ตอนที่ 2029 นี่มันอันตรายเกินไปแล้ว

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 2029 นี่มันอันตรายเกินไปแล้ว

“เอาล่ะ ผมจะยืนตรงนี้ ขอดูหน่อยว่าคุณมีอะไรอยู่กับตัวบ้าง” ชายเสื้อคลุมสีดำยืนนิ่งขณะจ้องมองจางเซวียนอย่างเฉยเมย

แม้จะไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวสักนิด แต่อันที่จริงเขากำลังขับเคลื่อนพลังปราณอย่างดุเดือดเพื่อปกป้องตัวเองจากอะไรก็ตามที่กำลังเข้ามา เขาเชื่อว่าจางเซวียนจัดฉากสร้างเรื่องทั้งหมดนี้เพื่อทำให้เขาวอกแวก จึงเตรียมตัวพร้อม เผื่อว่า ‘ผู้เชี่ยวชาญที่ซ่อนตัวอยู่’ จะเปิดการโจมตี

“ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มเลย…”

ด้วยการใช้ความคิด จางเซวียนใช้หน้าหนังสือสีทองที่ก่อตัวขึ้นตอนที่เขารับไป๋เหรินชิงเป็นศิษย์สายตรงอย่างเป็นทางการ หน้าหนังสือสีทองพุ่งออกจากหว่างคิ้วของเขาไปปรากฏตัวอยู่เหนือร่างของนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ในชั่วพริบตา

“มันคือหนังสือจริงๆหรือ?” ชายเสื้อคลุมสีดำถึงกับผงะ

เขาคิดว่าเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องเหลวไหลที่อีกฝ่ายพูดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเขา ใครจะไปรู้ว่ามันคือหนังสือเล่มหนึ่งจริงๆ!

ชายเสื้อคลุมสีดำจ้องมองหนังสือที่อยู่เหนือร่างของเขาอย่างถี่ถ้วน อยากรู้ให้ได้ว่ามันคือของล้ำค่าชนิดไหน แต่ก็ต้องประหลาดใจที่พบว่าแม้ด้วยความสามารถในการหยั่งรู้ของเขา ก็ยังมองไม่เห็นเนื้อแท้ของมัน

เขาไม่รู้สึกว่ามีพลังงานใดๆสะท้อนออกจากหนังสือเลย ทำให้ดูเป็นของธรรมดาสามัญมาก แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง เขารู้สึกได้ถึงความกดดันอย่างหนักจากการปรากฏตัวของมัน ราวกับเขากำลังยืนอยู่ต่อหน้าสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่ไม่อาจต่อต้านมันได้ ไม่ว่าจะดิ้นรนขัดขืนสักแค่ไหน

แย่แล้วเราติดกับของหมอนั่นนี่ไม่ใช่การเบี่ยงเบนความสนใจแต่เป็นกระบวนท่าสังหารจริงๆ! นักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์นัยน์ตาเบิกโพลงเมื่อพลันเข้าใจทุกอย่าง

เขาไม่รู้ว่าหนังสือเล่มนี้เป็นของล้ำค่าระดับกึ่งสรวงสวรรค์หรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้ก็คือมันมีวรยุทธสูงส่งไม่เบา

ถ้าหนังสือเล่มนี้ตกทับร่างของเขา แม้ด้วยพละกำลังที่เขามีอยู่ ก็ไม่มั่นใจว่าจะต้านทานไหว

“จัดการ!”

ชายเสื้อคลุมสีดำชักดาบออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่จางเซวียนโดยไม่ลังเล

ไม่ว่าอย่างไร เขาก็จะต้องเปิดการโจมตีก่อนเพื่อปกป้องตัวเอง

ครืนนนนน!

ด้วยพละกำลังมหาศาลของเขา เกิดรอยร้าวมากมายโดยรอบมิติที่โดยปกติแล้วจะมั่นคง ทำให้รู้สึกราวกับว่ามิติลี้ลับแห่งนี้กำลังจะพังทลาย

“จัดการเขา!” จางเซวียนเพ่งสมาธิ

ฟิ้ววววว!

หน้าหนังสือสีทองร่วงลงมาจากกลางอากาศ มันตกใส่ศีรษะของชายเสื้อคลุมสีดำอย่างจัง ทำให้ศีรษะนั้นแยกออกจากกัน

พลั่ก!

