บทที่ 1901 ทะเลสงบ

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1901 ทะเลสงบ

 

แสงสีขาวนําฟางหยวน เมียวหมิงเฉิน และคนอื่นๆเดินทางออกจากหอคอยเกียรติยศ

 

พวกเขามาถึงจุดหมายและเริ่มตรวจสอบสภาพแวดล้อมทันที

 

มันเป็นทะเลที่กว้างใหญ่

 

ทะเลแห่งนี้มีเกาะเล็กๆห้าเกาะ

 

เกาะแรกคือเกาะหยก มันเต็มไปด้วยเสาหยกจํานวนนับไม่ถ้วน

 

เกาะที่สองคือเกาะกระดูกขาว มันเป็นสีขาดซีดและมีซากศพของสัตว์อสูรกระจัดกระจายอยู่รอบๆ

 

เกาะที่สามคือเกาะมิติเร้น มันดูเหมือนภาพลวงตาที่ไม่มีอยู่จริง

 

เกาะที่สี่คือเกาะพายุดาบ มีพายุหมุนสามลูกที่ไม่เคยหยุดหมุนเคลื่อนที่อยู่บนเกาะ

 

เกาะที่ห้าคือเกาะจันทรา มันมีรูปร่างเหมือนจันทร์เสี้ยวและถูกปกคลุมด้วยท้องฟ้าที่มืดมิดตลอดเวลาทราย บนเกาะแห่งนี้เรืองแสงออกมาทําให้มันดูเหมือนดวงจันทร์ในยามค่ําคืน

 

ตอนนี้สามในห้าเกาะเริ่มลอยไปตามกระแสน้ําท่ามกลางพวกมัน เกาะพายุดาบเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ไม่แน่นอนด้วยความเร็วสูง เกาะหยกกําลังตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน เสาหยกบนเกาะแตกหักและอยู่ในสภาพทรุดโทรม

 

สาเหตุหลักของเรื่องนี้คือกระแสน้ําใต้ทะเล

 

กระแสน้ําเกิดการเปลี่ยนทิศและขยายใหญ่ขึ้นจนก่อให้เกิดอันตรายต่อสภาพแวดล้อม การหยุดกระแสน้ําใต้ทะเลและฟื้นฟูสภาพแวดล้อมของสถานที่แห่งนี้คือภารกิจระดับสุดยอดในครั้งนี้

 

ฟางหยวนเริ่มอนุมาน

 

ขณะเดียวกันกลุ่มของเสี่ยวหมิงเฉินก็พยายามตรวจสอบพื้นที่ด้วยวิธีการทั้งหมดของพวกเขา

 

ทุกคนขมวดคิ้วและแสดงออกอย่างจริงจัง

 

“นี่คือภารกิจระดับสุดยอดงั้นหรือ? ความยากของมันสูงกว่าภารกิจระดับกลางหลายเท่า!” หัวใจของฮวาตี้จมดิ่งลง

 

ใบหน้าของเฟิงเจียงกลายเป็นน่าเกลียด “ก่อนหน้านี้ข้าพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปรับปรุงระบบนิเวศของเกาะ รวงผึ้งแต่มันยังไม่สมบูรณ์ ภารกิจระดับสุดยอดนี้ไม่ใช่เรื่องของการแก้ไขระบบนิเวศเท่านั้นแต่มันเป็นการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ เกาะเหล่านี้อยู่ในสถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าเกาะรวงผึ้ง เกาะทั้งห้าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภารกิจ มันยังมีพื้นที่ทะเลขนาดใหญ่และกระแสน้ําใต้ทะเลที่ต้องได้รับการแก้ไข”

 

“ภารกิจนี้ซับซ้อนมาก การปรับโครงสร้างทะเลแห่งนี้ต้องคํานึงถึงรายละเอียดทั้งหมดอย่างถี่ถ้วน หากปราศจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เราต้องทําการทดลองหลายครั้งและลองผิดลองถูกไปทีละขั้นตอน ระหว่างกระบวนการนี้เราจะทําเรื่องผิดพลาดมากมาย” กุ้ยฉีเยถอนหายใจ

 

เสี่ยวหมิงเฉินคํานวณก่าไรขาดทุน “ภารกิจระดับกลางที่ข้าพึ่งทําใช้ทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดของข้าไปเป็นจํานวนมาก เพื่อปรับโครงสร้างของสถานที่แห่งนี้ เราต้องใช้พลังงานและทรัพยากรจํานวนมหาศาล!”

