ส่วนที่ 5 สมรภูมิดอกไม้เหลือง ตอนที่ 32 หิมะแรกตก

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ทุกคนรู้ว่าเฉินฉางเซิงต้องการจะฆ่าใครสักคนในวันนี้ ผู้คนทุ่มความสนใจไปยังที่หลายแห่งในจิงตู ตรอกกองทัพเหนือซือเจิ้งย่อมเป็นที่ได้รับความสนใจที่สุด แม้แต่วังหลวงก็ไม่ยกเว้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครจินตนาการได้ว่าหลังจากเขาเดินออกมาจากพระราชวังหลี กลับไม่ได้เดินไปที่ตรอกกองทัพเหนือซือเจิ้ง หรือวังหลวงแต่กลับไปที่จวนเว่ย

นี่ทำให้หลายคนไม่ทันตั้งตัว พวกเขาตกตะลึงและตั้งคำถามเช่นเดียวกับโจวทง

จวนเว่ยเป็นจวนแบบใดกัน เหตุใดเฉินฉางเซิงถึงได้มาที่นี่เป็นที่แรก หรือว่าในใจเขาที่แห่งนี้สำคัญยิ่งกว่าวังหลวงหรือคุกโจวอีก

ไม่นานหลังจากนั้น บางคนก็นึกได้ว่ารองเจ้ากรมพิธีการคนนั้นแซ่เฉิน และภรรยาที่เพิ่งถูกขับออกจากจวนกลับบ้านไปนั้นแซ่เซวีย เป็นลูกสาวคนโตของจวนเซวีย

ด้วยเพราะสาเหตุนี้อย่างนั้นหรือ

เฉินฉางเซิงไปจวนเว่ยเพื่ออะไร ไปแก้แค้นให้จวนเซวียอย่างนั้นหรือ หรือว่าไปกดดันให้รองเจ้ากรมเว่ยรับภรรยากลับไป

ตอนที่รองเจ้ากรมเว่ยจำได้ว่าเฉินฉางเซิงเป็นใคร เขาก็เริ่มใคร่ครวญหาสาเหตุว่าเฉินฉางเซิงมาเพราะเหตุใด และก็ได้คำตอบคล้ายคลึงกัน

เฉินฉางเซิงนั้นมาเพื่อล้างแค้นให้จวนเซวีย หรือมาเพื่อ ‘โน้มน้าว’ ให้เขารับตัวเซวียจือหวากลับจวน

คำว่า ‘โน้มน้าว’ ย่อมหมายถึง ‘บังคับ’

รองเจ้ากรมเว่ยรู้สึกโมโห แต่เขาไม่กล้าแสดงออกมา

หากเขารับภรรยากลับมาจริงๆ จวนเว่ยย่อมเสียหน้าและเขาต้องแบกรับความลำบากเอาไว้ แต่…เขายังจะทำอะไรได้อีก

อำนาจของเฉินฉางเซิงในฐานะว่าที่สังฆราชนั้นเหนือกว่าตัวเขามาก

เขาได้เตรียมใจไว้แล้ว ผ่านความหงุดหงิดและโกรธเกรี้ยวแต่ก็ไม่ถึงกับอารมณ์เสียอย่างที่ควร เมื่อได้ยินข้อเรียกร้องของเฉินฉางเซิง เขาจะยอมรับข้อเรียกร้องอย่างไม่เต็มใจแต่ไม่ถึงกับเสียกิริยา

ตอนนั้นเองที่เฉินฉางเซิงบอกถึงสาเหตุที่มา ดวงตาสุกใส กายตั้งตรง น้ำเสียงจริงใจ “ข้ามาฆ่าเจ้า”

เกล็ดหิมะตกลงสู่ลานบ้าน ทุกอย่างในโลกล้วนเงียบงัน

รองเจ้ากรมเว่ยยืนอยู่ในหิมะ ใบหน้าซีดขาว ปากอ้าค้าง ไม่อาจพูดออกมาได้เป็นเวลานาน

กลายเป็นว่าเขาไม่ได้มาเพื่อสร้างความวุ่นวายหรือบีบให้รับภรรยา แต่กลับมาเพื่อฆ่าเขา

เขาเป็นรองเจ้ากรม ในสายตาคนทั่วไป เขาเป็นเสมือนภูเขาสูงที่ไม่อาจปีนป่าย อย่างไรก็ตาม สำหรับเขาแล้ว ผู้เยาว์ตรงหน้าเขาคือยอดเขาสูงที่แท้จริง

หากว่าที่สังฆราชต้องการฆ่า แล้วยังจะมีใครมาช่วยได้อีก ไม่มีบทสรุปอื่นใดนอกจากความตาย

