บทที่ 1426 : ตายสิ้น!
  “โฮ่วเอ๋อ..เจ้าหลบไป!”
  ตี๋เฮ่ออี้เห็นกระบี่ใหญ่โตพุ่งเข้าใส่ร่างของตี๋ชิงโหวเช่นนั้นจึงได้ร้องตะโกนสั่งให้เขาหลบหนีไปให้ห่าง แต่ก็มิได้มีท่าทีตระหนกตกใจแต่อย่างใด จากนั้นจึงใช้พลังจิตควบคุมกระบี่เหินของตนให้พุ่งเข้าไปสะกัดไว้
  กระบี่เหินเล่มนี้เป็นสีแดงทั้งเล่มตัวกระบี่มิได้ใหญ่โตอะไรมากนัก มีความยาวเพียงแค่สามฟุตดังเช่นกระบี่ธรรมดาทั่วไป แต่พลังปราณรอบตัวกระบี่นั้นช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!
  กระบี่เหินของตี๋เฮ่ออี้พุ่งทะยานเข้าปะทะกับกระบี่เล่มใหญ่ของหลิงหยุนที่พุ่งเข้าใส่ร่างของตี๋ชิงโหวทันที
  ตูม!
  กระบี่เหินสีแดงของตี๋เฮ่ออี้พุ่งทะลุกระบี่ใหญ่ของหลิงหยุนจนกลายเป็นรูโหว่นับว่าพลังจู่โจมในขั้นก่อสร้างรากฐานของตี๋เฮ่ออี้นั้นรุนแรง และแข็งแกร่งยิ่งนัก สามารถทะลวงกระบี่ที่เกิดจากการหลอมรวมของกระบี่ลมปราณหลายเล่มเช่นนี้ได้ อีกทั้งยังสามารถสะกัดกั้นความเร็วของกระบี่เล่มใหญ่ไว้ได้อีกด้วย..
  หลังจากที่ตี๋เฮ่ออี้สะกัดกระบี่เล่มใหญ่ของหลิงหยุนไว้ได้แล้วเขาก็มิได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น กระบี่เหินสีแดงยังคงบินว่อนกลับไปกลับมา ตัดกระบี่เล่มใหญ่ของหลิงหยุนอย่างไม่ปราณี ในที่สุดกระบี่เล่มใหญ่นั้นก็ถูกกระบี่เหินสีแดงกระหน่ำฟันจนขาดสะบั้นแตกออกเป็นเสี่ยง ทำให้หลิงหยุนไม่สามารถควบคุมสั่งการได้อีก
  “หึ..คิดจะใช้ค่ายกลกระบี่สวรรค์ของสำนักกระบี่เทียนซานมาเล่นงานข้างั้นรึ หลิงหยุน เจ้ายังอ่อนหัดเกินไป อย่าลืมว่าข้าก็เป็นคนของสำนักกระบี่เทียนซาน!
  หลังจากที่ทำลายกระบี่เล่มใหญ่ของหลิงหยุนที่จู่โจมเข้ามาได้แล้วตี๋เฮ่ออี้ก็ร้องตะโกนเย้ยหยันด้วยน้ำเสียงเย็นชา
  แม้ตี๋เฮ่ออี้จะกล่าววาจาเย้ยหยันหลิงหยุนไปเช่นนั้นแต่ภายในใจกลับแอบตกตะลึงที่หลิงหยุนสามาถควบคุมค่ายกลกระบี่สวรรค์ได้ อีกทั้งหลิงหยุนยังอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชี่ แต่กลับสามารถควบคุมค่ายกลกระบี่สวรรค์ ให้มีพลังในการทำลายล้างได้สูงจนน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้
  ตี๋เฮ่ออี้เก็บตัวฝึกฝนวิชาอยู่นานกว่าสามปีและสามารถเข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐานระดับสูงสุดได้ แม้เขาจะมิอาจมองเห็นขั้นพลังบ่มเพาะที่แท้จริงของหลิงหยุนได้ แต่ก็สามารถประเมินได้จากการประมือกับหลิงหยุนในครั้งนี้ เขาเชื่อว่าหลิงหยุนยังไม่น่าเข้าสู่ด่านสุดท้ายขั้นพลังชี่ด้วยซ้ำไป
  เหตุใดตี๋เฮ่ออี้จึงต้องตกใจอย่างนั้นหรือ
  นั่นเพราะเวลานี้หากประเมินจากพลังความแข็งแกร่งของค่ายกลกระบี่สวรรค์ที่ควบคุมโดยหลิงหยุนนั้น ความแข็งแกร่งของเขากลับเทียบเท่าผู้บ่มเพาะในขั้นก่อสร้างรากฐานเลยทีเดียว!