 

ยิ่งเสี่ยวหมิงเฉินและคนอื่นๆ ตรวจสอบมากเท่าใด กําลังใจของพวกเขาก็ยิ่งลดลงเท่านั้น

 

ความยากลําบากของภารกิจระดับสุดยอดทําให้พวกเขาต้องการยอมแพ้

 

พวกเขาเริ่มรู้สึกว่าการติดตามฟางหยวนมาทําภารกิจนี้ไม่ใช่การตัดสินใจที่ฉลาด

 

“น้องชู เรามาวางแผนกันเถอะ” เมื่อถึงจุดนี้เดี๋ยวหมิงเฉินก็ทําได้เพียงเผยรอยยิ้มขมขึ้นและต้องการหารือกับฟางหยวน

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น ร่างแยกกาลเวลาและร่างหลักของเขาร่วมมือกัน วางแผนที่สมบูรณ์แบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว

 

เขาป้องหมัดกล่าว “พี่เมียว ข้าวางแผนไว้แล้ว เพียงทําตามคําแนะนําของข้า เราจะทําภารกิจนี้สําเร็จอย่าง แน่นอน”

 

เสี่ยวหมิงเฉินตกตะลึง แม้เขาจะรู้สึกไม่อยากจะเชื่อแต่เขายังต้องพยักหน้า “ตกลง น้องชูโปรดชี้แนะ พวกเราจะทําอย่างดีที่สุด!”

 

ฟางหยวนหัวเราะ “พี่เบี้ยวไม่จําเป็นต้องสุภาพมากนัก มันจะดีสําหรับทุกคนหากพวกเราทํางานร่วมกัน ยิ่งเราทําภารกิจระดับสุดยอดสําเร็จมากเท่าใด ผลตอบแทนก็ยิ่งมากเท่านั้น มันไม่สามารถเปรียบเทียบกับภารกิจระดับกลาง!”

 

“ข้าเกรงว่าเราอาจทําได้ไม่ดีนัก เมี่ยวหมิงเฉินลอบถอนหายใจอยู่ภายในแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา เขาสูญเสียความมั่นใจในตัวเองไปแล้ว ตอนนี้เขาทําได้เพียงคาดหวังกับฟางหยวนเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตามคํากล่าวของฟางหยวนทําให้เขาสบายใจขึ้นเล็กน้อย

 

ฟางหยวนไม่ได้แสดงท่าที่ยโส ทัศนคติในการร่วมมือของเขาแสดงให้เห็นถึงความเท่าเทียม สิ่งนี้แตกต่างจากเฉินกงเจิ้งอย่างชัดเจน

 

“พี่เยี่ยว ข้าต้องการให้ท่านดูแลเกาะหยกและป้องกันกระแสน้ําที่กระแทกมัน โปรดให้กุ้ยฉีเย่ไปประจําการที่เกาะพายุดาบและทําให้แน่ใจว่ามันจะไม่ออกนอกเส้นทาง ข้าขอให้เฟิงเจียงและฮวาตี้ปกป้องเกาะจันทราและเกาะกระดูกขาวตามลําดับ ข้าจะไปจัดการเกาะมิติเร้น”

 

ฟางหยวนแบ่งงานให้กับทุกคน

 

ด้วยการจัดการของผู้อมตะทั้งสี่ เกาะเหล่านั้นจึงหยุดเคลื่อนที่ไปตามกระแสน้ํา ความเร็วในการเคลื่อนที่ของพวกมันลดลงถึงระดับที่สามารถควบคุมได้

 

ฟางหยวนเลือกดูแลเกาะมิติเร้น นี่ทําให้มีผู้อมตะรู้สึกสงสัยอยู่ภายใน

 

