เมื่อเห็นว่าจู่ ๆ กลิ่นอายของอันซุยก็เปลี่ยนไปเป็นแข็งแกร่งราวกับว่าเป็นคนละคนกับตอนแรก สีหน้าของโม่หยูถังก็กลายเป็นเคร่งเครียดทันที

ด้วยความสงสัย โม่หยูถังจึงเริ่มสวดคาถาบทที่ 2 ของคัมภีร์เก้าเทพปีศาจทันที เพื่อตรวจสอบว่าร่างของอันซุยที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้มันใช่ร่างจริงรึเปล่า หรือเป็นแค่ภาพมายาที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกเขา

แต่แล้วเมื่อบทสวดดังกึกก้องออกไป โม่หยูถังก็รู้สึกตกตะลึงในทันที เนื่องจากผลของบทสวดทำให้เขารู้ว่านี่มันคือร่างจริงของอันซุย แถมระดับการบ่มเพาะของอันซุยตอนนี้จู่ ๆ กลับขึ้นไปอยู่ในระดับนักบุญ ซึ่งเหนือกว่าเขา 1 ระดับอย่างไม่มีเหตุผล

เมื่อเห็นเช่นนี้ โม่หยูถังจึงตกลงใจแล้วว่าเขาเองจะไม่ออมมืออีกต่อไป เขาเร่งโคจรพลังของตัวขึ้นไปถึงระดับสูงสุดทันที และใช้วิชาหอกกระบวนท่าเงาเทพปีศาจทะลวงฟ้าสังหารและพุ่งเข้าไปอันซุยอย่างสุดแรง!

แต่แล้วสิ่งที่โม่หยูถังไม่คาดคิดก็บังเกิดขึ้น เนื่องจากอันซุยไม่มีท่าทีที่จะหลบกระท่าอันรุนแรงของเขาแม้แต่น้อย

เมื่อปลายหอกสัมผัสเข้ากับร่างของอันซุย โม่หยูถังก็รู้ได้ทันทีว่ามันมีบางอย่างไม่ถูกต้องเพราะว่าร่างของอันซุยนั้นกลับแตกกระจายออกเหมือนกับฟองน้ำ ซึ่งมันไม่มีเลือดและเนื้อทั้งนั้น!

แทบจะในเวลาเดียวกับที่ร่างของอันซุยแตกกระจาย ร่างของอันซุยอีกร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของโม่หยูถังพร้อมกับอาวุธในมือ จากนั้นอันซุยก็แทงอาวุธใส่หลังของโม่หยูถังอย่างเต็มแรง และพูดว่า “ลงนรกไปซะ!”

ทางด้านของโม่หยูถัง เมื่อเห็นเช่นนี้เขาก็ไม่สามารถต่อต้านอะไรได้ เนื่องจากเมื่อครู่เขาได้ใช้พลังทั้งหมดไปกับการโจมตีจนหมดแล้วโดยไม่ได้คาดคิดว่าร่างที่เขาโจมตีคือร่างปลอม เพราะเขาอุตส่าห์ใช้คาถาบทที่ 2 ของคัมภีร์เก้าเทพปีศาจตรวจสอบแล้วว่ามันเป็นร่างจริง แต่ในความเป็นจริงมันกลับเป็นร่างปลอมซะอย่างนั้น!

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากเป็นคนอื่นแน่นอนว่าต้องไม่รอดแน่นอน

แต่ว่าในวินาทีถัดมา อีกร่างหนึ่งของโม่หยูถังก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของอันซุย และรั้งแขนที่ถืออาวุธเอาไว้ ร่างนี้ของโม่หยูถังที่ปรากฏขึ้นใหม่นั้นมีความแข็งแกร่งไม่แพ้ร่างเดิมเลยแม้แต่น้อย “เมื่อครู่นั่นคือไพ่ลับของเจ้าสินะ หากเจ้าใช้มันกับคนอื่นมันคงจะได้ผล แต่ถ้าหากเจ้าเอามันมาใช้กับข้าคนนี้ ข้าบอกเลยว่าเจ้าพลาดแล้ว! ในตอนแรกข้ายังกังวลอยู่ว่าข้าจะจับตัวเจ้าแบบไหนดี แต่ตอนนี้เจ้ากลับเอาตัวเองมาให้ข้าจับซะอย่างนั้น ฮ่าฮ่า เอาล่ะตอนนี้ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว คาถาบทที่ 1 แห่งคัมภีร์เก้าเทพปีศาจ เขตแดนเก้าอเวจี!”