  ตี๋เฮ่ออี้สามารถสัมผัสได้ว่ากระบี่สวรรค์เล่มใหญ่ของหลิงหยุนนั้น สามารถหั่นร่างของยอดฝีมือขั้นก่อสร้างรากฐานได้ง่ายราวกับผักปลาเลยทีเดียว
  ด้วยเหตุนี้เขาจึงเลือกที่จะทำลายกระบี่สวรรค์ของหลิงหยุนทิ้งเสียอีกทั้งกระบี่เหินสีแดงเล่มนี้ก็เป็นกระบี่วิญญาณซึ่งมีจิตใจเชื่อมต่อกับดวงจิตของตี๋เฮ่ออี้ เขาจึงรู้ว่ามันไม่ยอมที่จะถอนกลับแน่หากมิได้ทำลายกระบี่สวรรค์ทิ้งเสีย
  เวลานี้พลังจิตเกือบทั้งหมดของตี๋เฮ่ออี้นั้น ใช้ไปกับการควบคุมกระบี่ฟ้าเล่มยักษ์ และนี่คือกระบี่ที่เขามุ่งใช้เพื่อสังหารหลิงหยุนโดยเฉพาะ
  “นับว่าพลังในขั้นก่อสร้างรากฐานของเจ้านั้นยากที่จะรับมือจริงๆ!”
  ที่หลิงหยุนร้องตะโกนออกไปก่อนหน้าว่าจะสังหารตี๋ชิงโหวนั้นก็เพื่อที่จะดึงให้ตี๋เฮ่ออี้ชิงลงมือก่อน เขาจะได้ทดสอบพลังที่แท้จริงของตี๋เฮ่ออี้นั่นเอง
  และผลก็คือกระบี่สวรรค์ของเขากลับถูกตี๋เฮ่ออี้ทำลายได้อย่างง่ายดาย..
  ‘ตี๋เฮ่ออี้ผู้นี้มีขั้นพลังที่สูงส่งมากเกินไปอีกทั้งยังคุ้นเคยกับค่ายกลกระบี่สวรรค์ดียิ่ง ดูท่าข้าคงมิอาจใช้ค่ายกลนี้จัดการกับเขาได้เป็นแน่!’
  หลิงหยุนฉุกคิดขึ้นได้ในทันทีแล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา เขาตัดสินใจดึงกระบี่สีเขียวเข้มนั้นออกจากบริเวณดวงตาค่ายกลทันที!
  ครืน..
  ทันทีที่หลิงหยุนดึงกระบี่สีเขียวออกจากดวงตาค่ายกลยอดเขาทั้งสามก็สั่นสะเทือนขึ้นมาทันที แล้วกระบี่ใหญ่อีกสองเล่มตรงหน้าหลิงหยุนก็สั่นอย่างรุนแรง ก่อนจะหายวับไปกับตา ราวกับว่ามันไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
  “ไม่ได้การแล้ว..”
