถกลืนกินได้ทั้งโลก

หลิงฮันไม่คิดหลบอีกต่อไป และสวนการโจมตีใส่ร้ายด้วยหมัดผสานกับอักขระศักดิ์สิทธิ์ทำให้หมัดของเขาส่องแสงสว่างอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา

ตู้ม!

สัตว์ร้ายถูกต่อยกระเด็นไปด้านหลังทันที และกลับสู่สภาพเดิมเป็นแสงกระบี่ก่อนที่จะลับหายไป

ช่วยไม่ได้ที่หยานจุนจะตกตะลึง การโจมตีเมื่อครู่คือการโจมตีสุดพลังของเขา และยังใช้ทักษะพันกระบี่มายาซึ่งทำให้การโจมตีของเขาทรงพลังขึ้นหลายเท่า แต่อีกฝ่ายกลับสลายการโจมตีของเขาได้ด้วยหมัดธรรมดา…นี่มันแข็งแกร่งเกินไปแล้ว

ในเมื่อสู้ไม่ได้ หยานจุนก็รีบส่งเสียงคำรามดังกังวาลไปทั่วทุกทิศทาง

ในไม่ช้าก็เกิดเสียงตอบรับจากระยะไกลและเริ่มมีคนแห่มาที่นี่ทีละคน

หลิงฮันอดที่จะหัวเราะไม่ได้และพูดว่า “เจ้าสู้ข้าไม่ได้เลยต้องการยืมมือจากคนอื่นอย่างนั้นรึ?”

สีหน้าของหยานจุนเปลี่ยนไปทันที เขาคิดเสมอว่าตัวเองเป็นอันดับหนึ่งหรือไม่ก็อันดับสองในหมู่จอมยุทธที่มีอายุใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม ทั้งที่เขาเพิ่งมาที่สนามรบสองดินแดนเป็นครั้งแรกเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ แต่ไม่คิดเลยว่าจะเจอกับคู่ต่อสู้ที่ไม่สามารถต่อกรด้วยได้

ทั้งที่อีกฝ่าย…มีระดับบ่มเพาะพลังต่ำกว่าเขา!

ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติเขาคงกำหมัดจากไปแต่โดยดี แต่ตอนนี้มันเกี่ยวข้องกับศิลาวิญญาณปฐพีที่มีขนาดเท่ากับฝ่ามือ ความล้ำค่าของมันไม่ต้องพูดถึง แล้วเขาจะกลับไปมือเปล่าได้อย่างไร?

ดังนั้น เขาจึงยอมเป็นคนหน้าด้านและตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจากสหายของเขา

หลังจากนั้นไม่นานก็มีกลุ่มคนห้าคนวิ่งมาจากทุกทิศทุกทาง เป็นชายสี่หญิงหนึ่งและมีระดับพลังตั้งแต่ระดับสุริยันจันทราขั้นต้นชั้นต้นไปถึงชั้นสูง

“ศิษย์น้องหยาน เกิดอะไรขึ้น?” ทั้งห้าคนถาม เพราะหยานจุนเพิ่งตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ

หยานจุนชี้ไปที่หลิงฮันและพูดว่า “เจ้านั่นมีศิลาวิญญาณปฐพีที่มีขนาดเท่ากับฝ่ามืออยู่กับตัว!”

เมื่อทั้งห้าคนได้ยิน สีหน้าของพวกเขาดูประหลาดใจและมีความสุข

ชายที่ดูเหมือนหัวหน้ากลุ่มยื่นมือออกไปที่หลิงฮันและพูดว่า “เจ้าจะช่วยส่งศิลาวิญญาณปฐพีให้ข้าได้หรือไม่ แล้วพวกเรานิกายเพลิงไพศาลจะไม่รายงานเรื่องที่เกิดขึ้น”

หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ข้าขอตั้งเงื่อนไข ถ้าข้าส่งศิลาวิญญาณปฐพีให้กับเจ้า”

ทั้งหกคนมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข จากท่าทีของหลิงฮันดูเหมือนพวกเขาจะต่อรองด้วยได้

“น้องชาย เจ้าสามารถพูดเงื่อนไขของเจ้าออกมาได้เลย” ชายที่เป็นหัวหน้ากลุ่มกล่าว

หลิงฮันคิดอยู่ชั่วครู่และพูดว่า “เงื่อนไขของข้านั้นง่ายมาก ข้าต้องการผลึกก่อเกิดหรือแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์เป็นการแลกเปลี่ยน”

อย่างไรก็ตาม ศิลาวิญญาณปฐพีก้อนนี้ถือว่าเป็นสมบัติของเขา ซึ่งเขาจะขายให้ใครหรือจะนำไปแลกเปลี่ยนอะไรก็ได้

“ตกลง!” ชายที่เป็นหัวหน้ากลุ่มตอบกลับอย่างไม่ลังเลและพูดว่า “น้องชาย เจ้าจะช่วยนำศิลาวิญญาณปฐพีออกมาให้ข้าได้เห็นขนาดของมันได้หรือไม่?”