ศพของเขาร่วงลงไปกองกับพื้น

ผู้อาวุโสโฉวหั่วพลันรู้สึกว่าพละกำลังที่พันธนาการร่างกายของเขาไว้สลายไป ทำให้เคลื่อนไหวได้อีกครั้ง แต่ภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำให้เขาตกตะลึงจนไม่รู้จะพูดอะไร ใบหน้าของเขาซีดเผือด ตัวสั่นไม่หยุด

คงไม่เป็นการพูดเกินเลยหากจะบอกว่านักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์มีพละกำลังที่เทียบชั้นได้แม้แต่กับเจ้าสำนักของเขา แต่กลับถูกสังหารด้วยหนังสือเพียงเล่มเดียว…

มันคือการสังหารรวดเดียวอย่างเหมาะเจาะ ถึงขนาดที่อีกฝ่ายไม่มีแม้โอกาสตอบโต้

ผู้อาวุโสโฉวหั่วจับจ้องจางเซวียนอีกครั้ง แต่คราวนี้สายตาของเขาเปี่ยมด้วยความยำเกรง

ก่อนหน้านี้ เขามองจางเซวียนเป็นแค่รุ่นน้องคนหนึ่ง แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลายเป็นผู้ที่มีอาวุโสรุ่นเดียวกับเขาแล้ว ผู้อาวุโสโฉวหั่วสาบานเงียบๆกับตัวเองว่าจะไม่มีวันล้ำเส้นหรือทำอะไรให้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าหงุดหงิดใจเป็นอันขาด

“ได้ผล!”

ส่วนอีกด้านหนึ่ง จางเซวียนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าหน้าหนังสือสีทองกำจัดศัตรูของเขาได้สำเร็จ

เขายังกังวลอยู่ว่าหน้าหนังสือสีทองอาจทำงานได้ไม่เต็มที่ เพราะครั้งสุดท้ายที่เขาใช้มัน ก็มีวรยุทธแค่ผู้ทำลายล้างมิติขั้นต้นเท่านั้น จางเซวียนจึงพยายามใช้เวลาเจรจาต่อรองกับอีกฝ่ายเพื่อเพิ่มโอกาสของการประสบความสำเร็จ แต่เท่าที่เห็น ก็ดูเหมือนที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น

หน้าหนังสือสีทองยังคงไร้เทียมทานเหมือนอย่างเคย!

ต่อให้ศัตรูจะทรงพลังแค่ไหน เขาก็สังหารอีกฝ่ายได้ด้วยหน้าหนังสือสีทองเพียงหน้าเดียว

จางเซวียนเดินเข้าหาร่างของนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ที่กองอยู่กับพื้นและสะบัดข้อมือ

ฟึ่บ!

ศพนั้นถูกเก็บเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติของเขา

จากนั้นจางเซวียนก็ทำแบบเดียวกันกับร่างของนักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์อีก 3 คนที่เหลือ

ร่างของผู้เชี่ยวชาญในระดับขั้นนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นขุมสมบัติเดินได้ ขอแค่เขาใช้อย่างเหมาะสม ก็จะเพิ่มจำนวนไม้ตายที่มีอยู่ได้อีกมาก

ก่อนหน้านี้จางเซวียนไม่ได้คิดอะไร แต่เมื่อได้เห็นพละกำลังสูงส่งของคนจากหอเทพเจ้าด้วยตาตัวเอง ก็รู้แล้วว่าจะต้องระมัดระวังตัวให้มากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นอาจได้เสียชีวิตจริงๆ

ครืนนนนน!

เมื่อนักรบระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์เสียชีวิต ก็ไม่มีใครปลดปล่อยพละกำลังที่ช่วยพยุงมิติลี้ลับไว้อีก มันจึงสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว

ครู่ต่อมา เสียงอื้ออึงเซ็งแซ่ของถนนหนทางอันมีชีวิตชีวาก็แว่วเข้าหูของจางเซวียน เมื่อมองไปรอบๆ จางเซวียนก็รู้ว่าเขากลับมายังถนนที่อยู่ด้านนอกตลาดแล้ว

ผู้อาวุโสโฉวหั่วยังคงยืนอยู่ใกล้ๆด้วยสีหน้าจังงัง

เมื่อหายตะลึง เขาเร่งอย่างร้อนใจ “ผู้อาวุโสจาง กลับสำนักกันเถอะ…”

นี่มันอันตรายเกินไปแล้ว!