  ตี๋เฮ่ออีถึงกับหน้าเปลี่ยนสีดวงตาเบิกโพลงพร้อมกับร้องตะโกนออกไปเสียงดัง “หลิงหยุน นี่เจ้ากล้าทำลายค่ายกลกระบี่สวรรค์ที่ปกป้องสำนักกระบี่เทียนซานของข้ามาช้านานเชียวรึ”
  และนี่คือค่ายกลที่ปกป้องและอยู่คู่สำนักกระบี่เทียนซานมาช้านาน แต่กลับถูกหลิงหยุนทำลายทิ้งในชั่วพริบตาเช่นนี้ มีหรือที่ตี๋เฮ่ออี้จักไม่เดือดดาลใจ และโกรธแค้นยิ่ง
  การทำลายค่ายกลกระบี่สวรรค์ย่อมเท่ากับทำรายรากฐานที่สำนักกระบี่เทียนซานก่อสร้างมาร่วมสามร้อยปีเลยทีเดียว!
  “หากข้าไม่ทำลายมันทิ้งจะรอให้เจ้าใช้มันสังหารข้างั้นรึ”
  หลิงหยุนเหาะขึ้นไปบนท้องฟ้าในขณะที่ปากก็ร้องตะโกนบอกตี๋เฮ่ออี้ในเวลาเดียวกันก็เรียกกระบี่เล่มใหญ่สีเขียวเข้มนั้นเข้าไปไว้ในแหวนจักรวาลของตน
  นี่คือดวงตาค่ายกลกระบี่สวรรค์เลยทีเดียวแม้ค่ายกลจะใช้งานมิได้แล้ว แต่หลิงหยุนก็ไม่ต้องการที่จะทิ้งมันไป อย่างน้อยก็ยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์อื่นได้
  ในเมื่อไม่อาจพึ่งพาค่ายกลได้แล้วเวลานี้หลิงหยุนจึงต้องพึ่งพาตัวเอง เขาเรียกอาวุธวิเศษทั้งสี่ชิ้นกลับเข้าไปแล้ว ในมือจึงเหลือเพียงแค่กระบี่โลหิตเทวะ และหม้อเสินหนงที่ลอยอยู่เหนือศรีษะเท่านั้น
  จากนั้นร่างของหลิงหยุนก็เหาะตรงเข้าไปตี๋เฮ่ออี้อย่างไม่นึกเกรงกลัวและเพียงแค่พริบตาเดียวหลิงหยุนก็ไปยืนประจันหน้าอยู่กับตี๋เฮ่ออี้แล้ว
  เวลานี้กระบี่ฟ้าของตี๋เฮ่ออี้ได้ลดขนาดลงเหลือเพียงแค่สองร้อยเมตรเท่านั้นซึ่งเป็นขนาดหนึ่งในห้าส่วนของขนาดกระบี่ฟ้าที่แท้จริง แต่รัศมีที่พวยพุ่งออกจากกระบี่ฟ้านั้นกลับมีพลังที่รุนแรงยิ่ง แม้แต่หลิงหยุนที่มีหม้อเสินหนงคอยคุ้มกันอยู่ ยังสัมผัสได้ถึงพลังปราณที่แข็งแกร่งน่าสะพรึงยิ่งของกระบี่ฟ้าเล่มนี้
  “เจ้าเตรียมตัวตาย!”
  ด้วยเวลาที่จำกัดของวิชาพลังมังกรหลิงหยุนจึงไม่อาจรอคอยได้อีก เขาจึงต้องเป็นฝ่ายจู่โจมตี๋เฮ่ออี้ในทันที
  “หลิงหยุนเจ้ารนหาที่แล้ว!”
  ตี๋เฮ่ออี้ร้องตะโกนตอบกลับไปอย่างเดือดดาลยิ่งกระบี่ในมือของเขาตวัดไปมา แล้วกระบี่เหินสีแดงก็พุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนทันที
  ฟิ้ว..ตูม..
