บทที่ 1899 ภารกิจระดับสูง

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1899 ภารกิจระดับสูง

 

คฤหาสน์วิญญาณบ้านหยกทอง

 

“สาวน้อย เจ้าเชิญพวกเรามาที่นี่เพื่อสิ่งใด?”

 

“บอกมาเร็ว ขายังต้องทํางาน”

 

“ถูกต้อง นี่เป็นครั้งเดียวในแต่ละปีที่ตลาดทะเลแห่งนี้เปิด เราจะเสียเวลาและเงินกับการมาที่นี่!”

 

ผู้ใช้วิญญาณหลายคนมารวมตัวกันในบ้านหยกทองและกล่าวกับเซียหลิน

 

พวกเขาหมดความอดทนกับการรอคอยแล้ว

 

เซี่ยหลินมองไปรอบๆและเผยรอยยิ้ม “ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ ดังนั้นข้าจะกล่าวสั้นๆ จากนี้ไปเกาะแห่งนี้จะเป็นอาณาเขตของข้าและอยู่ภายใต้การควบคุมของข้า หากทุกคนต้องการมาที่นี่เพื่อทําธุรกรรม ข้ายินดีต้อนรับพวกเจ้า แต่พวกเจ้าต้องเสียค่าธรรมเนียม นอกจากนั้นพวกเจ้าจะไม่สามารถอยู่บนเกาะแห่งนี้นานเกินไป”

 

“วิธีที่พวกเจ้าจะสามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้เป็นเวลานนาน คือการเข้าร่วมกับข้าและเป็นลูกน้องของข้า”

 

เงียบ…

 

หลังจากนั้นความโกลาหลก็ปะทุขึ้น

 

ผู้ใช้วิญญาณระดับสามหลายคนรู้สึกไม่มีความสุข

 

“สาวน้อย เจ้ากล้าหาญเกินไปแล้ว”

 

“เด็กสมัยนี้ ฮ่าฮ่า พวกเขาไม่รู้ว่าความกลัวคือสิ่งใด”

 

“เจ้าคิดว่าตนเองสามารถเย่อหยิ่งหลังจากสังหารผู้ใช้วิญญาณระดับสามผู้หนึ่งงั้นหรือ? อย่าลืมว่าเจ้าเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับสอง”

 

เผชิญหน้ากับค่าถามมากมาย เซี่ยหลินรู้สึกกังวล แต่เมื่อนึกถึงค่าสั่งของท่านชู นางก็ทําได้เพียงฝืนยิ้มและตอบตามคําแนะนํา “ไม่จําเป็นต้องสงสัยคํากล่าวของข้า ตอนนี้พวกเจ้าจะได้รู้ว่าข้าพึ่งพาสิ่งใด”

 

“มันคือสิ่งใด?” บางคนถาม

 

เซี่ยหลินยิ้มแต่ในความเป็นจริงกระทั่งนางก็ไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด

 

อย่างไรก็ตามในจังหวะนี้แผ่นดินกลับเริ่มสั่นไหว

 

“เกิดสิ่งใดขึ้น?” บางคนกรีดร้องเมื่อแผ่นดินไหวแรงขึ้นเรื่อยๆ

 

“แผ่นดินไหวงั้นหรือ!?” ผู้คนเริ่มตื่นตระหนก

 

โชคดีที่บ้านหยกทองเป็นคฤหาสน์วิญญาณ มันมีการป้องกันบางอย่าง อย่างไรก็ตามโลกภายนอกตกสู่ความโกลาหลไปแล้ว เสียงกรีดร้องดังขึ้นทุกหนทุกแห่ง

 

“ไม่ ข้าต้องรีบกลับไปดูร้านของข้า!”

“ข้าก็ต้องไปเช่นกัน!”

 

ผู้ใช้วิญญาณพยายามวิ่งออกไป แต่ทันใดนั้นแสงสีเหลืองก็พุ่งขึ้นมาจากพื้น

 

แสงสีเหลืองปกคลุมทั้งเกาะและกีดขวางทางเข้าออกของบ้านหยกทอง

 

กลุ่มผู้ใช้วิญญาณไม่สามารถผ่านปราการแสงสีเหลืองและกลายเป็นยิ่งตื่นตระหนก “เกิดสิ่งใดขึ้นกับโลกใบนี้?”

