บทที่ 1799 หมาป่าตาขาว
เยี่ยหวันหวั่นมองเยี่ยหงเหวยด้วยสายตาไม่แยแส ไม่มีอารมณ์ใดๆ แสดงออกมาทั้งสิ้น
“น้องสาว เธอพูดแบบนั้นกับคุณปู่ได้ยังไง…”
ทันใดนั้น เยี่ยอีอีจ้องเยี่ยหวันหวั่นพลางขมวดคิ้วพูด
เกี่ยวกับสถานะของเยี่ยหวันหวั่น บรรดาศิลปินและนักข่าวจากสื่อต่างๆ ทุกคนนั้นรู้ดีว่าเยี่ยหวันหวั่นเป็นหลานสาวของเยี่ยหงเหวย ย่อมเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเยี่ยเช่นกัน
“ไม่เลวนี่ เยี่ยหวันหวั่น เธอเป็นเจ้าของของบริษัทซิงเฉิน และเป็นคนตระกูลเยี่ยด้วย ว่ากันตามหลักแล้ว บริษัทซิงเฉินก็ถือว่าเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งของตระกูลเยี่ยเหมือนกัน ตอนนี้ที่เธอทำแบบนี้ ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะทำให้คุณปู่โกรธหรอกเหรอ” กู้เยว่เจ๋อที่อยู่ข้างๆ เยี่ยอีอีเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของกงซวี่ เจียงเยียนหราน และคนอื่นๆในกลุ่มของผู้ชม ต่างก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง พวกเขาเคยเห็นคนไร้ยางอาย แต่ไม่เคยเห็นคนไร้ยางอายถึงขนาดนี้มาก่อน แม้แต่คำพวกนี้ยังกล้าพูดออกมาได้?!
“คนตระกูลเยี่ยเหรอ ใครบอกว่าฉันเป็นคนตระกูลเยี่ย” เยี่ยหวันหวั่นส่งยิ้มอ่อนในทันที
“แก บังอาจ ต่อให้แกไม่ใช่คนของตระกูลเยี่ย แกก็ถอนหุ้นไม่ได้เด็ดขาด แกกำลังละเมิดสัญญา!” เยี่ยหงเหวยโกรธจนตัวสั่น
“ผู้อาวุโสเยี่ย โปรดระวังคำพูดด้วยครับ ไม่งั้น ผมจะเรียกรปภ.มาพาตัวคุณออกไป” ประธานหลี่ที่อยู่บนบนเวทีกล่าวอย่างเย็นชา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ประธานโจวกับประธานหลี่มีความสามารถจนได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าของซิงเฉินเอ็นเตอร์เทนเมนต์ได้ เฉลียวฉลาดเช่นนี้ย่อมรับรู้ถึงทัศนคติของเยี่ยหวันหวั่นที่มีต่อตระกูลเยี่ย ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะแสดงตัวตนออกมาต่อหน้าบอสใหญ่!
ในเมื่อมีโอกาสได้แสดงออก พวกเขาจะปล่อยมันไปได้อย่างไร!
“บริษัทซิงเฉินของพวกเราสามารถชดใช้ค่าเสียหายได้” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยขึ้นเบาๆ
“ประธานเยี่ยครับ ผมจะติดต่อทนายในวันพรุ่งนี้ จากนั้นจะคำนวณค่าเสียหายทั้งหมดที่ต้องชำระแล้วโอนไปให้ทันที” ประธานโจวรีบตอบกลับ
“แก…”
เยี่ยหงเหวยชี้ไปที่เยี่ยหวันหวั่น จากนั้นก็ทรุดตัวลงบนเก้าอี้ หวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ที่เขาใช้ความพยายามฟูมฟักมาตลอดทั้งชีวิต…
“แน่นอน ฉันก็ไม่ใช่คนไร้หัวใจนะ ซิงเฉินเอ็นเตอร์เทนเมนต์ของพวกเราก็สนใจที่จะซื้อกิจการของหวงเทียนเช่นกัน ถ้าพวกคุณเต็มใจ” เยี่ยหวันหวั่นกล่าว
“แกคิดจะซื้อกิจการหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์งั้นเหรอ… แกฝันไปเถอะ!” เยี่ยหงเหวยกล่าวอย่างโกรธแค้น
“ก็แล้วแต่พวกคุณ” เยี่ยหวันหวั่นยักไหล่เมื่อฟังจบ
เยี่ยหวันหวั่นไม่สนใจเยี่ยหงเหวยและคนอื่นๆ อีก หันกลับไปมองเหยาเจียเหวินที่อยู่ไม่ไกล
“ฉันสร้างจูเสินสือไต้ขึ้นมากับมือ ช่วงก่อนหน้านี้ ฉันมีเหตุผลส่วนตัวทำให้ต้องออกจากประเทศจีน แต่เหยาเจียเหวินกลับอาศัยช่วงที่ฉันไม่อยู่ยักยอกเงินทั้งหมดของจูเสินสือไต้ และบอกคนอื่นว่าฉันหอบเงินของจูเสินสือไต้หนีไป” เยี่ยหวันหวั่นพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ
เมื่อเยี่ยหวันหวั่นพูดจบ เหยาเจียเหวินก็หน้าถอดสี รีบลุกขึ้นยืนเพื่อแก้ตัวกับสื่อทันที “ไม่จริง เยี่ยไป๋ใส่ร้ายฉัน ฉันจะยักยอกเงินจูเสินสือไต้ได้ยังไง…เป็นเยี่ยไป๋ต่างหาก…”
“ฉันเหรอ?”