  หม้อเสินหนงช่างอัศจรรย์ยิ่งนักทันทีที่กระบี่เหินสีแดงพุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงหยุน แสงสีม่วงสว่างไสวก็พวยพุ่งออกจากหม้อเสินหนงเข้าปกคลุมร่างของหลิงหยุนไว้ทันที และช่วยปกป้องเขาจากกระบี่เหินสีแดงที่กำลังพุ่งตรงเข้ามา
  กระบี่เหินสีแดงพุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่กลับถูกแสงสีม่วงสว่างนั้นสะกัดกั้นไว้ จนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวจากการปะทะดังไปทั่วท้องฟ้า
  “นั่น..นั่นมัน.. หม้อเสินหนง!”   ตี๋เฮ่ออี้ถึงกับชะงักไปครู่หนึ่งพร้อมกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง จากนั้นจึงเปลี่ยนมาใช้กระบี่ฟ้าเล่มยักษ์จู่โจมหลิงหยุนแทนทันที
  ครืน..ครืน..
  กระบี่ฟ้าเริ่มขยับเขยื้อนแม้ตัวกระบี่จะใหญ่โตมโหฬาร แต่กลับเคลื่อนที่ได้รวดเร็วยิ่งกว่ากระบี่เหินสีแดงเสียอีก อีกทั้งพลังปราณที่พวยพุ่งออกมานั้นยังแข็งแกร่งอย่างน่าสะพรึงกลัว มันปราดพุ่งออกมาเพียงแค่พริบตาเดียว ก็มาปรากฏอยู่ต่อหน้าของหลิงหยุนแล้ว!
  ตูม!
  แต่หม้อเสินหนงกลับเร็วกว่า!และไม่ต้องรอให้หลิงหยุนสั่งการใดๆ หม้อเสินหนงก็พุ่งเข้าสะกัดกั้นพลังที่รุนแรงของกระบี่ฟ้าไว้ได้ก่อน!
  ตูม..ปัง..
  เสียงกระบี่ฟ้ากับหม้อเสินหนงปะทะกันสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งท้องนภาไม่ว่ากระบี่ฟ้าจะพุ่งไปทางใด หม้อเสินหนงก็จะตามไปสะกัดกั้นไว้ได้ทันเวลา เวลานี้ปลายกระบี่ฟ้ายังคงทะยานพุ่งทิ่มแทงเข้าใส่หม้อเสินหนงไม่หยุด
  แต่ถึงแม้หม้อเสินหนงจะสามารถสะกัดกั้นกระบี่ฟ้าที่แข็งแกร่งยิ่งไว้ได้แต่เวลานี้ร่างของหลิงหยุนก็มิได้อยู่ภายใต้ร่มเงาของหม้อเสินหนงแล้ว รัศมีปราณที่รุนแรงของกระบี่ฟ้าจึงได้กระทบเข้ากับร่างของหลิงหยุนเต็มๆ รัศมีปราณที่ปะทะเข้ากับร่างของหลิงหยุนนั้น ประหนึ่งเศษแก้วคมกริบที่พุ่งเข้าตัดเสื้อผ้าของเขาจนขาดวิ่น
  และเวลานี้ร่างของหลิงหยุนจึงเกิดบาดแผลอยู่เต็มไปหมด โลหิตสีแดงได้ไหลหยอดออกมาทั่วร่าง แต่หลิงหยุนก็หาได้ใส่ใจไม่ ร่างของเขากลับเหาะตรงเข้าไปหาตี๋เฮ่ออี้อย่างรวดเร็ว
  เวลานั้นตี๋เฮ่ออี้ได้แต่เฝ้ามองกระบี่ฟ้าที่ปะทะกับหม้อเสินหนง ภายในใจกลับนึกประหวั่นพรั่นพรึงในความแข็งแกร่งของหม้อเสินหนงไม่น้อย แต่เมื่อเห็นหลิงหยุนพุ่งเข้ามาเช่นนี้ จึงรีบควบคุมกระบี่เหินสีแดงให้พุ่งเข้าใส่ร่างของเขาในทันที!
  หลิงหยุนเรียกกระบี่กังฉีและตราหยกจักรพรรดิออกมาสะกัดกั้นกระบี่เหินของตี๋เฮ่ออี้ไว้ในขณะที่ตัวเขาเองยังคงเหาะเข้าไปหาตี๋เฮ่ออี้ ซึ่งเวลานี้อยู่ห่างไปไม่ถึงหนึ่งร้อยเมตร
  “ผู้เฒ่าหกอย่าให้หลิงหยุนเข้าใกล้ตัวได้เด็ดขาด กระบี่ในมือของเขาสามารถทำร้ายท่านได้!”