แน่นอนว่าร่างที่ปรากฏขึ้นใหม่ของโม่หยูถังเป็นผลมาจากลูกปัดสะสมวิญญาณในร่างของเขา

ส่วนอันซุย เมื่อตกอยู่ในเขตแดนเก้าอเวจีที่โม่หยูถังสร้างขึ้น เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาไม่อาจขยับได้เลยแถมพลังชีวิตและวิญญาณของเขาก็ค่อย ๆ ไหลออกจากร่างไปเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว

อันซุยไม่เคยนึกมาก่อนว่าโม่หยูถังจะมีไพ่ลับที่พิสดารมากกว่าเขาแบบนี้ เขาแน่ใจว่าถ้าเป็นคนอื่นหากเผชิญหน้ากับวิธีของเขา มันจะต้องไม่มีใครรอดการโจมตีของเขาไปได้แน่นอน

แต่แล้วในขณะที่อันซุยกำลังคิดว่าตัวเองคงจบเห่แล้วแน่นอน จู่ ๆ เสียงของหลิงตู้ฉิงก็ดังขึ้น “พ่อบ้านโม่ อย่าใช้เขตแดนเก้าอเวจี! ในร่างกายของเขามีสิ่งที่ข้าต้องการซ่อนอยู่!”

อันที่จริงในตอนที่อันซุยเผยร่างปลอมออกมา หลิงตู้ฉิงและหลิงเทียนหยุนต่างก็มองหน้ากันด้วยสีหน้าประหลาดใจ

มีแค่เพียงพวกเขา 2 คนเท่านั้นที่รู้ว่านี่มันคือร่างปลอม และรู้ว่าอันซุยใช้อะไรสร้างมันขึ้นมา

มันถูกสร้างมาจากสมบัติที่มีชื่อว่า ‘มายาเที่ยงแท้’ ซึ่งหลิงเทียนหยุนเองก็มีเศษเสี้ยวส่วนหนึ่งของมันอยู่เหมือนกัน!

แต่ว่าชิ้นส่วนที่หลิงเทียนหยุนครอบครองอยู่นั้นมันเป็นชิ้นส่วนที่เล็กกว่าของอันซุยแน่นอน เพราะของหลิงเทียนหยุนมันสามารถสร้างร่างมายาที่มีระดับการบ่มเพาะแค่ขอบเขตรวมแสงดาราได้เท่านั้น

ดังนั้นเมื่อรู้เช่นนี้ หลิงตู้ฉิงจึงจำเป็นต้องหยุดโม่หยูถังเอาไว้ก่อน เพื่อดึงชิ้นส่วนของ ‘มายาเที่ยงแท้’ ออกมาจากร่างอันซุย เพื่อเอาให้กับหลิงเทียนหยุนเป็นอันดับแรก

ทางด้านของโม่หยูถัง เมื่อได้ยินคำสั่งของหลิงตู้ฉิง เขาจึงสลายเขตแดนเก้าอเวจีในทันที ส่งผลให้อันซุยลงไปนอนกองกับพื้น เนื่องจากทั้งพลังชีวิตและวิญญาณของเขาเสียหายอย่างหนัก

แต่แล้วในเวลาเดียวกับที่อันซุยถูกปลดปล่อย บรรดาผู้เชี่ยวชาญของหมู่บ้านราตรีทมิฬจำนวนมากต่างก็กรูกันออกมา

ในตอนแรกคำสั่งที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญของหมู่บ้านราตรีทมิฬได้รับนั้นคือการล้อมไม่ให้โม่หยูถังและพรรคพวกหนีรอดไปได้ แต่ตอนนี้สถานการณ์มันกลับตาลปัตร กลายเป็นอันซุยซะเองที่พลาดท่าพ่ายแพ้ต่อโม่หยูถัง และตอนนี้เมื่อพวกเขาเห็นว่าได้โอกาส พวกเขาจึงต่างพากันปรากฏกายออกมาเพื่อที่จะเข้ามาช่วยอันซุย

แต่แล้วในเวลาเดียวกับที่พวกเขาเผยตัว ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ขยับร่างเข้ามาช่วยอันซุย พวกเขากลับพบว่าร่างกายของพวกเขาไม่สามารถขยับได้เลย

ตอนนี้พวกเขารู้ได้ทันทีว่ากลุ่มคนที่โม่หยูถังพามานั้นไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในขอบเขตสวรรค์แน่นอน อย่างน้อย ๆ คนที่สามารถตรึงร่างพวกเขาได้แบบนี้ก็ต้องอยู่ในขอบเขตราชัน!

พวกเขาทั้งหลายต่างแสดงสีหน้าตื่นตระหนก เพราะเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันแบบนี้พวกเขาจะเอาอะไรไปต่อต้าน?

ทางด้านของโม่หยูถังในตอนนี้เขาคว้าคอของอันซุยขึ้นมา จากนั้นเขาเดินมาหาหลิงตู้ฉิงและถามว่า “เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอนายท่าน?”