 

“นี่ไม่ใช่แผ่นดินไหวธรรมดา”

 

“เซียหลิน เจ้าต้องรู้บางอย่าง!”

 

บางคนตะโกนและทําให้ทุกคนหันหน้าไปทางเซี่ยหลิน

 

ในความเป็นจริงเซียหลินก็ตกใจเช่นกัน แต่ฟางหยวนลอบส่งเสียงมาหานางและบอกวิธีจัดการกับสถานการณ์ นางกล่าว “ทุกคน ไม่จําเป็นต้องตื่นตระหนก การเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นประโยชน์สําหรับทุกคน ข้าจะไม่พูดมาก คอยดูอยู่เงียบๆ”

 

เซี่ยหลินเก็บความลับบางอย่างเอาไว้ ดังนั้นกลุ่มผู้ใช้วิญญาณจึงไม่กล้าดูถูกนาง

 

เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ภัยธรรมชาติแต่เป็นสถานการณ์ที่มนุษย์สร้างขึ้น

 

แต่ผู้ใดที่สามารถทําสิ่งนี้?

 

ทันใดนั้นคําๆหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจของผู้ใช้วิญญาณทุกคน

 

ผู้อมตะ!

 

นี้เป็นวิธีการระดับอมตะ

 

กล่าวให้ถูกต้องกว่านั้นก็คือฟางหยวนกําลังซ่อมแซมค่ายกลวิญญาณอมตะที่อยู่ใต้ทะเล

 

เขานําทรัพยากรอมตะออกมาจากมิติช่องว่างของตนและใส่เข้าไปค่ายกลวิญญาณอมตะเพื่อซ่อมแซมมัน

 

นั่นทําให้เกิดแสงสีเหลืองส่องประกายขึ้นทั่วเกาะ

 

พื้นดินปรากฏขึ้นรอบๆเกาะและทําให้เรือที่จอดอยู่ไม่สามารถเคลื่อนที่

 

เมื่อแสงสีเหลืองจางหายไป เกาะแห่งนี้ก็ขยายใหญ่ขึ้นมากกว่าเท่าตัว

 

จากนั้นคลื่นน้ําก็สาดซัดและน่าสัตว์น้ําจํานวนมากเข้ามา

 

ฟางหยวนแก้ไขค่ายกลบนเส้นทางแห่งวารีหลังจากซ่อมแซมค่ายกลบนเส้นทางแห่งปฐพี

 

ในที่สุดค่ายกลวิญญาณอมตะก็ได้รับการซ่อมแซมอย่างสมบูรณ์คลื่นขนาดใหญ่ค่อยๆสงบลง

 

อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังไม่หยุด

 

เขาเพิ่มค่ายกลย่อยเข้าไป

 

หลังจากนั้นเขาก็โบกมือและมอบบางสิ่งให้กับเซียหลิน

 

แสงสีขาวพุ่งลงมาจากท้องฟ้าและปกคลุมร่างของเซียหลินเอาไว้ทั้งหมด

 

เซียหลินไม่มีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกล แต่ค่ายกลย่อยที่ฟางหยวนออกแบบทําให้นางได้รับความสามารถใหม่มากมาย

 

นางสามารถใช้ความสามารถเหล่านั้นได้อย่างง่ายดายราวกับการหายใจ

 

ตอนนี้นางสามารถเคลื่อนพื้นดินของเกาะและแยกทะเลได้ด้วยหนึ่งความคิด

 

“ครัน…”

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่บ้านหยกทองขยายใหญ่ขึ้นและกลายเป็นวังขนาดใหญ่โตที่วิจิตรงดงาม

 

แน่นอนว่านี่เป็นการกระทําของฟางหยวน เขาลอบเชื่อมต่อบ้านหยกทองเข้ากับค่ายกลวิญญาณอมตะที่อยู่ใต้ทะเล

 

การเปลี่ยนแปลงนี้ทําให้ทุกคนตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์