“เกาะมิติเร้นเสถียรที่สุด มันจัดการได้ง่ายที่สุด

 

เหตุใดชูอิงถึงเลือกจัดการเกาะนี้ก่อน? เขาควรแก้ไขเกาะอื่นก่อน หากเขาจัดการมันก่อน เขาจะพบความยากล่าบากในการจัดการเกาะอื่นๆในภายหลัง

 

“ในความคิดเห็นของข้า เขาควรจัดการเกาะพายุดาบเป็นอันดับแรก มันเป็นสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เราควรจัดการที่ต้นหตุตั้งแต่เริ่มต้น

 

ฟางหยวนบินลงบนเกาะมิติเร้นก่อนจะบินออกมาอย่างรวดเร็ว ความเร็วของเขาทําให้เมียวหมิงเฉินและคนอื่นๆตกตะลึง

 

ฟางหยวนเดินทางต่อไปยังเกาะกระดูกขาว

 

ภายใต้การเฝ้ามองของฮวาตี้ ฟางหยวนน่าทรัพยากรอมตะออกมาจากมิติช่องว่างของเขาและโยนมันออก ไปรอบๆ

 

“เขากําลังจัดตั้งค่ายกล!” ฮวาตี้ตระหนักถึงสิ่งนี้

 

ฟางหยวนมีทั้งทักษะและประสบการณ์ การจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะของเขาเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว มันทําให้ฮวาตี้รู้สึกชื่นชมและประหลาดใจมาก

 

ในไม่ช้าฟางหยวนก็สร้างค่ายกลสําเร็จ

 

ปากของฮวาตี้อ่าค้างด้วยความตกใจและไม่สามารถปิดมันลงได้เป็นเวลานาน

 

“ชูยิ่งใช้ทรัพยากรอมตะสร้างค่ายกล! นี่หมายความว่าเขามีความสําเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกลงั้นหรือ?

 

“ดังนั้นเขาก็ไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงแต่เป็นเส้นทางแห่งค่ายกล!”

 

ไม่ เป็นไปไม่ได้ ย้อนกลับไปเขาเอาชนะเกอเหวินและช่วยพวกเรา เขาใช้วิธีบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน

 

“อย่าบอกว่าเขาบ่มเพาะสองเส้นทาง?”

 

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้อมตะจะบ่มเพาะสองเส้นทาง แต่สําหรับฟางหยวนที่เชี่ยวชาญทั้งสองเส้นทางด้วย ความสําเร็จระดับนี้ มันหาได้ยาก

 

การจัดเตรียมบนเกาะกระดูกขาวเสร็จสิ้น ฟางหยวนกระตุ้นใช้งานค่ายกลย่อยนี้และเชื่อมต่อมันกับค่ายกล ย่อยที่อยู่บนเกาะมิติเร้น

 

เกาะกระดูกขาวเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จากนั้นมันก็ยึดติดกับทะเลและไม่ส่งสัญญาณของการเคลื่อนไหวอีกต่อไป

 

ในที่สุดสวาตี้ก็เข้าใจเจตนาของฟางหยวน เขาใช้เกาะมิติเร้นเป็นฐานเพื่อทําให้เกาะอื่นเกิดเสถียรภาพ

 

เกาะมิติเร้นเป็นรากฐานที่ดีที่สุดสําหรับห่วงโซ่นี้เพราะกระแสน้ําไม่สามารถโจมตีมัน แต่…

 

ในไม่ช้าฮวาตี้ก็ตระหนักถึงข้อบกพร่องบางอย่าง แต่มันเกิดจากพลังอํานาจของค่ายกล กระแสน้ํายังส่งผลกระทบต่อเกาะเหล่านี้ เมื่อเวลาผ่านไปค่ายกลจะพังทลายลงในที่สุด เกาะเหล่านี้จะยังลอยไปตามกระแสน้ําเช่นเดิม

 

ฟางหยวนไม่ได้ขจัดความสงสัยของนาง หลังจากไม่นานเขาก็ไปยังเกาะที่เหลือและจัดตั้งค่ายกลย่อยขึ้นบนเกาะเหล่านั้น

 

เสี่ยวหมิงเฉินและคนอื่นๆเฝ้ามองฟางหยวนด้วยสายตาซับซ้อน

 

ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของฟางหยวนทําให้พวกเขาตกตะลึง

 

ปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกลหายากมาก!