“รอให้ข้าเอาบางสิ่งบางอย่างในร่างกายของเขาออกมาก่อน จากนั้นเจ้าค่อยฆ่าเขา” หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

หลิงเทียนหยุนเดินเข้ามา จากนั้นเขาเอามือวางไว้บนหน้าอกของอันซุย และดึงเอา ‘มายาเที่ยงแท้’ ออกมาจากร่างของอันซุยอย่างรวดเร็ว

อันซุย เมื่อเห็นว่า ‘มายาเที่ยงแท้’ ถูกดึงออกไปจากร่างของเขา เขากรีดร้องลั่นทันที “หยุดเดี๋ยวนี้ นั่นมันคือสมบัติของข้า มันคือกระจกมายาของข้า เอามันคืนมาเดี๋ยวนี้!”

“กระจกมายา?” หลิงเทียนหยุนแสดงสีหน้าแปลกประหลาดพลางคิดในใจ

เจ้าไม่รู้ดวยซ้ำว่าสิ่งนี้มันคืออะไร แต่เจ้ากลับตั้งชื่อให้มันมั่ว ๆ เนี่ยนะ?

เมื่อได้ ‘มายาเที่ยงแท้’ มาอยู่ในมือแล้ว หลิงเทียนหยุนจึงพูดกับโม่หยูถังทันที “ปู่โม่ ตอนนี้ท่านฆ่าเขาได้เลย”

หากอันซุยตายเมื่อไหร่ เขาก็จะไม่ต้องยุ่งยากให้พ่อของเขาลบตราประทับความเป็นเจ้าของที่ประทับอยู่บน ‘มายาเที่ยงแท้’ และจากนั้นเขาจะได้หลอมรวมชิ้นส่วนนี้เข้าไปในร่างได้เลย

และอีกอย่างเพื่อเป็นการปกปิดความลับของสมับติชิ้นนี้ ต่อให้โม่หยูถังจะไม่ฆ่าอันซุย เขาก็จะต้องฆ่าอันซุยให้ตายอยู่ดี

โม่หยูถังพยักหน้า แต่ในขณะที่เขากำลังจะลงมือสังหารอันซุย เสียงตะโกนหนึ่งก็ดังขึ้น “ช้าก่อน! ข้าคือหัวหน้าหมู่บ้านราตรีทมิฬ ข้าขอซื้อชีวิตลูกชายของข้า ได้โปรดหยุดและมาคุยกันก่อน!”

โม่หยูถังไม่ได้ใส่ใจกับคำขอของหัวหน้าหมู่บ้านราตรีทมิฬเลยแม้แต่น้อย เขาจบชีวิตของอันซุยทันทีโดยการฟาดฝ่ามือลงไปที่ศีรษะของอันซุย

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น โม่หยูถังตั้งใจไว้แล้วว่าเขาจะต้องแก้แค้นอันซุยให้ได้รวมไปถึงเขารู้สึกได้ว่าความลับของสมบัติที่หลิงเทียนหยุนถืออยู่ในมือมันจะต้องสำคัญเป็นอย่างมาก

ถึงแม้ว่าเขาจะยังคงสงสัยว่าสมบัติชิ้นนี้มันก็แค่สามารถสร้างร่างแยกที่เหมือนกับตัวจริงออกมาได้อีกร่างหนึ่ง ซึ่งเขาไม่เห็นว่ามันควรจะเป็นความลับอะไรมากมายขนาดนั้น

ในความคิดของโม่หยูถัง ร่างเงาของหลิงเทียนหยุนที่สามารถถูกสร้างขึ้นได้เป็นจำนวนมหาศาลนั้นยังดูพิสดารมากกว่าไอ้ร่างแยกที่ถูกสร้างขึ้นมาจากสมบัติชิ้นนี้เสียอีก

แต่ในเมื่อเขาเห็นว่าหลิงตู้ฉิงและหลิงเทียนหยุนไม่มีท่าทีอยากจะอธิบายอะไรเกี่ยวกับมัน เขาจึงเข้าใจว่าความลับนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่ควรถาม

เมื่อเห็นว่าโม่หยูถังไม่สนใจในคำขอร้องและยังคงฆ่าลูกชายของตนเองอยู่ดี เฮ่ยอี้ก็รู้สึกเดือดดาลเป็นอย่างมาก

เขามองไปที่โม่หยูถัง หลิงตู้ฉิง และผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันทั้งสองของหลิงตู้ฉิง และพูดว่า “ความแค้นครั้งนี้ข้าจะคิดบัญชีกับพวกเจ้าไม่ช้าก็เร็วแน่นอน เอาล่ะตอนนี้ในเมื่อพวกเจ้าฆ่าลูกชายของข้าจนพอใจแล้วก็จงส่งคืนร่างของเขามาให้ข้า!”

ในขณะที่โม่หยูถังกำลังจะส่งร่างของอันซุยคืนให้กับเฮ่ยอี้ หลิงตู้ฉิงก็พูดแทรกขึ้นทันที “รอก่อน ตอนนี้พวกเรายังคืนศพให้เขาไม่ได้!”