เยี่ยหวันหวั่นจ้องเหยาเจียเหวิน มุมปากยกสูงขึ้นเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มที่ยากจะอธิบาย “เธอจะบอกว่าในฐานะเจ้าของบริษัทซิงเฉิน ฉันไม่เกรงกลัวกฎหมายและยักยอกเอาทรัพย์สินเล็กๆ น้อยๆ ของจูเสินสือไต้ไป เธอหมายถึงแบบนี้หรือเปล่า”
ทันใดนั้นก็เกิดดังเสียงเซ็งแซ่ขึ้นทั่วทั้งบริเวณ
แค่ตัวเลขทรัพย์สินของซิงเฉินเอ็นเตอร์เทนเมนต์ก็น่าสะพรึงกลัวมากพอแล้ว และซิงเฉินเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ฃเป็นเพียงอุตสาหกรรมหนึ่งภายใต้บริษัทซิงเฉินเท่านั้น ทรัพย์สินของบริษัทซิงเฉินทั้งหมดนั้น…
เยี่ยไป๋ดำรงตำแหน่งเป็นบอสของซิงเฉิน แต่กลับยักยอกเงินของจูเสินสือไต้งั้นเหรอ? เงินเหล่านั้นเพียงพอให้บอสของซิงเฉินทำอะไรได้บ้าง กินข้าวเช้าหนึ่งมื้อเหรอ!
“ฉันเป็นคนสร้างจูเสินสือไต้มากับมือ แต่ในตอนนั้นเหยาเจียเหวินยังเดินเตะฝุ่นอยู่ด้วยซ้ำ ฉันเสียดายความสามารถของเธอจริงๆ ก็เลยพาเธอเข้ามาในจูเสินสือไต้ แต่น่าเสียดายที่ฉันเลือกหมาป่าตาขาวตัวหนึ่งมา” เยี่ยหวันหวั่นยิ้มตอบ
—————————————————————————–
บทที่ 1800 แก้แค้นผู้มีพระคุณ
เมื่อได้ยินสิ่งที่เยี่ยหวันหวั่นพูด ทุกคนในที่นั้นต่างก็มองหน้ากันด้วยความตกใจ
หลังจากที่เยี่ยหวันหวั่นออกจากจีนและไปยังรัฐอิสระ เหยาเจียเหวินก็ออกมาประกาศว่าเยี่ยหวันหวั่นกวาดทรัพย์สินของจูเสินสือไต้หนีไปทั้งหมด แต่ทำให้ดูเหมือนว่าตัวเองเป็นผู้กอบกู้จูเสินสือไต้ ในช่วงที่จูเสินสือไต้ยากลำบากที่สุด เธอไม่หนีไปไหน จนในที่สุดก็พาจูเสินสือไต้ผ่านพ้นสถานการณ์ที่ยากลำบากได้สำเร็จ ทำให้ภาพลักษณ์ของตัวเองดูน่าชื่นชมมาก…
แต่ความพยายามของเหยาเจียเหวินในการสร้างภาพลักษณ์ กลับพังทลายลงอย่างง่ายดายด้วยคำพูดของเยี่ยหวันหวั่นแค่ไม่กี่คำในคืนนี้
หากว่าเยี่ยหวันหวั่นพูดแบบนี้ในฐานะเยี่ยไป๋ เกรงว่าคงจะไม่มีใครเชื่อสักคน
อย่างไรก็ตามในขณะนี้เยี่ยหวันหวั่นพูดในฐานะบอสใหญ่แห่งบริษัทซิงเฉินเพื่อบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับเหยาเจียเหวิน และผลลัพธ์ที่ได้ก็แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
“ไม่ใช่…มันไม่ใช่แบบนั้นนะ!”