อาจหงุดหงิดและโกรดเกรี้ยว แต่ไม่ควรอารมณ์เสียเกินไป ไม่เต็มใจแต่ไม่เสียกิริยา ยอมรับข้อเรียกร้องของเขา…แล้วตายไป

ไม่มีใครอยากตาย

“แม้ว่าข้าจะทำเรื่องผิดมากมาย แต่ไม่มีเรื่องใดหนักหนาจนถึงขั้นตาย”

รองเจ้ากรมเว่ยจ้องมองดวงตาเฉินฉางเซิง ดวงตาหม่นมัว ลมหายใจถี่รัว

“ใช่ ไม่ว่ากฎหมายต้าโจวหรือบทบัญญัติของนิกายก็ไม่ได้บอกว่า ขับภรรยาออกจากบ้านมีโทษประหาร ในอดีตข้าย่อมไม่สังหารเจ้า แต่ตอนนี้มุมมองของข้าเปลี่ยนไปแล้ว แก้ไขเรื่องผิดไม่จำเป็นต้องทำเกินเลย แต่เมื่อทำผิดก็ต้องรับโทษและต้องให้คนได้รู้เห็น เจ้าลืมบุญคุณและทำเรื่องอยุติธรรม ดังนั้นข้าต้องการให้ประชาชนและเหล่าผู้ศรัทธาในโลกประจักษ์ว่าเจ้าได้ทำสิ่งผิด”

เฉินฉางเซิงกล่าวในที่สุด “และการลงโทษอย่างน่าสะอิดสะเอียนจะทำให้เกิดคำสรรเสริญอันงดงาม”

ยามที่เขากล่าว ดวงตาสุกใสยิ่งนัก น้ำเสียงจริงจังอย่างยิ่ง เขาไม่ได้พูดผิด ไม่ได้ตั้งใจเยาะเย้ยขุนนางผู้นี้ ไม่ได้หยามหยันเขาก่อนตาย เขาคิดเช่นนั้นจริงๆ เขามาที่จวนเว่ยเพื่อฆ่าขุนนางก็เพราะเขาหวังว่าในอนาคตเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นในโลกน้อยลงสักเล็กน้อย

รอยแดงสองรอยปรากฏขึ้นบนใบหน้าซีดขาวของรองเจ้ากรมเว่ย ร่างกายเริ่มสั่นเทา

เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

ในมุมมองของ ‘คนธรรมดา’ อย่างเขา เฉินฉางเซิงในตอนนี้คือคนบ้า ใครจะไปคิดว่าจะต้องตายเพราะการทำเรื่องอย่างเช่นไล่ภรรยาออกจากบ้านกัน ต่อให้เขาทำผิดอยู่บ้าง ไม่มั่นคงในรัก ใจแข็งและเย็นชาดั่งเหล็ก…แล้วทำไมเขาถึงต้องตาย หากไม่มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น ตระกูลของภรรยารวมถึงตัวภรรยาของเขาต้องถูกราชสำนักบีบจนตาย แต่…มันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย

หากแค่หาข้ออ้างมาฆ่าเขาก็ไม่เป็นไร

แต่มันไม่ใช่ นี่คือเหตุผลที่เฉินฉางเซิงมาฆ่าเขา

ดวงตาสุกใสกว่าเดิม น้ำเสียงยิ่งจริงจัง ในสายตาของ ‘คนธรรมดา’ เขาดูบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ

รองเจ้ากรมเว่ยมองดูกำแพงรอบลานบ้าน หาโอกาสที่จะมีชีวิตรอด เขาตระหนักว่ามันไม่ได้ผลและเริ่มร้องโหยหวนอย่างสิ้นหวังที่สุด

เกล็ดหิมะตกลงบนแผ่นกระดาษ ก่อให้เกิดเสียงที่แผ่วเบาอย่างยิ่ง ราวกับเสียงของบางสิ่งที่งดงามถูกทำลาย

กระดาษขาวราวหิมะแรกตก มีรูสามรูบนกระดาษ ทำให้มันดูน่ากลัวผิดปกติ

เสียงดังออกมาจากรูนั้น “ทุกคนบอกว่าข้าเป็นคนบ้า…ดูเหมือนว่าเจ้าจะบ้ายิ่งกว่าข้าเสียอีก”

……

……

คนมากมายรู้ว่าฮว่าเจี่ยเซียวจางเป็นคนที่ก้าวร้าวรุนแรง และจิตใจก็มีปัญหาอยู่บ้าง

อย่างไรก็ตาม ต้นฤดูหนาวปีนี้ เมื่อเขาเห็นเฉินฉางเซิงบอกรองเจ้ากรมเว่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังและดวงตาสุกใสว่ามาเพื่อฆ่าคน เซียวจางก็มีความรู้สึกประหลาดอย่างยิ่ง