 

เซี่ยหลินเผยรอยยิ้มบางแต่นางลอบตกใจมากอยู่ภายใน

 

เสียงของฟางหยวนดังขึ้นในหูของนางอีกครั้ง

 

นางกล่าวตามคําแนะนํา “ทุกคน พวกเจ้าเห็นมันกับตาของตนเองแล้ว ข้าโชคดีที่สามารถฝากตัวเป็นศิษย์ของผู้อมตะ ท่านอาจารย์ของข้าพึ่งจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะและสั่งให้ข้าปกป้องสถานที่แห่งนี้”

 

หลังกล่าวจบคํา แสงสีเหลืองก็พุ่งเข้าห่อหุ้มร่างกายของทุกคนและทําให้พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหว

 

ทุกคนถูกยกขึ้นสู่อากาศโดยไม่สามารถต่อต้าน

 

“นี่…นี่…นี่…”

 

“ปาฏิหาริย์อมตะ นี่คือปาฏิหาริย์อมตะ โลกนี้มีผู้อมตะอยู่จริงๆ!”

 

“ข้าขอถามท่านหญิงเซียหลินด้วยความเคารพ เหตุใดท่านอาจารย์ของท่านหญิงจึงสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะขึ้นที่นี่? ข้าสงสัยว่าท่านผู้อมตะวางแผนใดเอาไว้?”

 

เซียหลินยิ้ม นางพึ่งรู้ว่าท่านชูเป็นผู้อมตะเช่นกัน นางตกใจไม่น้อยกว่าคนอื่นๆ

 

“เอาล่ะ ตอนนี้พวกเจ้ามีสิ่งใดจะพูดเกี่ยวกับข้อเสนอก่อนหน้านี้ของข้าหรือไม่?” เซี่ยหลินกวาดตามองไปรอบๆและกล่าวด้วยน้ําเสียงที่อบอุ่น

 

ไม่มีผู้ใดกล้าตั้งคําถามกับนางอีก ทุกคนก้มศีรษะลง บางคนถึงกับคุกเข่าลง ณ จุดนั้นและบอกว่าพวกเขาต้องการติดตามเซี่ยหลิน ขณะที่บางคนต้องการเป็นศิษย์ของผู้อมตะ

 

ฟางหยวนใช้คําแนะเซี่ยหลินก่อนที่เขาจะจากไป

 

แม้ถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้าจะมีร่องรอยของผู้อมตะ แต่ไม่ว่าจะเป็นชีวิตก่อนหน้าหรือชีวิตนี้ ฟางหยวนก็ยังไม่เคยเห็นผู้อมตะชนพื้นเมืองมาก่อน

 

ผู้อมตะเป็นตํานานของมนุษย์ แต่พวกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น

 

ครั้งนี้ฟางหยวนแสดงปาฏิหาริย์อมตะและจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะ เมื่อข่าวเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ผู้คนมากมายจึงต้องการเข้าร่วมกับเซียหลินและกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนาง

 

ชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนช่วยให้เซี่ยหลินกลายเป็นเทพธิดาเงือก ชีวิตนี้เขาเริ่มต้นด้วยการสร้างกองกําลังให้กับเซี่ยหลิน

 

หลังจากนี้เซี่ยหลินจะสร้างกองกําาลังของตนเองและปฏิบัติตามค่าแนะนําของฟางหยวน

 

แม้นางจะไม่สามารถท่าหลายสิ่ง แต่ฟางหยวนทิ้งเจตจํานงเอาไว้เพื่อสั่งสอนและช่วยเหลือนาง

 

กล่าวได้ว่าการลงทุนกับเซียหลินของเขาไม่น้อยกว่าชีวิตก่อนหน้า

 

ด้วยความสําเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปฐพี ฟางหยวนสามารถซ่อมแซมค่ายกลบนเส้นทางแห่งปฐพี แต่เขายังต้องใช้ทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพี่จํานวนมาก

 

ภารกิจระดับกลางมีความยากที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกันผู้อมตะยังต้องลงทุนในบางกรณีอีกด้วย

 