เหยาเจียเหวินแก้ตัวเสียงดัง
เยี่ยหวันหวั่นยืนอยู่บนเวทีและเหลือบมองเหยาเจียเหวินอย่างเฉยเมยพร้อมรอยยิ้มเยือกเย็นตรงมุมปาก “เหยาเจียเหวิน ตอนแรกฉันในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายดูแลนักแสดงของศิลปินในจูเสินสือไต้ ฉันรับคนที่ไม่มีงานทำ และไม่ประสบความสำเร็จกับอะไรสักอย่างแบบเธอเข้ามาทำงานในจูเสินสือไต้ และฝึกฝนเธออย่างเต็มที่
แต่หลังจากที่ฉันจากไป เธอกลับยักยอกทรัพย์สินของจูเสินสือไต้ และบอกคนอื่นว่าฉันเป็นคนกวาดเอาทรัพย์สินของจูเสินสือไต้หนีไป นอกจากนี้ เธอยังบังคับให้ศิลปินของจูเสินสือไต้ให้ถ่ายแบบอนาจารย์โดยให้แก้ผ้าทั้งหมด ถ่ายหนังเกรดต่ำ และบีบบังคับให้ศิลปินเป็นเบ๊ของเส้าเหิง…”
เมื่อสิ้นคำของเยี่ยหวันหวั่น ก็เกิดเสียงดังเซ็งแซ่ของผู้ชมทั่วทั้งงาน
หากไม่ได้ฟังคำพูดของเยี่ยหวันหวั่นในวันนี้ ใครจะเชื่อว่าเหยาเจียเหวินจะเป็นคนที่น่ารังเกียจและไร้ยางอายเช่นนี้…
ตอนที่เหยาเจียเหวินสิ้นเนื้อประดาตัว เป็นเยี่ยหวันหวั่นที่ช่วยเหยาเจียเหวินไว้ และยังบอกว่าเหยาเจียเหวินเป็นคนที่มีคุณค่าที่สุดตลอดไปโดยไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แต่เหยาเจียเหวินกลับใช้ประโยชน์ตอนที่เยี่ยหวันหวั่นออกจากประเทศจีน โยนความผิดให้คนอื่น แล้วยังฮุบจูเสินสือไต้ที่เยี่ยหวันหวั่นสร้างมากับมือไปอีก!
ในเวลานี้ นักข่าวจากสำนักใหญ่หลายคนรีบวิ่งไปหาเหยาเจียเหวิน และล้อมเหยาเจียเหวินเอาไว้อย่างแน่นหนา
“ประธานเหยา…ขอถามหน่อยว่าที่เยี่ยไป๋พูดเป็นความจริงไหมคะ ตอนที่คุณย่ำแย่ที่สุด เยี่ยไป๋เป็นคนที่ช่วยคุณไว้ แต่คุณกลับหักหลังผู้มีพระคุณ ยักยอกเงินของจูเสินสือไต้ แถมยังยึดจูเสินสือไต้ของเยี่ยไป๋ด้วย”
เมื่อฟังจบ เหยาเจียเหวินก็รีบส่ายหัว “ไม่จริงนะคะ เธอมีหลักฐานอะไรถึงมาพูดแบบนี้ เธอนั่นแหละที่เป็นคนทำ แล้วตอนนี้ยังจะกล้ามาใส่ร้ายฉันอีก!”
“ประธานเหยา คุณบอกว่าเยี่ยไป๋ใส่ร้ายคุณเหรอคะ” นักข่าวจากสำนักหนึ่งมองเหยาเจียเหวินด้วยสายตารังเกียจ “ประธานเหยา เยี่ยไป๋เป็นถึงเจ้าของบริษัทซิงเฉิน ขอพูดอะไรไม่น่าฟังหน่อยนะคะ ทรัพย์สินของจูเสินสือไต้ทำเงินได้เท่ากับที่ซิงเฉินเอ็นเตอร์เทนเมนต์ทำได้ในหนึ่งชั่วโมงไหม? ทำไมเยี่ยไป๋ถึงต้องเสี่ยงที่จะทำผิดกฎหมายด้วยการทำแบบนี้ เช่นเดียวกับประธานเหยา คุณก็คงจะไม่ขโมยเงินสักแดงเดียวเหมือนกันใช่ไหมล่ะ”
เหยาเจียเหวินอ้าปากเหมือนจะพูดอะไร แต่ท้ายที่สุดก็พูดอะไรไม่ออกมาสักคำ
ตอนนี้คำอธิบายของเธอทั้งหมดมันไม่มีน้ำหนักและไม่มีอำนาจใดๆ แล้ว ต่อให้พูดมากแค่ไหนก็คงไม่ใครเชื่อ…
เป็นเพราะตอนนี้แค่เยี่ยไป๋อยู่ในฐานะบอสใหญ่ของบริษัทซิงเฉินก็สั่นสะเทือนเกินพอ แค่อยู่ในฐานะนี้ก็เพียงพอแล้ว
ขณะนี้ การถ่ายทอดสดครั้งสำคัญของประเทศจีนได้รับการพูดถึงในวงกว้าง เพื่อตอบสนองต่อคำพูดของเยี่ยหวันหวั่น เหยาเจียเหวินจะถูกรุมประนามหยามเหยียดในอีกหลายรูปแบบ
ทันใดนั้น เยี่ยอีอีก็ขยิบตาให้นักข่าวคนหนึ่งอย่างเงียบเชียบ
เยี่ยอีอีรู้มาก่อนหน้านี้ว่าเยี่ยหวันหวั่นจะมาร่วมงานเลี้ยงของซิงเฉินในคืนนี้ด้วย ดังนั้นเธอจึงจ้างนักข่าวเพื่อทำให้เยี่ยหวันหวั่นพ่ายแพ้โดยสมบูรณ์ กลายเป็นหนูข้างถนนที่ใครๆ ก็ต้องไล่ทุบตี…
“ประธานเยี่ย ฉันขอถามสักคำถามได้ไหมคะ”
ไม่นาน หนึ่งในนักข่าวก็หันมาถามเยี่ยหวันหวั่น
“เชิญค่ะ” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า