เขาเคยภาคภูมิใจในพละกำลังของตัวเอง แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับชายเสื้อคลุมสีดำ ก็ได้ลิ้มรสทั้งความจนปัญญาและความสิ้นหวัง

แม้ตัวเขากับคู่ต่อสู้จะเป็นนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์เหมือนกัน แต่ช่องว่างของพละกำลังก็ต่างกันมากมายเหลือเกิน

จางเซวียนพยักหน้ารับ

ตอนนี้เขาไม่มีหน้าหนังสือสีทองเหลือแล้ว จึงต้องระวังตัวให้ดี หากบังเอิญพบผู้เชี่ยวชาญที่มีวรยุทธระดับเดียวกันกับชายเสื้อคลุมสีดำเมื่อครู่นี้อีก คงได้ตายแน่!

เห็นจางเซวียนตอบตกลง ผู้อาวุโสโฉวหั่วรีบใช้พลังปราณห่อหุ้มร่างของอีกฝ่ายไว้ ทั้งคู่ออกเดินทางกลับสู่สำนักดาบเมฆเหิน

ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าหอเทพเจ้าจะส่งคนมาตามล่าพวกเขาอีกเมื่อไหร่ การรีบกลับโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้จึงดีที่สุด ส่วนไป๋เหรินชิงน่าจะยังปลอดภัย เพราะไม่ได้เป็นเป้าหมายของหอเทพเจ้า พวกเขาค่อยส่งข่าวบอกเธอว่าเกิดอะไรขึ้นผ่านทางตราหยกสื่อสารในภายหลังก็ได้

“ผู้อาวุโสโฉวหั่ว ผมจำได้ว่าคุณเคยพูดว่าพวกคนจากหอเทพเจ้าล้วนแต่เลือดเย็น นั่นหมายความว่าอย่างไร?” จางเซวียนกินยาเม็ดอมตะขั้นสูงเข้าไปอีก 2-3 เม็ดก่อนจะตั้งคำถาม

“ผมเองก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหอเทพเจ้ามากนัก แต่ครั้งหนึ่งเคยได้ยินเจ้าสำนักหานพูดว่าหอเทพเจ้าคัดเลือกสมาชิกของพวกเขาด้วยวิธีการเดียวกันกับการเพาะเลี้ยงหนอนกู้ ผู้ที่ได้เข้าร่วมกับพวกเขาคือคนสุดท้ายที่อยู่รอดจากการต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วน มือเปื้อนเลือดครั้งแล้วครั้งเล่า กระบวนการนี้ทำให้อารมณ์ความรู้สึกของพวกเขาด้านชา สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่คือเจตจำนงกับความมุ่งมั่นในการปฏิบัติภารกิจใดๆก็ตามที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ ส่วนที่นอกเหนือจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นความสูญเสียหรือใดๆก็แล้วแต่ ล้วนไม่มีความหมายกับพวกเขา” ผู้อาวุโสโฉวหั่วตอบ

หอเทพเจ้าเป็นกลุ่มอำนาจที่ลึกลับซับซ้อนอย่างน่าทึ่งในทวีปที่ถูกลืม และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับสมาชิกของหอเทพเจ้า ตอนแรกที่ได้ฟังเรื่องเล่าก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เมื่อเจอตัวเป็นๆ ถึงได้รู้ซึ้งว่าหอเทพเจ้าเต็มไปด้วยปีศาจชนิดไหน

อย่างนักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ที่จางเซวียนใช้ดาบทิ่มแทงครั้งแล้วครั้งเล่า อันที่จริงจางเซวียนไม่ได้ทำแบบนั้นเล่นๆ การโจมตีของเขาหนักหน่วงและตรงเป้าหมาย แต่นักรบอมตะตัวจริงผู้นั้น ถึงจะไม่ทันระวังตัว แต่ก็ควบคุมตัวเองได้ดีในวินาทีสุดท้าย จึงลดความบอบช้ำที่ได้รับลงไปได้มาก ไม่เพียงเท่านั้น ประสิทธิภาพการต่อสู้ของอีกฝ่ายยังดูจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่อได้รับบาดเจ็บ ราวกับแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชนะเขา

