คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 1432
ในเวลานั้น แดร์ริลยังไม่รู้ว่าสเตลล่าเป็นผู้หญิงที่งดงาม แต่เป็นเพราะพิษที่ทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่มีใบหน้าอัปลักษณ์เช่นนี้
แดร์ริลถามขึ้นว่า “เธอถูกวางยาพิษหรือเปล่า?”
“ใช่!” เอริคพยักหน้าขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและสิ้นหวัง
เขาเป็นเจ้าสำนักเกาะเพลิงน้ำแข็งและยังเป็นถึงเทพยุทธ์ แต่เขากลับไม่สามารถช่วยเหลือลูกสาวอันเป็นที่รักของเขาได้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าขบขันจริง ๆ !
แดร์ริลกล่าวต่อว่า “ถ้าผมเดาถูก เธอถูกวางยาพิษด้วยดอกไม้ซากศพ!” จากนั้น เขาก็ตรวจสอบดูอาการของสเตลล่าอย่างถี่ถ้วน
ดอกไม้ซากศพเป็นพืชมีพิษชนิดร้ายแรง มันเติบโตขึ้นในสถานที่ที่วิญญาณชั่วร้ายมาบรรจบกัน มันดูดซับสารอาหารจากซากศพ และนั่นจึงเป็นที่มาของชื่อของมัน
ในคัมภีร์โอสถแห่งอนันต์ได้กล่าวถึงพิษของดอกไม้ซากศพเอาไว้ว่า พิษของมันจะเข้าไปดูดกลืนสนามพลังและเร่งการตายของเหยื่อ หากเป็นคนธรรมดาอาจเสียชีวิตลงทันที แต่สำหรับผู้บ่มเพาะจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน
และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับสเตลล่า
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” เอริคตกใจมากเมื่อได้ยินว่าการคาดเดาของแดร์ริลถูกต้อง
ในขณะที่สเตลล่าและชายทั้งสี่คนต่างก็จ้องมองไปที่แดร์ริลด้วยความประหลาดใจเช่นกัน
ดวงตาของสเตลล่าเป็นประกายและเต็มไปด้วยความชื่นชม แดร์ริลสามารถคาดเดาได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะยกย่องให้เขาเป็นไอดอลของเธอ!
แดร์ริลกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แน่นอน! ไม่ใช่แค่ผมจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอเท่านั้น แต่ผมยังกลั่นยาแก้พิษได้อีกด้วย!”
ในตอนแรก แดร์ริลรู้สึกโกรธมากที่พวกเขาจับตัวเขามาเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความเมตตา ความสดใสและความร่าเริงของสเตลล่า แดร์ริลก็ทนเห็นเธอตายไม่ได้
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” เอริคตกตะลึง จากนั้น เขาก็ถามต่ออย่างเร่งรีบว่า “เจ้าสามารถกลั่นยาแก้พิษได้งั้นรึ?”
“ใช่! แต่ผมจำเป็นต้องหาส่วนผสมสำหรับการกลั่นยาแก้พิษ” แดร์ริลกล่าวด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นแดร์ริลก็หันมองไปที่เอริคและพูดต่อว่า “เพราะฉะนั้น คุณจะต้องคลายจุดสกัดให้กับผม และผมจะไปตามหาส่วนผสมเพื่อนำมากลั่นยาแก้พิษให้กับเธอ”
ในคัมภีร์แห่งโอสถอนันต์ได้บันทึกเอาไว้ว่าโอสถบางชนิดสามารถใช้แก้พิษของดอกไม้ซากศพได้ อย่างไรก็ตาม การกลั่นโอสถนั้น จะต้องใช้ส่วนผสมบางอย่างที่หายาก ดังนั้นเขาอาจจะต้องใช้เวลาสักระยะในการตามหามัน
‘คลายจุดสกัดให้เขางั้นเหรอ?’
ถึงแม้ว่าเอริคจะรู้สึกมีความหวังเมื่อได้ยินเช่นนั้นแต่เขาก็ระมัดระวังเป็นพิเศษ เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเย้ยหยันว่า “แดร์ริล เจ้าอย่าพยายามเล่นตลกกับข้าจะดีกว่า ข้ารู้ว่าเจ้ามีชื่อเสียงในเรื่องของการกลั่นยาและโอสถ เพราะถ้าไม่อย่างนั้น ข้าคงไม่ปลอมตัวเป็นสาวกของเจ้าเพื่อหลอกล่อให้คนมาติดกับดักของข้าด้วยวิธีนั้น”
เอริคกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่เฉียบคมว่า “แต่ยาแก้พิษของดอกไม้ซากศพนั้นได้สูญหายไปนานนับพันปีแล้ว และไม่มีใครที่จะสามารถปรุงแต่งมันขึ้นมาได้อีก ดังนั้น อย่าพยายามใช้กลอุบายนี้เพื่อหลอกให้ข้าคลายจุดสกัดให้กับเจ้าเลย!” เอริคกล่าวขึ้นราวกับว่าเขารู้ทันแผนของแดร์ริล
เอริคได้เดินทางไปพบผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงมากมายเพื่อขอให้พวกเขาช่วยรักษาโรคประหลาดให้กับลูกสาวของเขา แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่มีใครที่สามารถรักษาอาการป่วยให้กับลูกสาวของเขาได้ ดังนั้น เขาจึงคิดว่า แดร์ริลก็จะไม่สามารถรักษาอาการป่วยให้กับลูกสาวของเขาได้เช่นกัน
ดังนั้นเอริคจึงคิดว่าแดร์ริลไม่ได้ต้องการออกไปหาส่วนผสม แต่เขาต้องการใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการหลบหนีเท่านั้น
‘บัดซบ ชายชราผู้นี้…’
แดร์ริลทั้งอยากจะหัวเราะและร้องไห้ในเวลาเดียวกันเมื่อเขารู้ว่าเอริคไม่ยอมเห็นความเมตตาที่เขามีต่อลูกสาวของเธอ
“ลูกสาวสุดที่รักของพ่อ!”
เอริคหันมายิ้มให้กับสเตลล่าและพูดขึ้นว่า “ในเมื่อลูกได้พบกับไอดอลของลูกแล้ว ดังนั้น พ่อแน่ใจว่าลูกจะไม่เสียใจอีกต่อไป”
จากนั้น เอริคก็หันไปหาแดร์ริลและพูดขึ้นว่า “ข้าไม่มีคำขออื่นอีก นอกจากขอให้เจ้าอยู่เคียงข้างลูกสาวข้าจนนางตาย แล้วหลังจากนั้นข้าจะปล่อยเจ้าไป”
‘บัดซบ! ฉันบอกว่าฉันสามารถช่วยเธอได้ แต่คุณกลับไม่เชื่อและต้องการให้ฉันอยู่เคียงข้างเธอจนกว่าเธอจะตายงั้นเหรอ?’
แดร์ริลรู้สึกหดหู่เมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้โต้กลับ