เขารู้สึกว่าเฉินฉางเซิงเป็นคนบ้า เป็นคนบ้าที่จริงจังเหลือหลาย เรื่องนี้ทำให้เขาตกใจอย่างมาก

เมื่อเฉินฉางเซิงเห็นเซียวจางด้านหลังต้นไม้ เขาก็ตกใจอย่างมาก ไม่มีใครในจิงตูรู้ว่าเขาจะมาจวนเว่ยและคาดว่าตอนนี้มีคนมากมายกำลังเร่งรุดมาที่นี่ แล้วเซียวจางมารอเขาล่วงหน้าได้อย่างไร

“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” เขาถาม ใบหน้าเปี่ยมด้วยความตื่นตะลึง

ในเวลาเดียวกัน กระบี่สั้นที่เย็นเยียบและแหลมคม ไร้รอย ไร้เกล็ดน้ำแข็ง ได้แทงผ่านแขนเสื้อและบรรยากาศความตกตะลึงปักเข้าใส่ลำคอของรองเจ้ากรมเว่ย

ใบหน้าของเซียวจางมีกระดาษขาวปิดอยู่ ดังนั้นเขาย่อมไม่แสดงสีหน้าอันใด แต่ทุกคนที่เห็นกระดาษขาวก็ยังรู้สึกได้ถึงการดูถูกที่แผ่ออกมา

การดูถูกนี้ย่อมเล็งไปที่กระบี่ของเฉินฉางเซิง เป็นการหัวเราะไร้เสียงที่แปลกประหลาด เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

เจ้ากล้าฆ่าคนต่อหน้าข้าจริงหรือ

ทวนพุ่งขึ้นจากหิมะทำให้เสื้อผ้าสั่นไหว แทงผ่านความเย็นหมายตัดผ่าโลกใบนี้

ไวเท่าความคิด ทวนที่เย็นและแหลมคมก็ปะทะกับกระบี่ของเฉินฉางเซิง

ไม่ว่าเฉินฉางเซิงจะมีพรสวรรค์เพียงใด ต่อให้เขาเอาชนะหลินกงกงได้ในสำนักฝึกหลวง ทว่าหากเขาใช้กระบี่สั้นปะทะกับทวนนี้ตรงๆ เขาจะเอาชนะเซียวจางได้อย่างไร

ขณะต่อมา ทวนของเซียวจางก็ทะลวงผ่านกระบี่สั้นของเฉินฉางเซิง

เขายืนอยู่ตรงหน้ารองเจ้ากรมเว่ย

การลอบสังหารครั้งแรกในหิมะแรกของฤดูหนาวของจิงตูก็มาถึงจุดสิ้นสุด

ในตอนนี้ดูเหมือนว่านี่เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้

อย่างไรก็ตาม เรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ

อย่างเช่นวันนี้

กระดาษขาวบนใบหน้าของเซียวจางกระพือและความดูหมิ่นเหยียดหยามที่ไม่ได้กล่าวออกมาเป็นคำพูดก็อัตรธานหายไป

การหัวเราะไร้เสียงอันประหลาดกลายเป็นเสียงหอนที่แปลกอย่างแท้จริง สะท้อนไปทั่วจวนฉีกกระชากผ่านท้องฟ้าที่พรั่งพรูด้วยหิมะ

เส้นทางทวนเคลื่อนไปเพียงเล็กน้อย

ไม่อาจที่จะกระแทกใส่กระบี่สั้น

กระบี่สั้นเย็นเยียบแทงทะลุอากาศนำโลหิตไปด้วย

เลือดฉีดพุ่งเข้าสู่หิมะที่ตกลงมา เปลี่ยนเป็นภาพที่งดงามอย่างมาก

วัตถุหนึ่งบินผ่านอากาศ หมุนวนอย่างรุนแรง บินไปอย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดก็ตกลงกับพื้น ส่งหิมะน้ำแข็งลอยขึ้น

มันคือหัวของรองเจ้ากรมเว่ย ดวงตายังไม่หลับลง

เซียวจางเงยหน้ามองตรงไป ใบหน้าแผ่กลิ่นอายเย็นเยียบราวกับมองเข้าไปในขุมนรก

ชายชุดเขียวครามปรากฏกายขึ้นที่ประตูจวนเว่ย

คิ้วทั้งคู่ของคนผู้นี้ลู่ลงเล็กน้อย แลดูทนทุกข์อย่างมากเปี่ยมไปด้วยความไม่เต็มใจ ตรงอกมีดาบที่ยังไม่ชัดออกจากฝัก