ส่วนคนที่ถูกจางเซวียนตัดมือก็เป็นแบบเดียวกัน การสูญเสียมือข้างหนึ่งไปมีแต่จะทำให้ศักยภาพแท้จริงของเขาเผยตัวออกมา

มีแต่ผู้ที่ผ่านสถานการณ์ประหนึ่งเหมือนอยู่ในนรกมาเท่านั้นที่จะสำแดงความอึดอย่างน่าสะพรึงขนาดนั้นออกมาได้ในการต่อสู้

“หอเทพเจ้าเคลื่อนไหวเพราะผมทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จ พวกเขากลัวว่าผมจะพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นภัยคุกคามต่ออำนาจของพวกเขาใช่ไหม?” จางเซวียนยังสับสนเล็กน้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ตอนที่เขาได้ยินเรื่องหอเทพเจ้าเป็นครั้งแรก ยังคิดว่ามันคือองค์กรทรงอำนาจที่ไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจธุระของมนุษย์ เว้นเสียแต่จะมีใครล้ำเส้นและท้าทาย แต่แล้วหอเทพเจ้าก็ส่งนักรบกลุ่มหนึ่งมาคร่าชีวิตเขาทันทีที่รู้ว่ามีตัวเขาอยู่ มันไม่เกินไปหน่อยหรือ?

รายละเอียดอีกอย่างที่จางเซวียนรับรู้ก็คือ ชายเสื้อคลุมสีดำกลุ่มนี้ได้รับคำสั่งให้จับตัวเขากลับไปเป็นๆ และดูเหมือนทุกคนจะหวาดกลัวมากว่าจะพลั้งมือฆ่าเขา เรื่องนี้ดูไม่มีเหตุผลเลย เพราะถ้าเป้าหมายของคนเหล่านั้นคือการกำจัดภัยคุกคาม ฆ่าเขาเสียเลยจะไม่ง่ายกว่าหรือ?

“เอ่อ…ผมเกรงว่าเรื่องนี้ผมจะไม่รู้ แต่เชื่อว่านั่นคือเหตุผลเบื้องต้น ไม่อย่างนั้น ท่านเจ้าสำนักหานคงไม่ส่งผมให้ตามมาปกป้องคุณหรอก” ผู้อาวุโสโฉวหั่วตอบ

“คนที่รู้ว่าผมทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จก็มีแต่เหล่าผู้อาวุโสในสภาผู้อาวุโสเท่านั้น” จางเซวียนพึมพำพร้อมกับขมวดคิ้ว “หอเทพเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นผม? อีกอย่าง พวกเขาลงมืออย่างรวดเร็วเหลือเกิน ราวกับรู้อยู่แล้วว่าผมอยู่ในเมืองอู๋ไห่”

นี่คือสิ่งที่น่าคิด

จางเซวียนได้ใช้หอสมุดเทียบฟ้าตรวจสอบภูมิหลังของผู้ที่อยู่ในสภาผู้อาวุโสแล้ว ซึ่งทุกคนล้วนแต่ไว้ใจได้

อีกอย่าง เขาตัดสินใจในช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาทีในการมุ่งหน้าสู่เมืองอู๋ไห่ และไม่ได้บอกใครล่วงหน้า ดังนั้น จนกว่าเขาจะค้นหาความจริงที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ได้ คงไม่มีวันได้อยู่เป็นสุข

“หารือเรื่องนี้กับเจ้าสำนักหานเถอะ เขาน่าจะมีความคิดอะไรบางอย่าง” ผู้อาวุโสโฉวหั่วก็หาคำตอบไม่ได้ จึงได้แต่ส่ายหน้า

“ตอนนี้ไป๋เหรินชิงคงยังฝึกฝนวรยุทธอยู่ในห้องส่วนตัวของหอนิรันดร์ ผมขอรบกวนคุณให้แจ้งเธอด้วยว่าผมกลับสำนักแล้ว” จางเซวียนพูดขณะกินยาเม็ดอมตะขั้นสูงอีก 2 เม็ด

ผู้อาวุโสโฉวหั่วตอบรับด้วยการพยักหน้าก่อนจะเร่งความเร็ว