หลังจากทั้งหมดการได้รับแต้มบุญไม่ใช่เรื่องง่าย

 

ฟางหยวนกลับไปที่หอคอยเกียรติยศ

 

ภารกิจนี้ทําให้เขาได้รับแต้มบุญหนึ่งร้อยแต้ม นี่คือขีดจํากัดสูงสุดสําหรับภารกิจระดับกลาง

 

ด้วยเหตุนี้ชื่อของเขาจึงยึดครองบัลลังก์อันดับหนึ่งบนหอคอยเกียรติยศโดยไม่มีผู้ใดสามารถสั่นคลอน การได้รับแต้มบุญหนึ่งร้อยแต้มของเขาทําให้ทุกคนรู้สึกหดหูใจเป็นอย่างมาก

 

แต่คราวนี้ฟางหยวนไม่รีบร้อนจากไป

 

เขาเริ่มค้นคว้าเกี่ยวกับหอคอยเกียรติยศ

 

เนื่องจากความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปฐพี่ของเขาเพิ่มสูงขึ้น เขาจึงต้องการทดลองทําความเข้าใจคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้

 

หากเขาเข้าใจมัน เขาอาจสามารถสร้างช่องโหว่และใช้ประโยชน์จากหอคอยเกียรติยศ

 

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนไม่สามารถทําสิ่งใดและต้องปฏิบัติตามกฏเท่านั้น แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยเลิกล้มความคิดที่จะยึดครองหอคอยเกียรติยศ

 

หลังจากตรวจสอบมัน ฟางหยวนกลับรู้สึกผิดหวัง

 

หอคอยเกียรติยศไม่เพียงเกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งปฐพี่แต่มันยังเกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งเสียง เส้นทางมนุษย์ และเส้นทางสวรรค์

 

เพื่อให้ได้รับมัน อย่างน้อยข้าต้องเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางทั้งสี่สาย” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขึ้นกับตนเอง

 

มันเป็นเรื่องยากที่จะยึดครองหอคอยเกียรติยศในเวลานี้

 

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทําตามกฏต่อไป

 

เขาต้องรับภารกิจและทํามันให้สําเร็จ

 

เมื่อแต้มบุญของฟางหยวนบรรลุถึงเก้าร้อยแต้ม เฉินเซียวก็กรีดร้องออกมา “ในที่สุดข้าก็ได้รับป้ายตําแหน่งคนดี!”

 

เฉินเซียวแทบหลั่งน้ําตาด้วยความยินดี

 

เขารีบบอกเฉินกงเจิ้งเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

ในไม่ช้าแต้มบุญของผู้อมตะตระกูลเฉินก็เริ่มเพิ่มขึ้น

 

ตามมาด้วยเหรินซิ่วผิงและตงฮัว

 

ตอนนี้มีสี่กลุ่มอยู่บนหอคอยเกียรติยศ

 

กลุ่มแรกคือฟางหยวน

 

กลุ่มที่สองคือผู้อมตะตระกูลเฉินที่น่าโดยเฉินกงเจิ้ง

 

กลุ่มที่สามคือเหรินซึ่งผิงและตงชั่ว

 

กลุ่มสุดท้ายคือเสี่ยวหมิงเฉินและคนอื่นๆที่ยังไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับป้ายตําแหน่งคนดี

 

เมื่อแต้มบุญของฟางหยวนบรรลุถึงระดับหนึ่งพัน เขามองหอคอยเกียรติยศและหัวเราะอยู่ภายใน ในที่สุด พวกเขาก็ตระหนักถึงความสําคัญของตําแหน่งคนดี คนเหล่านี้ช่างโชคร้ายนัก บางทีพวกเขาอาจถูกสะกดข่ม โดยโชคของข้า

 

ฟางหยวนเริ่มแลกเปลี่ยนสมบัติอีกครั้ง

 

ครั้งนี้เขาใช้แต้มบุญหนึ่งพันแต้มแลกกับป้ายตําแหน่งคนดีจริงๆ

 

ด้วยตําแหน่งนี้ ในที่สุดเขาก็สามารถรับภารกิจระดับสูง