  หลังจากที่หลิงหยุนได้ทำลายค่ายกลกระบี่สวรรค์ไปแล้วเหล่าอาวุโสของสำนักกระบี่เทียนซานที่ยังไม่ถูกสังหาร ก็รีบเหาะตามเหอเทียนอี้ขึ้นไปพร้อมกับร้องตะโกนบอกในทันที
  “อะไรนะ!”
  ตี๋เฮ่ออี้เหลือบมองกระบี่โลหิตเทวะที่แข็งแกร่งในมือของหลิงหยุนเขาสัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งและน่าสะพรึงกลัวของมันได้ในทันที จึงรีบเหาะถอยหลังหนีอย่างรวดเร็ว
  ด้วยความเร็วในการเหาะที่เร็วกว่าเสียงถึงแปดเท่าระยะทางร้อยเมตรหลิงหยุนจึงไม่คิดที่จะเหาะตามไป
  “ข้าคร้านที่จะตามไปฆ่าเจ้า!”
  หลิงหยุนร้องตะโกนเย้ยหยันพร้อมกับหมุนตัวกลางอากาศ เบนเป้าหมายไปที่ตี๋ชิงโหวแทนทันที
  “ท่านปู่หกช่วยข้าด้วย!”
  ตี๋ชิงโหวถึงกับตกตะลึงทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไป ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตั้งตัว หลิงหยุนก็เหาะมาอยู่ตรงหน้าตนเองแล้ว จึงได้แต่ร้องตะโกนของความช่วยเหลือ
  “หลิงหยุนเจ้ากล้ารึ”
  ตี๋เฮ่อหมิงถูกสังหารตี๋เสี่ยวเจินถูกทำลายวรยุทธ เวลานี้ตระกูลตี๋เหลือสายเลือดอยู่เพียงแค่คนเดียวเท่านั้นคือตี๋ชิงโหว
  ตี๋เฮ่ออี้รู้ตัวดีว่าการควบคุมกระบี่ฟ้าของตนในครั้งนี้ เป็นการใช้พลังบ่มเพาะที่เกินกำลังของตนเอง ผ่านไปครึ่งชั่วโมงขั้นพลังของเขาจึงตกลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าขั้นก่อสร้างรากฐาน แต่เขาก็จำเป็นที่จะต้องรักษาชีวิตของตี๋ชิงโหวไว้
  หลิงหยุนได้แต่แอบหัวเราะในใจเขาผ่านการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน เรียกว่าเป็นปรมาจารย์ด้านการรบเลยก็ได้ มีหรือที่จะจับจุดอ่อนของตี๋เฮ่ออี้ไม่ได้!
  ฟิ้ว..
  ร่างของตี๋เฮ่ออี้พุ่งเข้ามาขวางหน้าตี๋ชิงโหวไว้ทันทีพร้อมกับกระบี่เหินสีแดงที่ปราดพุ่งเข้าสะกัดกั้นการจู่โจมของหลิงหยุนไว้ได้อย่างรวดเร็ว
  “เจ้าหลงกลข้าแล้ว!”หลิงหยุนกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
  จากนั้นกระบี่โลหิตเทวะสีแดงในมือของหลิงหยุนก็ตวัดไปมาอยู่ตรงหน้าตี๋เฮ่ออี้อย่างรวดเร็ว ปรากฏเป็นม่านกระบี่สีแดงสว่างเจิดจ้า และได้ทำลายกระบี่เหินของตี๋เฮ่ออี้จนขาดสะบั้น
  ในเมื่อไร้ซึ่งกระบี่เหินคอยปกป้องกระบี่โลหิตเทวะในมือของหลิงหยุนจึงสามารถฟันเข้าใส่ร่างของตี๋เฮ่ออี้ได้ แต่หลิงหยุนก็ทำได้เพียงแค่ทำให้ตี๋เฮ่ออี้ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น มิอาจสังหารเขาได้ในทันที
  แต่เพียงเท่านั้นก็นับว่าประสบความสำเร็จมากแล้วเพราะนั่นทำให้หลิงหยุนสามารถเข้าใกล้ร่างของตี๋เฮ่ออี้ได้มากขึ้น และกระบี่โลหิตเทวะในมือของเขา ก็ได้กระหน่ำฟันเข้าใส่ร่างของตี๋เฮ่ออี้อีกหลายครั้ง
  ชัวะ..ชัวะ.. ชัวะ..