 

ก่อนหน้านี้ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของฟางหยวนเคยทําให้พวกเขารู้สึกชื่นชมมาแล้ว

 

ด้วยความสามารถดังกล่าว ความลึกลับของฟางหยวนในหัวใจของพวกเขายิ่งมากขึ้นไปอีก

 

“อย่างไรก็ตามการรักษาเสถียรภาพของเกาะทั้งห้าถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี”

 

“แต่ปัญหาที่แท้จริงของมันคือกระแสน้ํารอบเกาะ”

 

“หากไม่มีวิธีบนเส้นทางแห่งวารีที่เหมาะสม เราจะจัดการปัญหานี้ได้อย่างไร?”

 

เมียวหมิงเฉินและคนอื่นๆพูดคุยกัน พวกเขาไม่ได้ส่งเสียงออกมาแต่ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูล

 

กระแสน้ําใต้ทะเลรุนแรงเกินไป เดี๋ยวหมิงเฉินและคนอื่นๆคิดได้เพียงการใช้ท่าไม้ตายอมตะโจมตีและทําลายมันที่ละน้อยทีละน้อยเท่านั้น

 

แต่นั้นเป็นวิธีที่ตื้นเขิน มันจะทําให้พวกเขาเสียทั้งเวลาและพลังงานอมตะ ข้อบกพร่องร้ายแรงที่สุดของวิธีดังกล่าว คือมันจะสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ให้แก่พื้นที่รอบๆ

 

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่มีความคิดที่ดีกว่านี้

 

“ครื้น…”

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่ฟางหยวนกระตุ้นใช้ค่ายกลทั้งหมด

 

เกาะทั้งห้าปลดปล่อยเสาแสงสีต่างๆขึ้นสู่ท้องฟ้า พลังอํานาจของค่ายกลวิญญาณอมตะพุ่งสูงขึ้นทันที

 

“นี่คือพลังที่แท้จริงของค่ายกลนี้!” เสี่ยวหมิงเฉินและคนอื่นตกตะลึง

 

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ของเกาะทั้งห้าหนาแน่นมาก จนสามารถถูกพิจารณาว่าเป็นทรัพยากรอมตะขนาดใหญ่ชิ้นเดียวกัน

 

“ตอนนี้ข้าจะดึงกระแสน้ํา ทุกคน ปกป้องเกาะของตนเองต่อไป หากมีสัตว์อสูรโจมตีหรือเกิดคลื่นยักษ์ที่เป็นอันตรายต่อเกาะ ข้าต้องการให้พวกเจ้าหยุดมัน!” ฟางหยวนตะโกนเสียงดัง

 

เสี่ยวหมิงเฉินและคนอื่นๆเร่งตอบรับ

 

เสาแสงทั้งห้ค่อยๆเลือนหายไปและกลายเป็นละอองแสงสีขาวกระจัดกระจายอยู่บนท้องฟ้า

 

ละอองแสงสีขาวร่วงหล่นลงสู่ทะเล

 

กระแสน้ําราวกับปลาวาฬสีน้ําเงินที่พุ่งเข้าโจมตีเกาะหยกที่อยู่ใกล้ที่สุด

 

เสี่ยวหมิงเฉินที่อยู่บนเกาะหยกกัดฟันและรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล

 

หากการป้องกันของค่ายกลวิญญาณอมตะไม่แข็งแกร่งพอ เกาะหยกอาจถูกทําลายล้าง

 

“บีม!”

 

คลื่นยักษ์สูงสิบเมตรพุ่งเข้าโจมตีเกาะหยกอย่างรุนแรง

 

เสี่ยวหมิงเฉินคํารามและใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อต่อต้านมัน

 

กระแสน้ําค่อยๆเปลี่ยนทิศทางและเคลื่อนที่ไปทางซ้ายของเกาะหยก มันถูกชักนําให้เคลื่อนที่ไปยังเกาะกระ ดูกขาว

 

เกาะกระดูกขาวอยู่ภายใต้การดูแลของฮวาตี้ นางแทบกรีดร้องออกมาเมื่อเห็นคลื่นยักษ์พุ่งเข้าไปหา

 

จากการหารือภายในกลุ่มของเสี่ยวหมิงเฉิน พวกเขาจะค่อยๆทําให้กระแสน้ําอ่อนแอลง หากทําได้พวกเขาจะทําลายมันทิ้งไป

 

แต่ฟางหยวนยังดึงดูดกระแสน้ําเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ

 

“ชองบ้าไปแล้ว!” ฮวาที่เต็มไปด้วยความกังวลและหวาดกลัว

 

นอกจากนี้มันยังมีสัตว์อสูรจํานวนมากที่ติดอยู่ในคลื่นน้ําเคลื่อนที่เข้ามาพร้อมกัน ฮวาตี้ต้องทุ่มเทกําลังทั้งหมดเพื่อต่อต้านพวกมัน

 

ด้วยวิธีนี้คลื่นน้ําจึงพุ่งเข้าปะทะเกาะทั้งห้าที่ละเกาะ

 

ทุกครั้งที่เกิดการปะทะ คลืนน้ําจะอ่อนกําลังลงระดับหนึ่งก่อนที่มันจะถูกดึงดูดไปยังเกาะถัดไป

 

หลังจากห้ารอบ คลื่นน้ําก็เกือบจะกลายเป็นคลื่นธรรมดา มันสงบลงมาก

 

ในทางตรงข้าม หัวใจของกลุ่มผู้อมตะกลับสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรงด้วยความไม่อยากจะเชื่อและตกใจอย่างที่สุด

 

พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าฟางหยวนจะสามารถแก้ปัญหาด้วยวิธีการนี้

กระแสที่เหลืออยู่กลายเป็นปราการป้องกันเกาะทั้งห้าและช่วยรักษาค่ายกลวิญญาณอมตะเอาไว้

 

หากพวกเขาทําตามแผนการของเสี่ยวหมิงเฉิน พื้นที่ทะเลแห่งนี้จะถูกทําลายทั้งหมด

 

อย่างไรก็ตามวิธีของฟางหยวนสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าวได้อย่างชาญฉลาด เขายังสามารถใช้กระแสน้ําให้เป็นประโยชน์และเสริมสร้างรากฐานให้กับทะเลแห่งนี้

 

นี่คือความสําเร็จที่น่าเหลือเชื่อ!

 

กลุ่มของเสี่ยวหมิงเฉินรู้สึกประทับใจมาก

 

มันเป็นเรื่องยากที่จะบรรลุความสําเร็จนี้

 

ยังไม่ต้องกล่าวถึงการจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะ เพียงการจัดการกระแสน้ําอย่างเดียว กระทั่งผู้อมตะบนเส้นทางแห่งวารีก็ยังไม่สามารถทําได้ถึงระดับนี้ การทําให้กระแสน้ําอ่อนกําลังลงถึงจุดที่เหมาะสมจําเป็นต้องคิดคํานวณอย่างรอบคอบและแม่นย่า หากมากหรือน้อยเกินไป มันจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมและไม่สามารถรักษาสมดุล

 

“ปัญหาใหญ่ที่สุดได้รับการแก้ไขแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการฟื้นฟูและปรับโครงสร้างระบบนิเวศของเกาะ สําหรับเรื่องในอนาคตอันห่างไหล พวกเราไม่จําเป็นต้องคิดถึงมัน” ฟางหยวนยิ้ม

 

เขาค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์นี้

 

ฟางหยวนทิ้งเจตจํานงของเขาและพลังงานอมตะจํานวนหนึ่งไว้ที่นี่ ตราบเท่าที่พวกมันยังอยู่ เกาะทั้งห้าจะปลอดภัยมาก