  หลิงหยุนร่ายรำเพลงกระบี่นวสังหารเข้าใส่ตี๋เฮ่ออี้รับได้เพียงแค่สามกระบวนท่าเท่านั้น จากนั้นบาดแผลมากมายก็ปรากฏขึ้นเต็มร่างของเขา
  นวสังหาร!
  มือทั้งสองข้างของหลิงหยุนกำด้ามกระบี่โลหิตเทวะไว้แน่นจากนั้นม่านกระบี่สีแดงก็พุ่งเข้าใส่ร่างของตี๋เฮ่ออี้เป็นครั้งสุดท้าย
  ร่างของตี๋เฮ่ออี้ถูกตัดขาดออกเป็นสองท่อนศรีษะแยกออกจากร่างในทันที!
  ฟิ้ว…
  หลังจากสังหารตี๋เฮ่ออี้แล้วหลิงหยุนก็เหาะตามร่างของตี๋ชิงโหวไปทันที เขาเหาะหนีราวกับคนคลุ้มคลั่ง
  ระหว่างที่หลิงหยุนกับตี๋เฮ่ออี้ประมือกันอยู่นั้นตี๋ชิงโหวก็ได้ฉวยโอกาสเหาะหนีไปได้ไกลกว่าหนึ่งหมื่นเมตร แต่ด้วยความเร็วในการเหาะของหลิงหยุนนั้น เพียงแค่ไม่กี่อึดใจเขาก็สามารถเหาะตามได้ทัน
  “หลิงหยุนไว้ชีวิตข้าด้วย”ตี๋ชิงโหวร้องขอความเมตตา
  “ไว้ชีวิตเจ้าเจ้าอย่าได้ฝันไปเลย!”
  เวลานี้ร่างของหลิงหยุนเปียกโชกไปด้วยโลหิตสีแดงจึงดูประหนึ่งเทพสังหาร..
  “ข้า..ข้าเป็นลูกของหนิงเทียนหยา.. เป็นพี่ชายต่างมารดาของหนิงหลิงยู่.. เจ้า.. เจ้ากล้าฆ่าข้างั้นรึ”
  เพื่อรักษาชีวิตของตนเองไว้ตี๋ชิงโหวถึงกับอ้างหนิงเทียนหยาและหนิงหลิงยู่ขึ้นมาทันที!
  “อ่อ..ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินเจ้าตะโกนด่าพ่อตัวเองปาวๆ เวลานี้กลับอ้างท่านลุงหนิงเป็นพ่อเพื่อให้ตัวเองรอดชีวิต เจ้ามันช่างไร้ยางอายสิ้นดี!”
  หลิงหยุนได้แต่คิดว่าตี๋เสี่ยวเจินเลี้ยงลูกชายจนเสียคน และกลายเป็นคนที่ไร้มนุษยธรรมไม่ต่างจากตนเอง..
  “เสียใจด้วย..นั่นจะเป็นคำพูดประโยคสุดท้ายของเจ้า หากเจ้าอยากจะขอโทษพ่อของเจ้า ก็ไปขอโทษเขาในปรโลกก็แล้วกัน!”
  จากนั้นกระบี่เหินเงาธนูก็พุ่งตรงเข้าใส่กึ่งกลางหว่างคิ้วของตี๋ชิงโหวในทันที!